หน.เพื่อไทย แนะคนไทยมีบารมีลงมาเจรจา ยันไม่ว่าใครคนกลางก็ต้องมีเลือกตั้ง บอกต่างชาติแทรกแซงถ้าจำเป็นก็ต้องทำ ป้องไม่มีใครคิดแบ่งแยกประเทศ อ้างขึ้นเวทีไปรับข้อเสนอ สบถเป็นชุด “

ทุเรศ

! กูเป็นรัฐบาลจะแบ่งแยกประเทศทำไม” โทษพูดอย่างฝ่ายตรงข้ามไปแปลอีกอย่าง โว “ยิ่งลักษณ์” มาเชียงใหม่ทำงาน โวย ป.ป.ช.จ้องเล่น
วันนี้ (27 ก.พ.) ที่เชียงใหม่ เมื่อเวลา 12.00 น. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ทำหนังสือเชิญเลขาธิการสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เป็นตัวกลางในการประสานความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและ กปปส.ว่า โดยหลักแล้วเมื่อนายกฯ ยุบสภาและมีการเลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่ก็จะจบ แต่นี่ไม่จบและมีความรุนแรงเกิดขึ้นซึ่งปกติก่อนที่จะสงบต้องมีคนกลาง ซึ่งคนกลางไม่จำเป็นต้องเป็นต่างชาติ เป็นคนไทยก็ได้ถ้ามีบารมีที่สามารถลงมาเจรจาได้ และไม่ใช่ว่าในประเทศไทยเราจะหาคนไทยไม่ได้แล้วตนเชื่อว่ายังมีอยู่ ซึ่งการที่จะให้ต่างชาติมาเป็นตัวกลางสามารถทำได้แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินของเขาว่าจะมาหรือไม่ ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกเป็นแบบนี้ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติมาเป็นคนกลาง คำตอบที่ได้คือต้องมีการเลือกตั้งอยู่ดี
เมื่อถามการที่ให้ต่างประเทศเข้ามายุ่งกิจการภายในประเทศดูแล้วจะไม่เหมาะสมหรือไม่ นายจารุพงศ์กล่าวว่า ไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ แต่ถ้าจำเป็นต้องเกิดก็ต้องเกิด สุดท้ายคือต้องพูดคุยกัน ส่วนตัวมองว่าการที่ยูเอ็นเข้ามานั้น ยูเอ็นมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของทุกประเทศในโลก แต่ขึ้นอยู่กับว่าดีกรีเป็นอย่างไร
เมื่อถามถึงการที่ กปปส.หยิบยกเรื่องการแบ่งแยกประเทศมาโจมตีรัฐบาล เพราะเป็นแนวคิดของแนวร่วมประชาชาต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นายจารุงพงศ์กล่าวว่า เรื่องของเขาที่เล่นมาตลอด ตัวเขาเป็นเคยทำตั้งแต่แรก แล้วมาชี้เราความจริงเรื่องนี้ นปช.ที่มากัน 77 จังหวัด มาพูดบนเวทีตั้งแต่เช้ายันค่ำ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช.ก็นำมาสรุป 11 ข้อ โดยตนในฐานะหัวหน้าพรรคและเป็นรัฐบาลก็บอกไปว่าจะรับเอาสิ่งที่ นปช.เสนอไปพิจารณา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะนำไปปฏิบัติ
“โอ๊ย! บ้า อะไรที่จะทำให้

ก็ทำไปเรื่อย ไม่มีใครอยากจะมีแนวคิดแบบนี้ แต่สิ่งที่เกิดเหตุนี้จะนำไปสู่ความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ และการพูดเช่นนี้ไม่ใช่พูดด้วยอารมณ์เพราะเป็นเรื่องที่พูดด้วยความจริง คือต้องหันไปดูประเทศต่างๆ ที่มีความเห็นแตกแยก ในที่สุดก็เดินไปได้ ผมอยากให้ไปฟังศาสตราจารย์สุรชาติ ชำนาญสิน ที่ได้วิเคราะห์แนวทางทุกอย่างไว้หมดแล้วน่าฟังมาก ซึ่งผมไม่อยากจะเอ่ยอีกแล้ว เพราะพูดไปก็กลายเป็นว่าแบ่งแยกประเทศอีก

! ทุเรศ

กูเป็นรัฐบาลจะไปแบ่งแยกประเทศทำไม มันไม่เข้าท่า ทุเรศ เราพูดอย่างมันไปพูดอีกอย่าง เดี๋ยวจะไปตกหลุมเขาอีก เพราะสื่อในมือเขาเต็มไปหมด” นายจารุพงศ์กล่าว
นายจารุพงศ์ยังเปิดเผยถึงการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ฝ่ายตรงข้ามนำมาโจมตีว่าเราทำอะไรก็ไม่ดี เรื่องแบบนี้ต้องฟังกลางๆ และขณะนี้ก็กำลังเข้าสู่ฤดูแล้ง มีปัญหาภัยแล้ง เราจำเป็นต้องมาวางแนวป้องกันไม่ใช่พอเกิดปัญหาถึงจะมาแก้ไข และช่วงนี้นายกฯ ว่างเว้นจากการปฏิบัติงานก็มาตรวจราชการในพื้นที่ต่างจังหวัด และมาที่ จ.เชียงใหม่เราก็มาทำงานไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย
“ก็แบบนี้แหละ เราทำอะไรมากก็จ้องเล่นงาน ขนาดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็จ้องเล่นงานเราอยู่เหมือนกัน เราจึงต้องระวังเรื่องการลงพื้นที่ของนายกฯ เพราะจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามนำประเด็นมาโจมตีรัฐบาล” นายจารุพงศ์ กล่าว
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000023180
สงสัยนายใหญ่สั่งมาให้พูด
“จารุพงศ์” สบถทุเรศ:) กูเป็น รบ.จะแบ่งแยกประเทศทำไม แนะคนมีบารมีลงมาเจรจา รับได้ต่างชาติจุ้น
วันนี้ (27 ก.พ.) ที่เชียงใหม่ เมื่อเวลา 12.00 น. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ทำหนังสือเชิญเลขาธิการสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เป็นตัวกลางในการประสานความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและ กปปส.ว่า โดยหลักแล้วเมื่อนายกฯ ยุบสภาและมีการเลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่ก็จะจบ แต่นี่ไม่จบและมีความรุนแรงเกิดขึ้นซึ่งปกติก่อนที่จะสงบต้องมีคนกลาง ซึ่งคนกลางไม่จำเป็นต้องเป็นต่างชาติ เป็นคนไทยก็ได้ถ้ามีบารมีที่สามารถลงมาเจรจาได้ และไม่ใช่ว่าในประเทศไทยเราจะหาคนไทยไม่ได้แล้วตนเชื่อว่ายังมีอยู่ ซึ่งการที่จะให้ต่างชาติมาเป็นตัวกลางสามารถทำได้แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินของเขาว่าจะมาหรือไม่ ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกเป็นแบบนี้ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติมาเป็นคนกลาง คำตอบที่ได้คือต้องมีการเลือกตั้งอยู่ดี
เมื่อถามการที่ให้ต่างประเทศเข้ามายุ่งกิจการภายในประเทศดูแล้วจะไม่เหมาะสมหรือไม่ นายจารุพงศ์กล่าวว่า ไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ แต่ถ้าจำเป็นต้องเกิดก็ต้องเกิด สุดท้ายคือต้องพูดคุยกัน ส่วนตัวมองว่าการที่ยูเอ็นเข้ามานั้น ยูเอ็นมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของทุกประเทศในโลก แต่ขึ้นอยู่กับว่าดีกรีเป็นอย่างไร
เมื่อถามถึงการที่ กปปส.หยิบยกเรื่องการแบ่งแยกประเทศมาโจมตีรัฐบาล เพราะเป็นแนวคิดของแนวร่วมประชาชาต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นายจารุงพงศ์กล่าวว่า เรื่องของเขาที่เล่นมาตลอด ตัวเขาเป็นเคยทำตั้งแต่แรก แล้วมาชี้เราความจริงเรื่องนี้ นปช.ที่มากัน 77 จังหวัด มาพูดบนเวทีตั้งแต่เช้ายันค่ำ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช.ก็นำมาสรุป 11 ข้อ โดยตนในฐานะหัวหน้าพรรคและเป็นรัฐบาลก็บอกไปว่าจะรับเอาสิ่งที่ นปช.เสนอไปพิจารณา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะนำไปปฏิบัติ
“โอ๊ย! บ้า อะไรที่จะทำให้
นายจารุพงศ์ยังเปิดเผยถึงการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ฝ่ายตรงข้ามนำมาโจมตีว่าเราทำอะไรก็ไม่ดี เรื่องแบบนี้ต้องฟังกลางๆ และขณะนี้ก็กำลังเข้าสู่ฤดูแล้ง มีปัญหาภัยแล้ง เราจำเป็นต้องมาวางแนวป้องกันไม่ใช่พอเกิดปัญหาถึงจะมาแก้ไข และช่วงนี้นายกฯ ว่างเว้นจากการปฏิบัติงานก็มาตรวจราชการในพื้นที่ต่างจังหวัด และมาที่ จ.เชียงใหม่เราก็มาทำงานไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย
“ก็แบบนี้แหละ เราทำอะไรมากก็จ้องเล่นงาน ขนาดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็จ้องเล่นงานเราอยู่เหมือนกัน เราจึงต้องระวังเรื่องการลงพื้นที่ของนายกฯ เพราะจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามนำประเด็นมาโจมตีรัฐบาล” นายจารุพงศ์ กล่าว
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000023180
สงสัยนายใหญ่สั่งมาให้พูด