“การที่จำเลยที่ 1ในฐานะนายกรัฐมนตรีและจำเลยที่ 2 ในฐานะ ผอ.การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้กำกับควบคุม สั่งการให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน มีประกาศศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่องห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ฉบับลงวันที่ 13 พ.ค.2553 และต่อมามีการปฏิบัติการ ตามประกาศฉบับดังกล่าว เพื่อสกัดกั้นมิให้ประชาชนที่อยู่นอกพื้นที่การชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเข้ามาสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมเดิม บริเวณสี่แยกราชประสงค์นั้น เป็นมาตรการหนึ่งในการสลายการชุมนุมเพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมืองไม่ กระทบต่อความมั่นคงของรัฐและไม่ส่งผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอัน เป็นอำนาจของฝ่ายบริหารที่จำเป็นต้องดำเนินการ แม้การปฏิบัติการดังกล่าวจะทำให้ผู้ชุมนุมได้รับความกระทบกระเทือนต่อความ เป็นอยู่ ตามคำร้องก็อยู่ในมาตรการการรักษาความสงบเรียบร้อยประการหนึ่ง ซึ่งเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ศาลจึงมิอาจก้าวล่วงไปพิจารณาหรือทบทวนการใช้ดุลพินิจของฝ่ายบริหารเช่นว่า นั้นได้ ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองมีคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธสงครามต่อ ประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมนั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความจากนายคารม พลทะกลาง ทนายความโจทก์ว่าเหตุการณ์ใช้อาวุธต่อบุคคลที่ระบุในคำร้องไม่อาจยืนยันได้ ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด ประกอบกับ การที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการสลายการชุมนุมเพื่อให้เกิดความสงบสุขใน บ้านเมือง โดยมีอาวุธติดตัว ซึ่งหากมีความจำเป็นก็สามารถนำมาใช้เพื่อระงับยับยั้งได้ไปตามสถานการณ์ หรือเหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือป้องกันตนเองได้ อันเป็นไปตามหลักสากล กรณียังไม่มีเหตุผลอันสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อน พิพากษาตามที่โจทก์ขอมาใช้บังคับได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง”
คำสั่งศาลแพ่ง 14 พฤษภาคม 2553
ศาลแพ่งพิพากษาว่า การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร แต่ผู้ชุมนุมก็ชุมนุมโดยสันติปราศจากอาวุธตามที่ศาล รัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้แล้ว ดังนั้นศาลแพ่งจึงสั่งห้าม ศรส. ออกประกาศข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 9 ข้อ คือ 1.ห้ามส่งเจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของโจทก์ 2.ห้ามยึดอายัดเคมีภัณฑ์ 3.ห้ามออกคำสั่งรื้อถอนทำลายสิ่งกีดขวาง 4.กรณีซื้อขาย ใช้ และครอบครองเครื่องอุปโภคบริโภคไม่ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ 5.ห้ามสั่งปิดการจราจรและเส้นทางคมนาคม 6.ห้ามจำเลยสั่งห้ามไม่ให้ชุมนุมตั้งแต่5คนขึ้นไป 7.ห้ามจำเลยสั่งห้ามใช้เส้นทางการจราจร 8.ห้ามจำเลยสั่งห้ามเข้าอาคาร และ9.ห้ามสั่งให้อพยพหรือห้ามไม่ให้เข้าออกในพื้นที่ชุมนุม
คำสั่งศาลแพ่ง 19 กุมภาพันธ์ 2557
เทียบคำสั่งศาลแพ่งต่อการชุมนุม ปี 2553 , 2557 ชี้ชัดมวลชนกลุ่มไหนสงบ กลุ่มไหนใช้ความรุนแรง
คำสั่งศาลแพ่ง 14 พฤษภาคม 2553
ศาลแพ่งพิพากษาว่า การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร แต่ผู้ชุมนุมก็ชุมนุมโดยสันติปราศจากอาวุธตามที่ศาล รัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้แล้ว ดังนั้นศาลแพ่งจึงสั่งห้าม ศรส. ออกประกาศข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 9 ข้อ คือ 1.ห้ามส่งเจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของโจทก์ 2.ห้ามยึดอายัดเคมีภัณฑ์ 3.ห้ามออกคำสั่งรื้อถอนทำลายสิ่งกีดขวาง 4.กรณีซื้อขาย ใช้ และครอบครองเครื่องอุปโภคบริโภคไม่ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ 5.ห้ามสั่งปิดการจราจรและเส้นทางคมนาคม 6.ห้ามจำเลยสั่งห้ามไม่ให้ชุมนุมตั้งแต่5คนขึ้นไป 7.ห้ามจำเลยสั่งห้ามใช้เส้นทางการจราจร 8.ห้ามจำเลยสั่งห้ามเข้าอาคาร และ9.ห้ามสั่งให้อพยพหรือห้ามไม่ให้เข้าออกในพื้นที่ชุมนุม
คำสั่งศาลแพ่ง 19 กุมภาพันธ์ 2557