ถ้าหากว่าเราเชื่อมั่นในตัวเอง และมีความพยายาม ความมุ่งมั่นกับสิ่งที่เราทำ เราก็จะได้รับผลตอบแทนมาอย่างคุ้มค่า
สิ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนในชีวิต คือพลังในใจของเราเอง
สิ่งที่เราพยายามทำมาตลอดสามปีของชีวิตนักเรียนมอปลายด้วยความรักกับมัน สุดท้าย เราก็ทำสำเร็จแล้ว...เราได้มาเรียนต่อที่ปักกิ่งสมใจแล้ว
มีกฏข้อนึง ที่เราเชื่อว่าหลายๆคน ก็ต้องรู้ดี เพียงแต่ว่าใครเคยใช้มันสำเร็จ หรือเชื่อไม่เชื่อในกฏข้อนี้เสียมากกว่า มันคือกฏแห่งแรงดึงดูด
เราขอย้อนกลับไปตอนมอสี่ ซึ่งเป้นครั้งแรกที่เราได้ไปต่างประเทศ และสถานที่เราไปในตอนนั้นก็คือเมืองที่เราอยู่ในตอนนี้...เราว่าบางอย่างของมันอยู่
ตอนนั้นหลังจากที่เราตั้งความมุ่งมั่นว่าอยากไปเรียนต่อต่างประเทศมากๆ เราก็เปิดเน็ตหาไปเรื่อยเปื่อย เสิร์ทในกูเกิ้ลเนี่ยแหละว่าเรียนต่อประเทศจีน เราก็เจอกับเว็บเจนซี่ต่างๆมากมาย เราก็หาไปเรือ่ยๆ มีไปเทคคอร์สช่วงปิดเทอมเต็มไปหมด ตอนนั้นมันอยากไปมาก และด้วยความที่เพิ่งผ่านพ้นมอต้น มันก็รู้สึกว่าการไปต่างประเทศมันเป็นเรื่องใหญ่มากเลย คนที่ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน มันจะรู้สึกว่า เหมือนมันเป้นเรื่องไกลตัวของเราจริงๆ เราไม่คิดว่าเราจะได้ไปหรอก เพราะที่บ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย มันแลดูเหมือนเป้ฯความฝันลมๆแล้งๆของเด็ก แต่ด้วยความที่ เราอยาทำอะไรเราก็ทำ เราไม่ได้คิดเลยว่าจะได้หรือไม่ได้ แค่คิดว่าอยากไป เราก็ลองเอาโครงการเทคคอร์สที่ปักกิ่งที่เราคิดว่าถูกสุดคุ้มสุดและไปเสนอที่บ้านดูเล่นโดยไม่ได้คิดว่าจะได้ไปด้วยซ้ำ เราก็พูดพร่ำไปถึงประโยชน์ต่างๆนานา ช่วงนั้นเราก็พูดแต่เรื่องไปเทคคอร์ศ ตอนกลางคืนก่อนนอนก็วาดฝันไว้ คิดทุกคืน (อารมณ์คนไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนแค่พอคิดว่าจะได้ไปมันก็โครตมีความสุขและ) ตอนนั้นเวลาคิดทีไร มันจะมีทั้งภาพทั้งความรู้สึก มันจะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว คือมีความสุขทุกครั้งที่วาดภาพในหัว คิดว่าเราอยู่สนามบินบ้าง ไปถึงที่นู่นจะเป็นยังไงบลาๆ จนในที่สุด ที่บ้านก็ให้เราไป คือมันแบบ ดีใจมากๆ มันเป็นอารมณ์ที่ฟินสุดๆเลย
หลังจากนั้น เราก็ได้อ่านหนังสืออีกหลายเล่มเกี่ยวกับกฏแห่งการดึงดูด ที่บอกให้คิดถึงสิ่งที่เราอยากได้ คิดให้สมจริงที่จริง เมหือนว่ามันเกิด เมื่อเราลองมองย้อนกลับไป(ตอนนั้นยังไม่รู้เกี่ยวกับกฏนี้) เราก็คิดว่า เฮ้ยกฏนี้มันจริงว่ะ คือเราเคยทำมาก่อน(แต่ตอนนั้นยังไม่รู้) หลังจากนั้น เราก็มักจะใช้วิธีนี้บ่อยๆในการดึงดูดสิ่งที่เราอยากได้ แต่มันก็มีสำเร็จไม่สำเร็จบ้าง ปะปนกันไป ขึ้นอยู่กับจิตของเราตอนนั้น ว่าเราจริงจังกับสิ่งที่เราคิดแค่ไหน ซึ่งในความคิดเรา เราเชื่อว่าทุกคนถ้าเคยทำทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จ จะรู้ได้เองว่า ที่มันไม่สำเร็จเพราะอะไร เราขาดอะไรไปรึเปล่า..
เมื่อไปถึงปักกิ่ง ซึ่งเป้นการไปต่างประเทศครั้งแรก คือ...รับไม่ไหวกับกลิ่นบุหรี่มาก เราปวดหัวสุดๆ คนขากสเลดกันให้สนั่นเมือง เราโครตพะอืดพะอมเลย ตอนนั้นแอบคิด จะไหวมั๊ยวะ อาหารก็โครตตตตตตตตจะมันเยิ้ม ทำให้น้ำหนักเราพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายก่อนกลับ ระหว่างเดินข้ามสะพานจะกลับหอพัก เรากระโดดบนสะพานสามครั้งแล้วก็ตะโกนว่า อีกสามปีเราจะกลับมา
และสุดท้าย เราก็ได้กลับไป อย่างที่เราตะโกนไว้ตอนนั้นจริงๆ
<<ประสบการณ์ชีวิตนักเรียนในเป่ยต้า>>ตอนที่2 ณ กรุงปักกิ่ง
สิ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนในชีวิต คือพลังในใจของเราเอง
สิ่งที่เราพยายามทำมาตลอดสามปีของชีวิตนักเรียนมอปลายด้วยความรักกับมัน สุดท้าย เราก็ทำสำเร็จแล้ว...เราได้มาเรียนต่อที่ปักกิ่งสมใจแล้ว
มีกฏข้อนึง ที่เราเชื่อว่าหลายๆคน ก็ต้องรู้ดี เพียงแต่ว่าใครเคยใช้มันสำเร็จ หรือเชื่อไม่เชื่อในกฏข้อนี้เสียมากกว่า มันคือกฏแห่งแรงดึงดูด
เราขอย้อนกลับไปตอนมอสี่ ซึ่งเป้นครั้งแรกที่เราได้ไปต่างประเทศ และสถานที่เราไปในตอนนั้นก็คือเมืองที่เราอยู่ในตอนนี้...เราว่าบางอย่างของมันอยู่
ตอนนั้นหลังจากที่เราตั้งความมุ่งมั่นว่าอยากไปเรียนต่อต่างประเทศมากๆ เราก็เปิดเน็ตหาไปเรื่อยเปื่อย เสิร์ทในกูเกิ้ลเนี่ยแหละว่าเรียนต่อประเทศจีน เราก็เจอกับเว็บเจนซี่ต่างๆมากมาย เราก็หาไปเรือ่ยๆ มีไปเทคคอร์สช่วงปิดเทอมเต็มไปหมด ตอนนั้นมันอยากไปมาก และด้วยความที่เพิ่งผ่านพ้นมอต้น มันก็รู้สึกว่าการไปต่างประเทศมันเป็นเรื่องใหญ่มากเลย คนที่ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน มันจะรู้สึกว่า เหมือนมันเป้นเรื่องไกลตัวของเราจริงๆ เราไม่คิดว่าเราจะได้ไปหรอก เพราะที่บ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย มันแลดูเหมือนเป้ฯความฝันลมๆแล้งๆของเด็ก แต่ด้วยความที่ เราอยาทำอะไรเราก็ทำ เราไม่ได้คิดเลยว่าจะได้หรือไม่ได้ แค่คิดว่าอยากไป เราก็ลองเอาโครงการเทคคอร์สที่ปักกิ่งที่เราคิดว่าถูกสุดคุ้มสุดและไปเสนอที่บ้านดูเล่นโดยไม่ได้คิดว่าจะได้ไปด้วยซ้ำ เราก็พูดพร่ำไปถึงประโยชน์ต่างๆนานา ช่วงนั้นเราก็พูดแต่เรื่องไปเทคคอร์ศ ตอนกลางคืนก่อนนอนก็วาดฝันไว้ คิดทุกคืน (อารมณ์คนไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนแค่พอคิดว่าจะได้ไปมันก็โครตมีความสุขและ) ตอนนั้นเวลาคิดทีไร มันจะมีทั้งภาพทั้งความรู้สึก มันจะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว คือมีความสุขทุกครั้งที่วาดภาพในหัว คิดว่าเราอยู่สนามบินบ้าง ไปถึงที่นู่นจะเป็นยังไงบลาๆ จนในที่สุด ที่บ้านก็ให้เราไป คือมันแบบ ดีใจมากๆ มันเป็นอารมณ์ที่ฟินสุดๆเลย
หลังจากนั้น เราก็ได้อ่านหนังสืออีกหลายเล่มเกี่ยวกับกฏแห่งการดึงดูด ที่บอกให้คิดถึงสิ่งที่เราอยากได้ คิดให้สมจริงที่จริง เมหือนว่ามันเกิด เมื่อเราลองมองย้อนกลับไป(ตอนนั้นยังไม่รู้เกี่ยวกับกฏนี้) เราก็คิดว่า เฮ้ยกฏนี้มันจริงว่ะ คือเราเคยทำมาก่อน(แต่ตอนนั้นยังไม่รู้) หลังจากนั้น เราก็มักจะใช้วิธีนี้บ่อยๆในการดึงดูดสิ่งที่เราอยากได้ แต่มันก็มีสำเร็จไม่สำเร็จบ้าง ปะปนกันไป ขึ้นอยู่กับจิตของเราตอนนั้น ว่าเราจริงจังกับสิ่งที่เราคิดแค่ไหน ซึ่งในความคิดเรา เราเชื่อว่าทุกคนถ้าเคยทำทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จ จะรู้ได้เองว่า ที่มันไม่สำเร็จเพราะอะไร เราขาดอะไรไปรึเปล่า..
เมื่อไปถึงปักกิ่ง ซึ่งเป้นการไปต่างประเทศครั้งแรก คือ...รับไม่ไหวกับกลิ่นบุหรี่มาก เราปวดหัวสุดๆ คนขากสเลดกันให้สนั่นเมือง เราโครตพะอืดพะอมเลย ตอนนั้นแอบคิด จะไหวมั๊ยวะ อาหารก็โครตตตตตตตตจะมันเยิ้ม ทำให้น้ำหนักเราพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายก่อนกลับ ระหว่างเดินข้ามสะพานจะกลับหอพัก เรากระโดดบนสะพานสามครั้งแล้วก็ตะโกนว่า อีกสามปีเราจะกลับมา
และสุดท้าย เราก็ได้กลับไป อย่างที่เราตะโกนไว้ตอนนั้นจริงๆ