Series ฝึกภาษาอังกฤษ: Super schedule, master plan เก่ง=ฝึก และพูดได้ ไม่ใช่ พูดตาม script

กระทู้คำถาม
เพี้ยนกินเพี้ยนชนะเลิศ

สวัสดีครับ ผมอาจารย์ต้น/ต้น
My schedule สำหรับปี 2014-December 2515 นะครับ
Mon- Fri
Listening 3-4 hours
Speaking 30 minutes
Reading 1-2 hours
Writing 1 hours
Thinking  all the time
Total เฉพาะ 4 skills: 5.30 – 7.30 hours per day

[ยังไม่ได้บวกเวลาที่เตรียมสอน ประสานงานกับอาจารย์ฝรั่ง ฯลฯ]
ต้องเข้ม เพราะพูดได้ ไม่ใช่ พูดตาม script
ความหมายคือ Speaking English is my second nature. การพูดภาษาอังกฤษเป็นธรรมชาติที่สอง สำนวนภาษาอังกฤษเขาใช้ second nature สำหรับ do something almost without thinking แปลเป็นไทย ตลกไปหน่อย
ไม่ใช่อ่านหนังสือ Conversation แล้วจำไปพูด ระยะสั้นน่ะได้ แต่ระยะยาว ต้องอาศัยการฟังและอ่านเยอะๆ เน้น active leaning ให้ภาษามันซึมซับเข้าสมองเองครับ ทีละนิดๆ

ผมอดสังเกตและสรุปเอาเองว่า คนที่อยากพูดได้เร็วๆ เพียงเพราะว่า ไม่ต้องการใช้เวลามาก และอาจเข้าใจผิด mindset ผิดๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนไทยส่วนใหญ่
ว่าภาษาเป็นเร็วได้ จุดขายน่ะครับ ถ้าบอกยากเเละนาน คนเรียนน้อย หมดกำลังใจกันซะก่อน
ถ้าเป็นจริง ทำไมคนมีฐานะถึงได้ส่งลูกเรียนนานาชาติตั้งแต่เด็กๆล่ะครับ ไม่เพียงแต่เท่านั้น พอลูกขึ้นประถมปลายหรือมัธยมต้น ส่งไปนอกเลย กว่าจะกลับ โน้นแหนะ ปริญญาโทครับ
4+4+2 = 10 ปีอย่างต่ำ
กี่ล้าน??????

เเต่.... ผมเชื่อว่าพูดและใช้ภาษากันได้แน่ ถ้าฝึกจริง แต่มาตรฐานจะเท่าไหน ก็อีกเรื่อง แต่ประเด็นผม ขอให้ฝึกจริง เมืองไทยก็เก่งได้ เก่งของผมคือ สื่อสารได้ระดับที่ดีพอตัวครับ

สำหรับการฝึกของผม เพราะผมได้ผ่านการใช้ชีวิตต่างแดนมานานพอสมควรและได้ใช้ตลอดเวลา ผมอาจจะจดเวลาที่ผมใช้ฝึกทักษะทุกวัน แต่เป็นช่วงๆ ไม่ได้หมายถึงผมจดทุกวันตลอด 26 ปีที่ผ่านมา และอาจไมได้ฝึก 4 skills อย่างเข้มข้นบ้างในบางช่วง อาจเป็นข้อเสียของผมหรือเป็นเพราะผมก็คือมนุษย์ทั่วๆไปคนหนึ่ง คือผมทำตามอารมณ์ ไม่ค่อยจะฝืนใจฝึกหรือจด หลายๆปีที่ผ่านมาผมอาจจะฟัง พูด อ่านและเขียนโดยที่ผมไม่จด เลยไม่รู้ว่าลงทุนเรื่องเวลา ลงแรงไปมากน้อยแค่ไหน

Learning outcomes ก็คือสามารถใช้ภาษาเป็นภาษาที่สองได้ หน้าที่ช่วง 3-4 ปีหลังคือแปลงานและจดบันทึกการประชุม แปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย จะสังเกตว่า ยิ่งนานวัน (ถ้าไม่นับการสอนพิเศษ) โรงเรียนจะให้ห่างการสอนมากขึ้น มาทำงานด้านหลัง ส่วนด้านหน้ามอบให้อาจารย์ฝรั่งเหมือนเดิม!!!! ซึ่งใจจริงอยากสอนมากกว่า

นี่คืออุปสรรคหรือ The glass ceiling แบบหนึ่งที่คนไทยที่ริใช้ภาษาอังกฤษต้องอดทน ถ้าจะอยู่ใน teaching environment/ education in an international setting
บ่นแค่นี้ละครับ
Let’s practice English together. มาฝึกด้วยกันไหม?
พบกันใหม่ครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่