ก็อ่านมาหลายต่อหลายรีวิวเรื่องการบริการของร้านกรุ๊ปนี้ มิวายยังอยากไปลองของเลยได้เรื่ิองต้องมา "ระบาย"
ครั้งแรกกับ Sushi hiro เลยจ้าาา ด้วยความอยากลอง ซาซิมิลอฟเตอร์ 700 บาท
เสร็จจากงานมาถึงร้านซะสี่ทุ่มนิดๆ พนักงานบอกสั่งได้รอบเดียวจัดไปเลย ลอฟเตอร์ กับ ซูชิเซท 450 บาท ครั้งแรกขอลองแบบเบสิคๆ
อาหารมาเสริฟตามลำดับ ซาซิมิ>ซูชิ>ไข่ตุ๋น(จากเซทซูชิ)>กล้ามล่ำๆ ผัดเนย
ด้วยความเห่อ มาครั้งแรกจ้าาาา กินไปถ่ายรูปไป นั่งฟังพนักงานคุยกันไป ซึ่งร้านเล็กมากแต่พนักงานมาจากไหน3-4คน ไม่รวมแคชเชียร์กะเชฟ อีก3-4คน ก็อึดอัดเบาๆนะ คือร้านมันเล็ก แต่ไม่เป็นไรคิดซะว่าอบอุ่น ปล่อยผ่าน
รสชาดอาหาร ก็โอเคนะ ในมาตรฐานคนกินง่ายอย่างเรา (อร่อยรึเปล่าก็ไม่ค่อยรู้หรอก จะรู้แต่เวลาไม่อร่อย 555+)
กินไปเรากะแฟนก็นั่งเถียงกันว่า ซูชิเซทมีซุปรึเปล่า? เถียงมาเถียงไป เถียงไปเถียงมา ใกล้เวลาปิดร้าน แคชเชียร์ให้พนักงานขอเช็คบิล เริ่มที่โต๊ะข้างเรา เราก็สะกิดแฟน (ซึ่งกำลังวิเคราะห์อนาโตมี่หัวกุ้ง ) ให้เช็คบิล พนักงานได้ยินก็เดินมา เราก็ดูบิลซึ่งเอามาวางไว้นานแล้ว เราถามไปว่าเงินสดลดอีก20% รึเปล่า พนักงานก็ถามแคชเชียร์ แคชเชียร์ตอบมาว่าลอฟเตอร์ลดแล้ว ส่วนซูชิเป็นเซทขอไม่ลด เราก็งงนะ เพราะบนโต๊ะมีป้ายเขียนว่าเมนูอื่นๆลด20% แต่ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียส ก็จ่ายบัตรเครดิตรแล้วกัน
ระหว่างรอรูดบัตรก็ข้องใจเรื่องซุป เลยขอเมนูจากพนักงานมาดูว่าเซทซูชิเนี่ย มีซุปไม๊?? สรุปว่า.... มีจ้าาาาา
เรากับแฟนเริ่มมองหน้ากัน พนักงานเอาสลิปมาให้เซ็น
เราห้ามแฟน ช้าก่อน! อย่าเพิ่งเซ็น!!! (จริงๆก็แค่ บอกว่าอย่าเพิ่งเซ็นแหละ แอบเพิ่ม ช้าก่อน! เพื่อความตื่นเต้ลล)
เราแจ้งพนักงานไปว่า เราไม่ได้ซุป พนักงานแจ้งต่อไปยังแคชเชียร์ แคชเชียร์หันไปปรึกษากับพนักงานอีกคนข้างๆเล็กน้อย
ระหว่างนั้นเราชิงถามสวนไปว่า ลดไปไม๊ล่ะ เรากินเสร็จแล้วเนี่ย
แคชเชียร์ยืนยันว่าลดไม่ได้ และทันใดนั้นเองแคชเชียร์ก็สั่งพนักงานว่า ให้ไปดูซิว่าหม้อซุปในครัวมีซุปเหลือเหลือไม๊
โอ้ว!!!! ธาตุไฟเข้าแทรก ในหัวใจเราอย่างฉับพลัน โอเคคะ ซุปเหลือเหลือ เราจึงสวนไปพลัน ใส่ถุงมาแล้วกันเพราะเราอิ่มกันแล้ว(เช็คบิลแล้วร้านจะปิดแล้ว จะให้มานั่งกินซุปอะไรป่านนี้)
เราก็รอซุปใส่ถุงอย่างมุ่งมั่น แฟนเราก็บอกกลับเหอะเสียเวลา แต่เรายืนยัน จ่ายตังค์แล้วต้องได้ของแม้จะเป็นซุปก้นหม้อเราก็เอา!!!
หลังจากรอจนแฟนเราเริ่มเคืองเรา แคชเชียร์ก็บอกว่าซุปหมดคะ
เราก็ถามไปว่า เอาไงล่ะ?จะลดไปไม๊?
แคชเชียร์ก็ยืนยันอีกครั้งว่าลดไม่ได้ ถามเราว่าจะรับเครื่องดื่มอะไรไม๊
เอ่อ.. ร้านปิดแล้วนิ จะให้ดื่มอะไรตอนนี้อ่ะ (คิดในใจนะ) ก็ปฎิเสธไป บอกว่าอิ่มแล้ว (ก็สั่งชาเขียวรีฟิวมา จะเครื่องดื่มอะไรอีกล่ะคะ)
แคชเชียร์ก็ยืนยันว่าลดไม่ได้ (แฟนเราบอกว่าคุณแคชเชียร์บอกว่าคราวหน้าจะให้ซุป แต่เราไม่ได้ยิน สงสัยงอนจนควันออกหู หึหึ)
สรุป เราก็ต้องจ่ายค่าซุป โดยไม่ได้ซุป
เคืองคะ เดินออกมาก็บ่นกะแฟน พนักงานคงได้ยิน
ตามมาที่รถ เอาเงินมาให้เรา 30 บาท บอกว่าค่าซุป แม่เจ้า!!!!!! วิธีแก้ปัญหา รึเนี่ย ถ้าลดได้ ทำไมไม่ลดตั้งแต่ในร้านฟร๊ะ เอาเงินมาให้ 30 บาท ตอนนี้ ค่าซุปหรือค่าปิดปากค่ะ(นอยในใจ) แล้วก็บอกพนักงานไปว่า ไม่เอาหรอกคะให้เด็กรับรถไปแล้วกัน และคงไม่กลับมากินที่นี่อีก!!! (ในใจก็สงสารพนักงานที่เอา30บาทมาให้นะ นางก็จ๋อยๆ ขอโทษคะๆ)
บ่นมาซะยาว สรุปซะหน่อย
1. ที่มาบ่นเนี่ย เพราะ เผื่อใครจะเหมือนเรา เห็นรีวิวแล้วอยากลอง ก็จะได้ทำใจไปเนิ่นๆ เกิดอะไรขึ้นจะได้มีสติ ไม่ต้องมาเสียอารมณ์เหมือนเรา
2. อยากบอกร้าน(ซึ่งคงไม่ได้มาอ่านมั๊ง) ว่าจริงๆแล้ว ถ้าแก้ปัญหาอะไรให้ลูกค้าไม่ได้จริงๆ ก็ให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจ อย่างน้อยในเหตุการนี้แคชเชียร์ก็ควรเดินมาที่โต๊ะลูกค้าเพื่อขอโทษ ไม่ใช่ตะโกนคุยกัน แม้ร้านจะเล็กก็ตาม กินอาหารมื้อละ1,200 ก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องมาบริการอะไรมากหรอกนะค่ะ แค่ขออาหารครบ ได้กินอย่างสบายใจก็พอแล้ว และร้านอาหารก็คืองานบริการ ถ้าคนให้บริการมีความจริงใจใส่ใจลูกค้าเราคิดว่าปัญหาแบบนี้คงไม่เกิดบ่อยๆแบบนี้ ขอให้ปรับปรุงคะ แต่คงไม่ใช่เพื่อเรา เพราะเราได้บอกไปแล้วว่าจะไม่กลับไปกินอีก
ปล. เสียดายนะ ยังลองไม่ครบ 3 ร้านเลย แต่พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น ลาก่อนคะ
กินอิ่มแล้วต้องระบายซักนิด สดๆจาก Sushi hiro
ครั้งแรกกับ Sushi hiro เลยจ้าาา ด้วยความอยากลอง ซาซิมิลอฟเตอร์ 700 บาท
เสร็จจากงานมาถึงร้านซะสี่ทุ่มนิดๆ พนักงานบอกสั่งได้รอบเดียวจัดไปเลย ลอฟเตอร์ กับ ซูชิเซท 450 บาท ครั้งแรกขอลองแบบเบสิคๆ
อาหารมาเสริฟตามลำดับ ซาซิมิ>ซูชิ>ไข่ตุ๋น(จากเซทซูชิ)>กล้ามล่ำๆ ผัดเนย
ด้วยความเห่อ มาครั้งแรกจ้าาาา กินไปถ่ายรูปไป นั่งฟังพนักงานคุยกันไป ซึ่งร้านเล็กมากแต่พนักงานมาจากไหน3-4คน ไม่รวมแคชเชียร์กะเชฟ อีก3-4คน ก็อึดอัดเบาๆนะ คือร้านมันเล็ก แต่ไม่เป็นไรคิดซะว่าอบอุ่น ปล่อยผ่าน
รสชาดอาหาร ก็โอเคนะ ในมาตรฐานคนกินง่ายอย่างเรา (อร่อยรึเปล่าก็ไม่ค่อยรู้หรอก จะรู้แต่เวลาไม่อร่อย 555+)
กินไปเรากะแฟนก็นั่งเถียงกันว่า ซูชิเซทมีซุปรึเปล่า? เถียงมาเถียงไป เถียงไปเถียงมา ใกล้เวลาปิดร้าน แคชเชียร์ให้พนักงานขอเช็คบิล เริ่มที่โต๊ะข้างเรา เราก็สะกิดแฟน (ซึ่งกำลังวิเคราะห์อนาโตมี่หัวกุ้ง ) ให้เช็คบิล พนักงานได้ยินก็เดินมา เราก็ดูบิลซึ่งเอามาวางไว้นานแล้ว เราถามไปว่าเงินสดลดอีก20% รึเปล่า พนักงานก็ถามแคชเชียร์ แคชเชียร์ตอบมาว่าลอฟเตอร์ลดแล้ว ส่วนซูชิเป็นเซทขอไม่ลด เราก็งงนะ เพราะบนโต๊ะมีป้ายเขียนว่าเมนูอื่นๆลด20% แต่ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียส ก็จ่ายบัตรเครดิตรแล้วกัน
ระหว่างรอรูดบัตรก็ข้องใจเรื่องซุป เลยขอเมนูจากพนักงานมาดูว่าเซทซูชิเนี่ย มีซุปไม๊?? สรุปว่า.... มีจ้าาาาา
เรากับแฟนเริ่มมองหน้ากัน พนักงานเอาสลิปมาให้เซ็น
เราห้ามแฟน ช้าก่อน! อย่าเพิ่งเซ็น!!! (จริงๆก็แค่ บอกว่าอย่าเพิ่งเซ็นแหละ แอบเพิ่ม ช้าก่อน! เพื่อความตื่นเต้ลล)
เราแจ้งพนักงานไปว่า เราไม่ได้ซุป พนักงานแจ้งต่อไปยังแคชเชียร์ แคชเชียร์หันไปปรึกษากับพนักงานอีกคนข้างๆเล็กน้อย
ระหว่างนั้นเราชิงถามสวนไปว่า ลดไปไม๊ล่ะ เรากินเสร็จแล้วเนี่ย
แคชเชียร์ยืนยันว่าลดไม่ได้ และทันใดนั้นเองแคชเชียร์ก็สั่งพนักงานว่า ให้ไปดูซิว่าหม้อซุปในครัวมีซุปเหลือเหลือไม๊
โอ้ว!!!! ธาตุไฟเข้าแทรก ในหัวใจเราอย่างฉับพลัน โอเคคะ ซุปเหลือเหลือ เราจึงสวนไปพลัน ใส่ถุงมาแล้วกันเพราะเราอิ่มกันแล้ว(เช็คบิลแล้วร้านจะปิดแล้ว จะให้มานั่งกินซุปอะไรป่านนี้)
เราก็รอซุปใส่ถุงอย่างมุ่งมั่น แฟนเราก็บอกกลับเหอะเสียเวลา แต่เรายืนยัน จ่ายตังค์แล้วต้องได้ของแม้จะเป็นซุปก้นหม้อเราก็เอา!!!
หลังจากรอจนแฟนเราเริ่มเคืองเรา แคชเชียร์ก็บอกว่าซุปหมดคะ
เราก็ถามไปว่า เอาไงล่ะ?จะลดไปไม๊?
แคชเชียร์ก็ยืนยันอีกครั้งว่าลดไม่ได้ ถามเราว่าจะรับเครื่องดื่มอะไรไม๊
เอ่อ.. ร้านปิดแล้วนิ จะให้ดื่มอะไรตอนนี้อ่ะ (คิดในใจนะ) ก็ปฎิเสธไป บอกว่าอิ่มแล้ว (ก็สั่งชาเขียวรีฟิวมา จะเครื่องดื่มอะไรอีกล่ะคะ)
แคชเชียร์ก็ยืนยันว่าลดไม่ได้ (แฟนเราบอกว่าคุณแคชเชียร์บอกว่าคราวหน้าจะให้ซุป แต่เราไม่ได้ยิน สงสัยงอนจนควันออกหู หึหึ)
สรุป เราก็ต้องจ่ายค่าซุป โดยไม่ได้ซุป
เคืองคะ เดินออกมาก็บ่นกะแฟน พนักงานคงได้ยิน
ตามมาที่รถ เอาเงินมาให้เรา 30 บาท บอกว่าค่าซุป แม่เจ้า!!!!!! วิธีแก้ปัญหา รึเนี่ย ถ้าลดได้ ทำไมไม่ลดตั้งแต่ในร้านฟร๊ะ เอาเงินมาให้ 30 บาท ตอนนี้ ค่าซุปหรือค่าปิดปากค่ะ(นอยในใจ) แล้วก็บอกพนักงานไปว่า ไม่เอาหรอกคะให้เด็กรับรถไปแล้วกัน และคงไม่กลับมากินที่นี่อีก!!! (ในใจก็สงสารพนักงานที่เอา30บาทมาให้นะ นางก็จ๋อยๆ ขอโทษคะๆ)
บ่นมาซะยาว สรุปซะหน่อย
1. ที่มาบ่นเนี่ย เพราะ เผื่อใครจะเหมือนเรา เห็นรีวิวแล้วอยากลอง ก็จะได้ทำใจไปเนิ่นๆ เกิดอะไรขึ้นจะได้มีสติ ไม่ต้องมาเสียอารมณ์เหมือนเรา
2. อยากบอกร้าน(ซึ่งคงไม่ได้มาอ่านมั๊ง) ว่าจริงๆแล้ว ถ้าแก้ปัญหาอะไรให้ลูกค้าไม่ได้จริงๆ ก็ให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจ อย่างน้อยในเหตุการนี้แคชเชียร์ก็ควรเดินมาที่โต๊ะลูกค้าเพื่อขอโทษ ไม่ใช่ตะโกนคุยกัน แม้ร้านจะเล็กก็ตาม กินอาหารมื้อละ1,200 ก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องมาบริการอะไรมากหรอกนะค่ะ แค่ขออาหารครบ ได้กินอย่างสบายใจก็พอแล้ว และร้านอาหารก็คืองานบริการ ถ้าคนให้บริการมีความจริงใจใส่ใจลูกค้าเราคิดว่าปัญหาแบบนี้คงไม่เกิดบ่อยๆแบบนี้ ขอให้ปรับปรุงคะ แต่คงไม่ใช่เพื่อเรา เพราะเราได้บอกไปแล้วว่าจะไม่กลับไปกินอีก
ปล. เสียดายนะ ยังลองไม่ครบ 3 ร้านเลย แต่พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น ลาก่อนคะ