เปิดฉากสงครามทีวีดิจิทัล(1)
เปิดฉากสงครามทีวีดิจิทัล(2):"ทุ่งสังหาร"ที่ฝูงห่านไม่กลัวตาย
เปิดฉากสงครามทีวีดิจิทัล (3):"สนามแข่ง"ที่ยังสร้างไม่เสร็จ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 01:00
คอลัมน์ คิดใหม่ วันอาทิตย์ เขียนโดยคุณอดิศักดิ์ ลิมปรุงพัฒนกิจ
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ (กสท.) อยากให้ผู้ประกอบการ"ทีวีดิจิทัล" 24 ช่องเริ่มออกอากาศพร้อมกันในวันที่ 1 เม.ย.นี้ แต่ยังมีคำถามที่ยังไม่มีตำตอบอีกหลายคำถามถึงความพร้อมของ"สนามแข่ง"ที่กสท.ในฐานะคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้จัดเตรียมความพร้อมไว้แค่ไหน
ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่ยอมสมัครแล้วแข่งกันประมูลราคาตั๋ว ด้วยราคาแพงระยับเพื่อได้สิทธิเป็น 1 ใน 24 ทีมเพื่อเข้ามาสู่สนามแข่งขัน Digital TV ที่กำลัง"หลังแอ่น"กับภาระทางการเงิน ล้วนแต่อยู่ในอาการ"หัวปั่น"กับกติกามารยาทของสนามแข่งแห่งนี้ที่ยังไม่ชัดเจนหลายอย่าง
ผู้เล่นรายเก่าระบบอนาล็อกที่มีอยู่ 6 ราย สมัครใจลงแข่งในสนามทีวีดิจิทัล 3 ราย ควรจะต้องรีบตัดสินใจให้แน่นอนว่าช่องอนาล็อกเดิมคือช่อง 3,ช่อง 7 และช่อง 9 จะมาออกคู่ขนาน Simulcast ในช่องดิจิทัลที่ประมูลได้หรือไม่ แม้กสท.ออกมติในเชิงบังคับอยากให้"ช่องเดิม"แสดงความจริงใจออก"คู่ขนาน"เพื่อให้ผู้บริโภคมีแรงจูงใจซื้อกล่องรับสัญญาณหรือเปลี่ยนผ่านมาดูระบบดิจิทัลได้เร็วขึ้น
แต่เท่าที่อ่านจากคำสัมภาษณ์ของผู้บริหารช่อง 3 และช่อง 9 ไม่อยากนำช่อง HD ที่ประมูลได้มาออกคู่ขนานเพราะไม่ได้ประโยชน์ในการขายโฆษณาเพิ่มขึ้น แต่อยากจะสร้างช่อง HD ใหม่ขึ้นมาเพื่อเสนอแพ็คขายโฆษณาแบบเหล้าพ่วงเบียร์หวังกินรวบมากกว่า แล้วคงสิทธิ์ในการออกอากาศระบบอนาล็อกไปให้ยาวนานที่สุดคือ 5 ปี มองในเชิงลบก็จะเกิดความรู้สึกขุ่นข้องใจว่าช่อง 3 กับช่อง 9 กำลัง"เล่นเกม"ยื้ออยู่ในระบบอนาล็อกให้นานที่สุด เพื่อให้ระบบดิจิทัลเกิดได้ช้าลง
แต่ถ้ามองเชิงบวกก็จะเห็นว่าช่อง 3 กับช่อง 9 ยังต้องการให้คนดูในระบบอนาล็อกไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในการซื้อกล่องรับสัญญาณมาต่อเข้ากับโทรทัศน์ ดูแบบไหนก็ดูแบบเดิมได้ไปอีกนาน ถ้ายังไม่ต้องการช่องเพิ่มและการเพิ่มช่องใหม่ของช่อง 3HD กับช่อง 9HDจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคมีช่องเพิ่มขึ้น
โครงข่ายที่ให้บริการช่องทีวีดิจิทัลทั้งสี่รายมีความพร้อมในการให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ในระดับมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ ? ที่เปรียบเสมือน"ลู่วิ่ง" 24 ลู่ที่ผู้ให้บริการโครงข่ายจะต้องทำให้ได้มาตรฐานเดียวกันก่อนจะเริ่มแข่งขันจริง ระหว่างนี้แต่ละโครงข่ายแค่ปล่อยผู้เล่น"ทดลองวิ่ง"ไปพลางๆ เพื่อทดสอบทางเทคนิคเท่านั้นเอง
โครงข่ายช่อง 5 กับโครงข่ายช่องไทยพีบีเอสใช้"เสาส่งหลัก"ร่วมกันมีช่องทีวีดิจิทัลตัดสินใจไปเช่าบริการรวม 19 ช่อง ทั้งสองโครงข่ายประกาศความพร้อมจะให้บริการได้ตั้งแต่ 1 เม.ย. แต่โครงข่ายช่อง 9 อสมท.ที่ใช้"เสาส่งหลัก"แยกจากโครงข่ายหลักไทยพีบีเอสมีผู้ใช้บริการ 5 ช่อง ยังพูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำว่าพร้อมจะให้บริการ 1 เม.ย.หรือไม่ ส่วนโครงข่ายกรมประชาสัมพันธ์สรุปได้เลยว่ายังไม่พร้อมให้บริการแน่นอน
โครงข่ายของช่อง 5 มี 2 โครงข่ายมีช่องทีวีดิจิทัลไปใช้บริการ รวม 13 ช่อง ระบบ HD มี 4 ช่องคือ GMM,ช่อง 7, PPTV(คุณหมอปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ) และช่อง AMARIN TV ระบบ SD มี 8 ช่องคือเครือเนชั่น Nation TV และ NOW , WORKPOINT, GMM SD, DailynewsTV, Bright TV ( 3Aมาร์เก็ตติ้ง), MONO, TRUE,TNN และช่อง 5 เก็บไว้ใช้เอง 1 ช่อง HD
โครงข่ายของช่องไทยพีบีเอสมีช่องดิจิทัลทีวีไปใช้บริการ รวม 8 ช่อง ระบบ HD ช่อง 3, ระบบ SD ช่อง 3 อีก 2 ช่อง,ช่อง 8 RS, ช่องทีวีพูล 2 ช่องคือTHV กับ LOGA และไทยพีบีเอสเก็บไว้ใช้เองอีก 2 ช่อง
โครงข่ายของช่อง 9 อสมท.มีช่องดิจิทัลไปใช้บริการ รวม 5 ช่อง ระบบ HD ไทยรัฐทีวี, ระบบ SD ช่อง Spring News และช่อง VOICETV และอสมท.ใช้เอง 2 ช่องเป็น HD กับ SD Kid แต่ยังเหลือช่อง SD อีก 1 ช่อง
ปัญหาทางเทคนิคที่ผู้รู้เล่าให้ฟังคือทั้งสามโครงข่ายที่คิดว่ามีความพร้อมในการให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ แต่ยังไม่เคยมีการทดลอง"รวมสัญญาณ"ให้ผู้บริโภคสามารถรับชมได้ด้วยเสาอากาศเดียว ซึ่งในทางเทคนิคไม่ใช่เรื่องง่ายจะทำให้เสร็จภายในเร็ววัน รวมทั้งปัญหาระหว่างอสมท.กับกสท.ที่ยังงัดข้อกันเรื่องการใช้เสาส่งแยกจากเสาส่งของไทยพีบีเอสที่ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนว่าทำได้แค่ไหน
อันที่จริงแล้วเจ้าของสนามคือกสท.มอบใบอนุญาตผู้ประกอบการโครงข่ายหรือ"ลู่วิ่ง"ไปตั้งแต่ 1 มิ.ย.ปีที่แล้ว แต่ไม่ทราบด้วยอุปสรรคใด ทำให้โครงข่ายเพิ่งสร้างเสร็จ( Network Coverage )พร้อมให้ลงวิ่งในวันที่ 1 เม.ย.ใน 4 จังหวัดคือกรุงเทพมหานคร,เชียงใหม่,นครราชสีมาและสงขลา เดือนต่อมา 1 พ.ค.ออกอากาศได้ในพื้นที่อุบลราชธานี,สุราษฎร์ธานี,ระยองและ 1 มิ.ย.ในพื้นที่สิงห์บุรี,สุโขทัย,ขอนแก่นและอุดรธานี รวมครอบคลุมพื้นที่มีที่ประชากรประมาณ 50 %หรือ 11 ล้านครัวเรือน ประมาณ 30 ล้านคน
สมมุติว่าจนถึงกลางปีเดือนมิ.ย.โครงข่ายหรือสนามแข่ง สามารถสร้างเสร็จได้ตามกำหนดด้วยความจุคนดูได้มากถึง 30 ล้านคนน่าจะเพียงพอให้ EYEBALL มากพอสำหรับเอเจนซี่โฆษณาตัดสินใจ"ซื้อที่นั่ง"ให้ลูกค้าโฆษณาเข้ามาได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่น่าห่วงมากที่สุดของ"ผู้เล่นใหม่" 14 บริษัท(ไม่นับผู้เล่นเก่า 3 บริษัทคือช่อง 3,ช่อง 7 และช่อง 9 )คือ"ผู้ชม"ที่ยอมซื้อกล่องรับสัญญาณหรือซื้อโทรทัศน์ใหม่ที่มีจูนเนอร์ Built-In ในเครื่องมาเลยจะมีมากแค่ไหน
Penetration Rate หรืออัตราส่วนคนดูเทียบกับการครอบคลุมของโครงข่ายจะมีมากเท่าไหร่จะเป็นปัจจัยชี้เป็นชี้ตาย สำหรับ"ผู้เล่นใหม่"ที่เพิ่งเข้ามาสู่ลู่วิ่งภาคพื้นดินที่มีเจ้าตลาดช่อง 3,ช่อง 7 และช่อง 9 อยู่แล้วในลู่วิ่งภาคพื้นดินที่เป็นลู่ดิน แม้ว่า"ผู้เล่นรายเก่า"ทั้งสามรายที่ประมูลช่องใหม่ได้รวมกัน 6 ช่อง แบ่งเป็น HD 3 ช่องและSD 3ช่องก็ไม่อยู่ในสภาวะวิตกทุกข์ร้อนเพราะยังมีลู่วิ่งเดิมแบบอะนาล็อกอยู่ถึง 5 ปี ในขณะที่ลู่วิ่งใหม่แบบดิจิทัลยังเสร็จไม่หมด
ตัววัด Penetration Rate คือตัวเลขจำนวนกล่องรับสัญญาณและโทรทัศน์รุ่นใหม่ที่มีจูนเนอร์ในตัวที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายไปแล้ว ก่อนการประมูลเมื่อสิ้นเดือนธ.ค.ปีที่แล้วมีกล่องรับสัญญาณที่ได้รับอนุญาตจากกสท.รวมประมาณ 550,000 กล่องและโทรทัศน์ที่มีจูนเนอร์อีกประมาณ 100,000 เครื่อง รวมแล้วน่าจะมีครัวเรือนที่สามารถรับชมโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลประมาณ 600,000 ครัวเรือน
กสท.ยังไม่มีแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์"ขนานใหญ่"เพื่อปลุกกระแสให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจในวิธีการรับชมโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ซึ่งไม่ใช่เรื่องอยากเย็นแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับการติดตั้งงานดาวเทียมหรือเคเบิลทีวีที่ต้องเสียเงินเสียเวลาเรียกช่างมาติดตั้ง
หากต้องการดูช่องทีวีดิจิทัลมีช่องทางง่ายๆ แค่ 2 วิธีคือถ้าไม่ต้องการซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่ก็ไปซื้อกล่องรับสัญญาณราคาประมาณ 1,200 บาทพร้อมเสาอากาศขนาดเล็กๆ นอกอาคารหรือในอาคาร กรณีไม่มีเสาประเภทหนวดกุ้ง-ก้างปลาอยู่เดิม ราคาเสาอากาศชุดละประมาณ 350 บาทเท่านั้น
อีกวิธีที่ง่ายกว่าแต่มีค่าใช้จ่ายมากกว่าคือซื้อโทรทัศน์รุ่นใหม่ที่มีจูนเนอร์รับสัญญาณทีวีดิจิทัลในตัว พร้อมกับซื้อเสาอากาศรุ่นใหม่ในอาคารราคาประมาณ 350 บาท อ่านคู่มือแล้วเสียบสายก็ดูได้คมชัดแล้ว ช่วงนี้สามารถรับชมได้ 8 ช่องคือฟรีทีวีแบบ SD 6 ช่องและ HD 2 ช่อง
ตลอดช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาก่อนการประมูลทีวีดิจิทัล สังคมรับรู้แค่กสท.จะนำเงินขั้นต่ำของการประมูลประมาณ 15,900 ล้านบาท คำนวณจาก 22 ล้านครัวเรือนออกมาเป็นมูลค่าคูปอง 690 บาทต่อครัวเรือน กสท.จะแจกให้ทุกครัวเรือนไปแลกซื้อกล่องรับสัญญาณรับทีวีดิจิทัล แต่รายละเอียดขั้นตอนกระบวนการแจกคูปองกลับไม่ปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมใด ๆ
ผลงานแผนประชาสัมพันธ์ของกสท.ที่มากที่สุด ทำได้แค่ว่าจ้างผู้ผลิตมัสคอต"ดูดี"ให้มีชีวิต แล้วส่งไปเดินโชว์ตัวในงานต่างๆ กับการมอบให้ผู้ผลิตโทรทัศน์ไปติดเป็นสัญลักษณ์การรับชมสัญญาณดิจิทัล แต่กลับไม่เคยมีแผนประชาสัมพันธ์ใดๆ ที่เป็นรูปธรรมเพียงพอ
แต่ขั้นตอนสำคัญที่ไม่ได้ทำเลย คือสร้างการให้ข้อมูลเพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจให้ผู้บริโภคตระหนักว่าประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนระบบการออกอากาศโทรทัศน์ใหม่ จากเดิมระบบอนาล็อกที่ใช้มานานร่วม 50 ปีไปสู่ระบบดิจิทัลที่มีช่องเพิ่มขึ้นจะทำให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้นอีกหลายเท่าในการรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินที่มีต้นทุนต่ำที่สุด
ถ้าความรู้สึกของผู้บริโภคยังไม่เกิดการตระหนักรู้หรือเกิดความเข้าใจในระบบดิจิทัลทีวีเพื่อสร้างการยอมรับว่าระบบใหม่จะดีกว่าระบบเก่า การก้าวข้ามไปสู่การตัดสินใจเปลี่ยนผ่านไปสู่การซื้อกล่องรับสัญญาณหรือรอรับแจกคูปองเพื่อไปซื้อกล่องจะยากลำบากมาก
คุยกันสนุก ๆ ปนยิ้มเศร้า ๆ ภายในชมรมผู้ประกอบการโทรทัศน์ดิจิทัล"ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นก่อนจะพัฒนาไปสู่"สมาคม"ที่กำลังจะขอไปพบกสท.เพื่อทวงถาม"ความพร้อม"ของสนามแข่งทีวีดิจิทัลของกสท.ที่มองไปไหนก็ยังไม่เสร็จ หากกสท.ยังมึนๆ งงๆไม่รู้ว่าจะเริ่มประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้เรื่องการรับชมทีวีดิจิทัลได้อย่างไร ลองเจียดเงินจากก้อนหมื่นล้านบาทที่กสท.ได้ไปงวดแรกจากการประมูลมาคืนให้ 24 ช่องๆ ละ 5 ล้านบาทไปออกสปอตประชาสัมพันธ์แบบโหมกระหน่ำทุกช่องทางน่าจะได้ผลตอบรับเร็วที่สุด
เปิดฉากสงครามทีวีดิจิทัล (3):"สนามแข่ง"ที่ยังสร้างไม่เสร็จ [กรุงเทพธุรกิจ 23 ก.พ.57]
เปิดฉากสงครามทีวีดิจิทัล(2):"ทุ่งสังหาร"ที่ฝูงห่านไม่กลัวตาย
เปิดฉากสงครามทีวีดิจิทัล (3):"สนามแข่ง"ที่ยังสร้างไม่เสร็จ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 01:00
คอลัมน์ คิดใหม่ วันอาทิตย์ เขียนโดยคุณอดิศักดิ์ ลิมปรุงพัฒนกิจ
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ (กสท.) อยากให้ผู้ประกอบการ"ทีวีดิจิทัล" 24 ช่องเริ่มออกอากาศพร้อมกันในวันที่ 1 เม.ย.นี้ แต่ยังมีคำถามที่ยังไม่มีตำตอบอีกหลายคำถามถึงความพร้อมของ"สนามแข่ง"ที่กสท.ในฐานะคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้จัดเตรียมความพร้อมไว้แค่ไหน
ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่ยอมสมัครแล้วแข่งกันประมูลราคาตั๋ว ด้วยราคาแพงระยับเพื่อได้สิทธิเป็น 1 ใน 24 ทีมเพื่อเข้ามาสู่สนามแข่งขัน Digital TV ที่กำลัง"หลังแอ่น"กับภาระทางการเงิน ล้วนแต่อยู่ในอาการ"หัวปั่น"กับกติกามารยาทของสนามแข่งแห่งนี้ที่ยังไม่ชัดเจนหลายอย่าง
ผู้เล่นรายเก่าระบบอนาล็อกที่มีอยู่ 6 ราย สมัครใจลงแข่งในสนามทีวีดิจิทัล 3 ราย ควรจะต้องรีบตัดสินใจให้แน่นอนว่าช่องอนาล็อกเดิมคือช่อง 3,ช่อง 7 และช่อง 9 จะมาออกคู่ขนาน Simulcast ในช่องดิจิทัลที่ประมูลได้หรือไม่ แม้กสท.ออกมติในเชิงบังคับอยากให้"ช่องเดิม"แสดงความจริงใจออก"คู่ขนาน"เพื่อให้ผู้บริโภคมีแรงจูงใจซื้อกล่องรับสัญญาณหรือเปลี่ยนผ่านมาดูระบบดิจิทัลได้เร็วขึ้น
แต่เท่าที่อ่านจากคำสัมภาษณ์ของผู้บริหารช่อง 3 และช่อง 9 ไม่อยากนำช่อง HD ที่ประมูลได้มาออกคู่ขนานเพราะไม่ได้ประโยชน์ในการขายโฆษณาเพิ่มขึ้น แต่อยากจะสร้างช่อง HD ใหม่ขึ้นมาเพื่อเสนอแพ็คขายโฆษณาแบบเหล้าพ่วงเบียร์หวังกินรวบมากกว่า แล้วคงสิทธิ์ในการออกอากาศระบบอนาล็อกไปให้ยาวนานที่สุดคือ 5 ปี มองในเชิงลบก็จะเกิดความรู้สึกขุ่นข้องใจว่าช่อง 3 กับช่อง 9 กำลัง"เล่นเกม"ยื้ออยู่ในระบบอนาล็อกให้นานที่สุด เพื่อให้ระบบดิจิทัลเกิดได้ช้าลง
แต่ถ้ามองเชิงบวกก็จะเห็นว่าช่อง 3 กับช่อง 9 ยังต้องการให้คนดูในระบบอนาล็อกไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในการซื้อกล่องรับสัญญาณมาต่อเข้ากับโทรทัศน์ ดูแบบไหนก็ดูแบบเดิมได้ไปอีกนาน ถ้ายังไม่ต้องการช่องเพิ่มและการเพิ่มช่องใหม่ของช่อง 3HD กับช่อง 9HDจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคมีช่องเพิ่มขึ้น
โครงข่ายที่ให้บริการช่องทีวีดิจิทัลทั้งสี่รายมีความพร้อมในการให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ในระดับมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ ? ที่เปรียบเสมือน"ลู่วิ่ง" 24 ลู่ที่ผู้ให้บริการโครงข่ายจะต้องทำให้ได้มาตรฐานเดียวกันก่อนจะเริ่มแข่งขันจริง ระหว่างนี้แต่ละโครงข่ายแค่ปล่อยผู้เล่น"ทดลองวิ่ง"ไปพลางๆ เพื่อทดสอบทางเทคนิคเท่านั้นเอง
โครงข่ายช่อง 5 กับโครงข่ายช่องไทยพีบีเอสใช้"เสาส่งหลัก"ร่วมกันมีช่องทีวีดิจิทัลตัดสินใจไปเช่าบริการรวม 19 ช่อง ทั้งสองโครงข่ายประกาศความพร้อมจะให้บริการได้ตั้งแต่ 1 เม.ย. แต่โครงข่ายช่อง 9 อสมท.ที่ใช้"เสาส่งหลัก"แยกจากโครงข่ายหลักไทยพีบีเอสมีผู้ใช้บริการ 5 ช่อง ยังพูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำว่าพร้อมจะให้บริการ 1 เม.ย.หรือไม่ ส่วนโครงข่ายกรมประชาสัมพันธ์สรุปได้เลยว่ายังไม่พร้อมให้บริการแน่นอน
โครงข่ายของช่อง 5 มี 2 โครงข่ายมีช่องทีวีดิจิทัลไปใช้บริการ รวม 13 ช่อง ระบบ HD มี 4 ช่องคือ GMM,ช่อง 7, PPTV(คุณหมอปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ) และช่อง AMARIN TV ระบบ SD มี 8 ช่องคือเครือเนชั่น Nation TV และ NOW , WORKPOINT, GMM SD, DailynewsTV, Bright TV ( 3Aมาร์เก็ตติ้ง), MONO, TRUE,TNN และช่อง 5 เก็บไว้ใช้เอง 1 ช่อง HD
โครงข่ายของช่องไทยพีบีเอสมีช่องดิจิทัลทีวีไปใช้บริการ รวม 8 ช่อง ระบบ HD ช่อง 3, ระบบ SD ช่อง 3 อีก 2 ช่อง,ช่อง 8 RS, ช่องทีวีพูล 2 ช่องคือTHV กับ LOGA และไทยพีบีเอสเก็บไว้ใช้เองอีก 2 ช่อง
โครงข่ายของช่อง 9 อสมท.มีช่องดิจิทัลไปใช้บริการ รวม 5 ช่อง ระบบ HD ไทยรัฐทีวี, ระบบ SD ช่อง Spring News และช่อง VOICETV และอสมท.ใช้เอง 2 ช่องเป็น HD กับ SD Kid แต่ยังเหลือช่อง SD อีก 1 ช่อง
ปัญหาทางเทคนิคที่ผู้รู้เล่าให้ฟังคือทั้งสามโครงข่ายที่คิดว่ามีความพร้อมในการให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ แต่ยังไม่เคยมีการทดลอง"รวมสัญญาณ"ให้ผู้บริโภคสามารถรับชมได้ด้วยเสาอากาศเดียว ซึ่งในทางเทคนิคไม่ใช่เรื่องง่ายจะทำให้เสร็จภายในเร็ววัน รวมทั้งปัญหาระหว่างอสมท.กับกสท.ที่ยังงัดข้อกันเรื่องการใช้เสาส่งแยกจากเสาส่งของไทยพีบีเอสที่ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนว่าทำได้แค่ไหน
อันที่จริงแล้วเจ้าของสนามคือกสท.มอบใบอนุญาตผู้ประกอบการโครงข่ายหรือ"ลู่วิ่ง"ไปตั้งแต่ 1 มิ.ย.ปีที่แล้ว แต่ไม่ทราบด้วยอุปสรรคใด ทำให้โครงข่ายเพิ่งสร้างเสร็จ( Network Coverage )พร้อมให้ลงวิ่งในวันที่ 1 เม.ย.ใน 4 จังหวัดคือกรุงเทพมหานคร,เชียงใหม่,นครราชสีมาและสงขลา เดือนต่อมา 1 พ.ค.ออกอากาศได้ในพื้นที่อุบลราชธานี,สุราษฎร์ธานี,ระยองและ 1 มิ.ย.ในพื้นที่สิงห์บุรี,สุโขทัย,ขอนแก่นและอุดรธานี รวมครอบคลุมพื้นที่มีที่ประชากรประมาณ 50 %หรือ 11 ล้านครัวเรือน ประมาณ 30 ล้านคน
สมมุติว่าจนถึงกลางปีเดือนมิ.ย.โครงข่ายหรือสนามแข่ง สามารถสร้างเสร็จได้ตามกำหนดด้วยความจุคนดูได้มากถึง 30 ล้านคนน่าจะเพียงพอให้ EYEBALL มากพอสำหรับเอเจนซี่โฆษณาตัดสินใจ"ซื้อที่นั่ง"ให้ลูกค้าโฆษณาเข้ามาได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่น่าห่วงมากที่สุดของ"ผู้เล่นใหม่" 14 บริษัท(ไม่นับผู้เล่นเก่า 3 บริษัทคือช่อง 3,ช่อง 7 และช่อง 9 )คือ"ผู้ชม"ที่ยอมซื้อกล่องรับสัญญาณหรือซื้อโทรทัศน์ใหม่ที่มีจูนเนอร์ Built-In ในเครื่องมาเลยจะมีมากแค่ไหน
Penetration Rate หรืออัตราส่วนคนดูเทียบกับการครอบคลุมของโครงข่ายจะมีมากเท่าไหร่จะเป็นปัจจัยชี้เป็นชี้ตาย สำหรับ"ผู้เล่นใหม่"ที่เพิ่งเข้ามาสู่ลู่วิ่งภาคพื้นดินที่มีเจ้าตลาดช่อง 3,ช่อง 7 และช่อง 9 อยู่แล้วในลู่วิ่งภาคพื้นดินที่เป็นลู่ดิน แม้ว่า"ผู้เล่นรายเก่า"ทั้งสามรายที่ประมูลช่องใหม่ได้รวมกัน 6 ช่อง แบ่งเป็น HD 3 ช่องและSD 3ช่องก็ไม่อยู่ในสภาวะวิตกทุกข์ร้อนเพราะยังมีลู่วิ่งเดิมแบบอะนาล็อกอยู่ถึง 5 ปี ในขณะที่ลู่วิ่งใหม่แบบดิจิทัลยังเสร็จไม่หมด
ตัววัด Penetration Rate คือตัวเลขจำนวนกล่องรับสัญญาณและโทรทัศน์รุ่นใหม่ที่มีจูนเนอร์ในตัวที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายไปแล้ว ก่อนการประมูลเมื่อสิ้นเดือนธ.ค.ปีที่แล้วมีกล่องรับสัญญาณที่ได้รับอนุญาตจากกสท.รวมประมาณ 550,000 กล่องและโทรทัศน์ที่มีจูนเนอร์อีกประมาณ 100,000 เครื่อง รวมแล้วน่าจะมีครัวเรือนที่สามารถรับชมโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลประมาณ 600,000 ครัวเรือน
กสท.ยังไม่มีแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์"ขนานใหญ่"เพื่อปลุกกระแสให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจในวิธีการรับชมโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ซึ่งไม่ใช่เรื่องอยากเย็นแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับการติดตั้งงานดาวเทียมหรือเคเบิลทีวีที่ต้องเสียเงินเสียเวลาเรียกช่างมาติดตั้ง
หากต้องการดูช่องทีวีดิจิทัลมีช่องทางง่ายๆ แค่ 2 วิธีคือถ้าไม่ต้องการซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่ก็ไปซื้อกล่องรับสัญญาณราคาประมาณ 1,200 บาทพร้อมเสาอากาศขนาดเล็กๆ นอกอาคารหรือในอาคาร กรณีไม่มีเสาประเภทหนวดกุ้ง-ก้างปลาอยู่เดิม ราคาเสาอากาศชุดละประมาณ 350 บาทเท่านั้น
อีกวิธีที่ง่ายกว่าแต่มีค่าใช้จ่ายมากกว่าคือซื้อโทรทัศน์รุ่นใหม่ที่มีจูนเนอร์รับสัญญาณทีวีดิจิทัลในตัว พร้อมกับซื้อเสาอากาศรุ่นใหม่ในอาคารราคาประมาณ 350 บาท อ่านคู่มือแล้วเสียบสายก็ดูได้คมชัดแล้ว ช่วงนี้สามารถรับชมได้ 8 ช่องคือฟรีทีวีแบบ SD 6 ช่องและ HD 2 ช่อง
ตลอดช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาก่อนการประมูลทีวีดิจิทัล สังคมรับรู้แค่กสท.จะนำเงินขั้นต่ำของการประมูลประมาณ 15,900 ล้านบาท คำนวณจาก 22 ล้านครัวเรือนออกมาเป็นมูลค่าคูปอง 690 บาทต่อครัวเรือน กสท.จะแจกให้ทุกครัวเรือนไปแลกซื้อกล่องรับสัญญาณรับทีวีดิจิทัล แต่รายละเอียดขั้นตอนกระบวนการแจกคูปองกลับไม่ปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมใด ๆ
ผลงานแผนประชาสัมพันธ์ของกสท.ที่มากที่สุด ทำได้แค่ว่าจ้างผู้ผลิตมัสคอต"ดูดี"ให้มีชีวิต แล้วส่งไปเดินโชว์ตัวในงานต่างๆ กับการมอบให้ผู้ผลิตโทรทัศน์ไปติดเป็นสัญลักษณ์การรับชมสัญญาณดิจิทัล แต่กลับไม่เคยมีแผนประชาสัมพันธ์ใดๆ ที่เป็นรูปธรรมเพียงพอ
แต่ขั้นตอนสำคัญที่ไม่ได้ทำเลย คือสร้างการให้ข้อมูลเพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจให้ผู้บริโภคตระหนักว่าประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนระบบการออกอากาศโทรทัศน์ใหม่ จากเดิมระบบอนาล็อกที่ใช้มานานร่วม 50 ปีไปสู่ระบบดิจิทัลที่มีช่องเพิ่มขึ้นจะทำให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้นอีกหลายเท่าในการรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินที่มีต้นทุนต่ำที่สุด
ถ้าความรู้สึกของผู้บริโภคยังไม่เกิดการตระหนักรู้หรือเกิดความเข้าใจในระบบดิจิทัลทีวีเพื่อสร้างการยอมรับว่าระบบใหม่จะดีกว่าระบบเก่า การก้าวข้ามไปสู่การตัดสินใจเปลี่ยนผ่านไปสู่การซื้อกล่องรับสัญญาณหรือรอรับแจกคูปองเพื่อไปซื้อกล่องจะยากลำบากมาก
คุยกันสนุก ๆ ปนยิ้มเศร้า ๆ ภายในชมรมผู้ประกอบการโทรทัศน์ดิจิทัล"ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นก่อนจะพัฒนาไปสู่"สมาคม"ที่กำลังจะขอไปพบกสท.เพื่อทวงถาม"ความพร้อม"ของสนามแข่งทีวีดิจิทัลของกสท.ที่มองไปไหนก็ยังไม่เสร็จ หากกสท.ยังมึนๆ งงๆไม่รู้ว่าจะเริ่มประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้เรื่องการรับชมทีวีดิจิทัลได้อย่างไร ลองเจียดเงินจากก้อนหมื่นล้านบาทที่กสท.ได้ไปงวดแรกจากการประมูลมาคืนให้ 24 ช่องๆ ละ 5 ล้านบาทไปออกสปอตประชาสัมพันธ์แบบโหมกระหน่ำทุกช่องทางน่าจะได้ผลตอบรับเร็วที่สุด