อยากถามหย่า ค่าเลี้ยงดูตามคำสั่งศาลค่ะ เบื่อมากช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ

ดิฉันถูกฟ้องหย่า โดยขอคืนสิ้นส่วนตัว แบ่งสินสมรส และอำนาจปกครองบุตร
แต่เนื่องจากต้องการหย่า เพราะรังเกลียดมาก ไม่คิดอะไรคิดว่าจบ อะไรก็ไม่สำคัญเท่าความรังเกลียด
ศาลให้แบ่งสินสมรสโดยดิฉันประมูลซื้อบ้านตัวเอง และต้องจ่ายเงินส่วนต่างโจทก์  บุตร 3 คนให้อำนาจปกครองร่วมกัน แต่ลูกสาวอยู่ในความดูแลของฉัน 2 คน ลูกชายอยู่ในความดูแลของอีกฝ่าย  แต่ดิฉันไม่สามารถติดต่อลูกชายได้เลย และก็คิดว่าในเมื่อหย่าแล้วก็ให้มันจบ ลูกชายเรียนอยู่กรุงเทพ  และโจทก์เงินเดือน 100,000  ส่งค่าเลี้ยงดูบุตรคนละ 3,000 ลูก 2 คน เค้าส่ง 6,000  แต่ส่งได้ประมาณ 4 เดือนก็ไม่ส่ง ดิฉันทำเรื่องศาลสั่งอายัดเงินเดือรื่น พออายัดเงินเดือนเค้าก็โอนเงินเข้าบัญชีอีก เพื่อให้เกิน แล้วยื่นขอให้ศาลถอนอายัดเงินเดือน เรียกคืนเงินที่โอนเกิน 30,000   ครั้งแรกศาลพิจารณาให้เค้างดส่งและให้อายัดเงินเดือนนำส่ง  แต่เค้ายื่นคำร้องอีก โดยให้เหตุผลว่าที่ไม่โอนเพราะดิฉันไม่ให้พบบุตรสาว และเรียกคืนเงินที่โอนเกิน ศาลนัดสืบพยาน ดิฉันแถลงว่าเค้าไม่เคยขอพบบุตรเลยและเป็นการกล่าวอ้างโกหก และเค้าโดนหักเงินนำส่งสำนักบังคับคดีอยู่แล้ว แต่ยังโอนเงินเข้าบัญชีอีก คือต้องการให้บุตรฉันเอาไปจ่ายค่าการศึกษาบุตรโดยจ่ายจริง ค่าบำรุงการศึกษา 50000 ค่าเทอมและอื่นๆอีกมากมาย มากกว่าที่เค้าให้เยอะมาก  วันนี้ศาลนัดฟังคำพิพากษา ให้ถอนอายัดเงินเดือนโดยให้เค้านำส่งเอง และให้คืนเงินที่เค้าโอนเกิน  30000  ดิฉันรู้สึกผิดหวังกับคำพิพากษามา ไม่รู้ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน กว่าดิฉันจะทำเรื่องฟ้องอายัดเงินเดือนเค้าต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าเงิน 30000 ที่เกินมาอีก ดิฉันอยากรู้ว่าต้องทำอย่างไรได้บ้าง เรื่องของดิฉันตั้งแต่ต้นปี 55  ยังไม่จบเลย  ขอความช่วยเหลือแนะนำดิฉันด้วย และดิฉันรู้ส็กว่าผู้พิพากษาคนนี้ไม่มีความเป็นธรรม ตั้งแต่ขึ้นศาลมาทุกท่านมีเหตุผล เป็นธรรมมาก เพราะดิฉันไปศาลบ่อยมาก รู้สึกสงสารตัวเองมากที่ต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ใครช่วยแนะนำได้ ขอขอบพระคุณมากค่ะ คิดคนเดียว เครียด ปวดหัว
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
มันเป็นการมองต่างมุมของผู้พิพากษาครับ ส่วนตัวผมคิดว่าศาลในคดีก่อน(ที่ตัดสินไม่ให้เพิกถอน)น่าจะคิดว่าเจตนาของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่สุจริต เลยยกคำร้องครับ ต่อมา ศาลในคดีนี้(ที่ตัดสินให้เพิกถอนการอายัด) น่าจะคิดแบบเดียวกับที่ผมคิด คือ ลูกหนี้ยังคาเงินไว้ในบัญชีแถมยังอัดมาเรื่อย ๆ น่าจะจริงใจแล้วมั้ง เลยตัดสินแบบนั้นไปครับ ผมมองว่าฝ่ายสามีเก่าคุณเล่นเกมนี้เชี่ยวเลยนะครับ ถึงมองดูจิตใจศาลได้เนี่ย มันไม่ใช่ศาลไม่ยุติธรรมหรอกครับ เขามองแค่เจตนาในแต่ละการกระทำ(ผล) ศาลไม่รู้จิตใจในการกระทำหรอกครับ ซึ่งถ้าคุณไม่พอใจคำสั่ง คุณต้องโต้แย้งคัดค้านเอาไว้ในชั้นศาลก่อน แล้วอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์ ส่วนศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ยืน ยก หรือกลับ มันเป็นดุลยพินิจของแต่ละศาล แล้วแต่พฤติเหตุในคดี คุณจะบอกว่ายุติธรรมหรือไม่ยุติธรรมมันเป็นแค่ทัศนคติของคุณ คุณอาจเห็นต่างได้ แต่ถ้าคุณไม่โวยวายตั้งแต่แรก เช่น ท่านคะ ดิฉันขอคัดค้าน และขออุทธรณ์คำสั่งค่ะ ถ้าศาลถามรายละเอียดก็บอกว่าจะยื่นส่งวันหลัง แค่นี้ก็ถือว่าคัดค้านไว้แล้วละครับ แต่นี่ไม่ได้ทำอะไรเลย คุณโวยวายทีหลังคงไม่ได้แล้วละ บ้านผมเรียกเสียเหลี่ยม ฮา ... ดังนั้น ที่ผมจะบอกคุณได้คงมีว่า รอให้สามีเก่าส่งเงินมาก่อน ถ้าหายไปอีกสัก 2 เดือน คุณก็ร้องขอต่อศาล ((((อายัดอสังหาริมทรัพย์)))) ของสามีเก่าไปเลย ทีนี้ผมค่อนข้างแน่ใจว่าเต้นผ่างเป็นเจ้าเข้าแน่ ๆ ผมรู้ว่าคุณไม่อยากเล่นกับเขา แต่เขาไม่ยอมไปไหนเพราะมีภาระผูกพันกับคุณอยู่ ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีภรรยากัน มีลูกด้วยกันอีก 3 คน อย่างนี้เรียกทำบุญทำกรรมร่วมกันมาเยอะครับ ก็คงต้องเล่นกันสักตั้งจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้นั่นละ คงทำอะไรมากไม่ได้ แต่อย่ายอมเสียเหลี่ยมครับ มาถึงขั้นนี้คุณหนีเขาไม่พ้นหรอก


ปล. ภาษากฎหมายใช้
คำว่า ยืน หมายถึงยืนยันคำสั่งเดิมตามเดิม
คำว่า ยก หมายถึงยกเลิกคำร้อง(ของสามีเก่า)
คำว่า กลับ หมายถึงกลับคำสั่งของศาลล่าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่