เคยมั้ยโดนแทงข้างหลัง..ด้วยมีดสองเล่มในครั้งเดียว

เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วเราในสถานะม่าย ลูกติด 2 คน
เราทำงานเป็นตัวแทนประกันบริษัทแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งมีบ้านหลังน้อยๆและรถหนึ่งคันภายในเวลาไม่นาน

บ้านหลังนั้นเป็นทาวน์เฮ้าส์หลังเล็กอยู่ด้วยกัน 4 คน ตัวเรา ลูก 2 คน และ แม่สามี อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ
เราเป็นม่ายหย่าร้างเลิกกะแค่สามี ส่วนแม่สามีกลายมาเป็นเหมือนแม่แท้ ๆ อีกท่านหนึ่ง
ที่มาคอยช่วยดูแลบ้านและหลานของท่านแล้วให้เราไปทำงาน

หลังจากที่ย้ายเข้าใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่นานก็ได้รู้จักเพื่อนบ้าน รวมถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งพ่อแม่แยกทางกันใช้ชีวิตอยู่กับย่า
ขอ(สมมติ)เรียกชื่อสั้นๆว่า.."กวาง" เวลานั้นกวางอายุประมาณ 15-16 ปี ชอบมาขอนั่งเล่นที่บ้านบ่อย ๆ
ด้วยความสงสารที่เด็กเหมือนไม่มีใครประกอบกับเด็กจะพูดว่าที่บ้านมีปัญหาไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ทำให้รู้สึกเห็นใจมากขึ้น
เวลาไปไหนก็จะชวนนั่งรถไปด้วย ไปทานข้าว ไปเที่ยว เพราะก่อนที่จะสนิทกันเคยเห็นกวางเดินร้องไห้ในหมู่บ้านอยู่ครั้งสองครั้ง
สภาพเหมือนมีปัญหาอยู่จึงไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรไปมากมาย แค่ฟัง ๆ แล้วก็ช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ให้เงินบ้าง เลี้ยงข้าวกวางบ้าง
แต่พอสนิทกันไปได้สักพักก็รู้ได้ในระดับนึงเรื่องประมาณว่าเป็นเด็กมีปัญหา ทะเลาะกับเพื่อน มีแฟนหลายคน ทอมบ้าง ผู้ชายบ้าง
นี่คือการดำเนินชีวิตที่บ้านของกวาง

     เรื่องการทำงานเกี่ยวกับการเป็นตัวเเทนทำให้พบกับคนมากมาย จนมาเจอกับสามีคนนี้
ก่อนหน้านี้เรารู้จักกันในฐานะน้องของเพื่อนแต่ไม่ได้สนิทสนมอะไร จนสามีมาดูแลเรื่องเคลมสินไหมให้แม่เค้า
เราถึงมีโอกาสใกล้ชิดสนิทกันมากขึ้น สามีชื่อ"ภาษี"ค่ะ(นามสมมติเช่นกัน)  ภาษีเปนคนเรียนสูง ค่อนข้างเรียบร้อย
ที่สำคัญไม่เจ้าชู้เหมือนสามีที่เลิกลากันไป บ้านภาษีรับไม่ได้ที่ภาษีจะมีภรรยาเป็นแม่ม่ายลูกติด จึงโดนด่าและดูถูกสารพัด
โดยเฉพาะน้องสาวภาษี บ้านนี้เค้าเรียนสูง มีการศึกษา ป.โท ทั้งบ้านจนมั่นใจในตัวเองกันชนิดตายกันไปข้างนึง
จึงทำให้เรากับภาษีไม่ได้จดทะเบียนสมรส เพราะแม่เค้าไม่ยินยอม แม่ภาษีเค้าก็เป็นม่ายลูก 3
โดยที่ภาษีเป็นลูกคนที่ 2 และเค้าไม่ได้แต่งงานใหม่จึงดูถูกเรากลายๆไปด้วย
แต่ด้วยความที่เชื่อมั่นในตัวของภาษีและคิดว่าจะเริ่มต้นคำว่าครอบครัวใหม่ ภาษีมาอยู่บ้านที่เราเป็นคนซื้อค่ะ

     จากนั้นภาษีบอกว่าอยากจะเปิดบริษัทเกี่ยวกับรับทำเว็บหรือขายโปรแกรมเอง
เพราะความที่เค้าจบโทวิศวกรรมคอมพิวเตอร์สถาบันชื่อดังแห่งหนึ่งใกล้สนามบินประเทศเรา
เค้าให้ความมั่นใจว่าไปได้ด้วยดีแน่ เราจึงตัดสินใจลงเงินจากที่เรามีอยู่ เอารถไปจัดไฟแนนซ์ใหม่
รวมถึงขายทองที่สะสมมา 11 บาท  เหลือเพียงทองติดตัวที่ใส่คอแค่ 0.50 บาท

     การดำเนินการไปได้ด้วยดีระดับหนึ่ง จ้างลูกน้องเพิ่มขึ้น เราเป็นคนขายงานบริษัทเองทุกอย่างทั้ง ๆ ไม่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มากนัก
อาศัยเรียนรู้ให้มากทำให้เยอะ ในระหว่างนั้นกวางเรียนระดับมหาลัย(เอกชน)ปี 2 ก็ลาออก บอกว่าที่บ้านมีปัญหาการเงิน ไม่มีเงินส่งเรียน
ขอทำงานด้วย ซึ่งดันตรงกับธุรการลาออกพอดี จึงรับมาทำงาน และแน่นอนเวลาไปไหนกวางก็จะขอไปด้วย
เรากะภาษีจะดูหนัง ทานข้าว กวางจะติดไปด้วยเสมอ

     จนวันหนึ่งกวางไปได้เสียกันกับผู้ชายตรงข้ามบ้านเรา บอกว่าจะไปอยู่ด้วยกัน เราก็บอกว่าให้ไปบอกย่า
บอกพ่อแม่ด้วยว่าจะไปอยู่กะแฟนให้ผู้ใหญ่รับรู้ กวางก็ไม่ยอมบอก เราก็ไม่รู้จะไปบอกพ่อแม่เค้าที่ไหน
ส่วนย่าเค้าก็ไม่ได้แคร์อันใดว่าหลานจะอยู่ที่ไหนอย่างไรเค้าถือว่าโตแล้ว  ทุกอย่างก็ดำเนินไปปกติตามกาลเวลา
ธุรกิจที่ทำดีบ้างไม่ดีบ้าง ขึ้นๆ ลง ๆ ตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่ที่รอดมาได้เพราะพ่อแม่เราให้ความช่วยเหลือหยิบยื่นเงินทองมาให้
และมีการย้ายบ้านขยับขยายมาอยู่อาคารพาณิชย์ไม่ห่างจากบ้านหลังเดิมเท่าไหร่  อาคารพาณิชย์แห่งนี้พ่อแม่เราซื้อให้
เพื่อว่าจะได้ขยายตัวได้มากขึ้น  ส่วนหลังเดิมเราให้คนเช่า และเปลี่ยนชื่อภาษีมาใส่ เพราะเค้าบอกว่าต้องจะต้องสร้างเครดิต
ต้องมีทรัพย์สิน ภาษีมาแต่ตัวจริง ๆ ซึ่งเราและครอบครัวเราไม่เคยรังเกียจ

     จนวันหนึ่งที่กรุงเทพฯประสบน้ำท่วมครั้งใหญ่ อาคารพาณิชย์ที่เราอาศัยอยู่ถนนสูงกว่า น้ำไม่ท่วม
กวางจึงได้บอกว่าจะมาขออาศัยเพราะท้องแก่มากแล้ว กลัวเจ็บท้องจะไปคลอดลำบาก เราก็ให้มาอยู่ที่นี่พร้อมแฟนกวางเลย
จนกวางคลอดลูกเป็นผู้หญิง ซึ่งต้องผ่าออกเพราะหมอบอกว่าคลอดเองไม่ได้ กวางมีเรื่องของการติดเชื้อทางนั้น
หากคลอดเด็กอาจติดเชื้อไปที่ตา จมูกหรืออื่นๆได้ จึงต้องผ่าตัดคลอดสถานเดียว
แต่พอน้ำท่วมลดลงแล้วแต่กวางอ้างว่าบ้านแฟนเค้ายังไม่ได้ทำความสะอาด ทารกเกิดใหม่อาจติดเชื่อ
กลายเป็นว่าต้องอาศัยเราต่อไปซึ่งเราก็ไม่ขัด เพราะกำลังเริ่มหลงหลาน เราดูแลหลานให้เวลาพ่อแม่ไปเรียนป.ตรีภาคเสาร์-อาทิตย์
เราโกนผมไฟให้ ป้อนข้าวป้อนน้ำเหมือนลูกตัวเองอีกคน

     ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป จากภาษีซึ่งเป็นสามีเราไม่ยอมไปทำงานกับเราแล้ว อ้างว่าจะต้องนั่งทำหน้าคอมอย่างเดียว
เราก็ปล่อยให้อยู่ออฟฟิศซึ่งอาคารพาณิชย์นี่เราตกแต่งด้านล่างเป็นที่ทำงาน 2 ชั้น 3 ชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัย
การที่เราต้องขับรถวิ่งออกต่างจังหวัดคนเดียววันนึงไม่ต่ำกว่า 300 กม. ทำให้พ่อแม่เราเป็นห่วงเรามาก
จึงส่งคนขับรถมาให้ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาเรามาช่วย แต่กลายเป็นว่า พอมีคนมาช่วยขับรถภาษีไม่ไปกับเราอีกเลย
ภาษีทำงานอยู่กับกวาง 2 คนในห้องชั้นบนโดยอ้างว่าหลานเพิ่งเกิด เด็กเล็ก ๆ ร้องไห้โยเย จะทำให้โปรแกรมเมอร์หรือพนักงานคนอื่นรำคาญ
เลยต้องให้มาอยู่ด้วยกันในห้องชั้นบน  พอเรากลับจากทำงานจะเห็นภาษีเล่นอยู่กับหลาน คุยเล่นอยู่กับกวาง แทบจะตลอด
ไม่นานนัก งานเริ่มทำไม่ทัน ไม่ใช่ว่าเพราะงานเยอะนะคะ แต่เป็นเพราะภาษีบอกว่า คิดงานไม่ออก
เราต้องไปแก้ต่างที่ลูกค้า พอเราถามว่าทำไมงานช้าก็จะเหวี่ยงจะว่าเราแทน
จนเราเริ่มงง ๆ กับการเปลี่ยนแปลงแต่ก็ยังคงไม่ได้คิดอะไร

จนวันนึงเราชวนภาษีไปทานข้าวปกติ สิ่งที่ภาษีทำคือ"หันไปถามกวางว่าไปไหม พอกวางบอกไม่ไป ภาษีหันมาบอกเราเลยว่า..ไม่ไป"
เราจึงเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ละ จึงบอกภาษีไปว่า"เราจะให้กวางกับลูกและแฟนกวางกลับไปอยู่บ้านตัวเอง"  
ภาษีเลยบอกว่า"อย่าหวังว่าให้ย้ายออกไปแล้วเค้าจะเหมือนเดิม"

เกิดอาไรขึ้นในบ้านเรา ครอบครัวเรา 8 ปีที่ผ่านมาคือ ????  เหนื่อยด้วยกันมาคือ ???

     ไม่เกินเดือนจากนั้นภาษีขอเราเลิก บอกว่าไม่ได้รักเราแล้ว ภาษีบอกว่าให้เราเอาชื่อเราและพ่อเราออกจากการเป็นผู้ถือหุ้น อ้างว่าหากไม่มีเค้าก็ไม่มีบริษัทนี้  เราปรึกษาพ่อกับแม่ ท่านบอกให้เซ็นต์ไปเลย ช่างมันแต่บอกให้แบ่งค่าเช่าพื้นที่ซึ่งเป็นรายได้ประจำเดือนและมันค่อนข้างเป็นเงินเยอะอยู่เหมือนกัน ภาษีรับปาก เราทั้งอ้อนวอน กราบกรานว่าอย่าทิ้งเราไป "กราบนี่กราบแทบเท้าภาษีเลยนะ" สิ่งที่ภาษีทำคือ..เดินข้ามเราไปนั่งอยู่ในห้องกวางซึ่งไม่ยอมย้ายออก จากนั้นเราก็..โดดตึก!!!

     แน่นอน เรารอด!!! ระยะเวลาจากนั้นที่เรารักษาตัวจนกลับมาพักที่บ้าน ภาษีย้ายของออกจากออฟฟิศจนหมด เอารถกระบะมาขนไปแม้กระทั่งพระในห้องพระ และไม่เคยมาเยี่ยมเราสักครั้ง กวางย้ายออกไปพร้อมสามีตัวเองพร้อมๆกับภาษี หลายๆเดือนเราไม่มีโอกาสทำสิ่งใดนอกจากนอนเจ็บ ร้องไห้ เสียใจจนน้ำหนักหายไปร่วม 20 กก. เราพยายามติดต่อภาษีถึงเรื่องรายได้ที่รับปากว่าจะแบ่งให้แต่เค้าไม่รับสาย ไม่สนใจ ภาษีเอามือถือทุกเครื่อง ทุกสิ่งอย่างเท่าที่ขนได้ไปจากชีวิตเรา ชีวิตเราเท่ากับเหลือศูนย์

     นั่งคิดนอนคิดทุกวันจนตั้งสติได้ในวันนึง ขอโอกาสพ่อกับแม่ทำบริษัทขึ้นมาใหม่ และเราเชื่อว่าเราจะต้องทำได้
เราจึงเริ่มทำในสิ่งที่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง จ้างพนักงาน ออกหางาน กลับไปหาลูกค้าเก่า แนะนำบริษัทเรา เหนื่อยมากแต่มีความสุข บริษัทกำลังเป็นไปได้ด้วยดี  ภาษีติดต่อเรากลับมา  บอกว่า"กวางท้อง และท้องกับภาษี" เราก็..รู้สึกถึงบางอ้อจริง ๆ แล้วถามว่าสามีกวางล่ะ เค้าบอกยังไม่รู้ นี่ก็เท่ากับว่า ภาษีไปเป็นชู้กับเมียคนอื่น การศึกษาไม่ได้ช่วยคนไร้ศีลธรรมจริง ๆ
ตอกย้ำเราเข้าไปอีกที่เวลาเราทำบุญแล้วภาษีชอบถามทำบุญทำไม บุญหน้าตาเป็นยังไง

พอให้ภาษีบอกมาว่าต้องการอะไร  ภาษีบอกว่า..อยากให้เรารับลูกในท้องกวางมาเป็นลูกเราแทน
แล้วภาษีจะกลับมาคืนดีกับเราเหมือนเดิมฟังแล้ว..นัดภาษีมาเจอเลยค่ะ ที่พุทธมณฑล บอกไปว่าไปที่อื่นจะไม่ไป
เพราะเชื่อว่ามาที่นั่นภาษีจะไม่กล้าโกหกแล้วภาษี..ก็มาถึง ทุกอย่างเป็นเหมือนคำสารภาพที่พร่างพรูออกมา
ยอมรับว่ามีอะไรกันกับกวางมานานแล้ว เป็นชู้เค้ามานานแล้ว กวางก็เปนเมียน้อยเรามาหลายเดือนแล้ว
ในบ้านเรา บ้านที่พ่อแม่ให้มาสร้างอนาคต เราถามภาษีทำลงไปได้ยังไง ภาษีบอกว่า..กวางพูดแต่ว่าอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น
มีแฟนเล่นดนตรีกลางคืนมันไม่มีอนาคต น้าภาษีมีอนาคตให้หนูได้ ด้วยความใกล้ชิด ด้วยหน้าตาที่สะสวย ผิวขาว และเด็กกว่าเรา
ไม่ยากที่ผู้ชายจะเสร็จหล่อน ทั้งหมดนั่นเราอัดเสียงไว้ค่ะ
เราบอกไปว่ารู้ว่าเด็กมันเปลี่ยนผู้ชายมามายจนมีเชื้อโรคในตัว ยังกล้าไปสมสู่อีกสกปรกขนาดนี้ก็เชิญกันลงนรกไปเถอะค่ะ
กวางด้วยความที่เป็นแบบนี้ทำให้มีประจำเดือนไม่ปกติ 3 เดือนครั้ง 2 เดือนครั้ง ไม่แน่นอน และตกขาวรุนแรงจนติดมาถึงลูกตัวเอง
ซึ่งเราเป็นคนช่วยเลี้ยง เราจึงรู้และเห็นและตกใจปนสงสารหลานที่แค่สองเดือนก็มีตกขาวแล้ว และเยอะมากด้วยค่ะ

     เราชกหน้าไปทีจนแว่นกระจาย แล้วก็บอกไปว่าไม่คืนดีแน่นอน สกปรกขนาดนั้น
ส่วนกวางรีบไปบอกสามีตัวเองเหมือนกันว่าจะมาอยู่กับภาษีแล้วเพราะท้อง โดยที่ไม่สลดแต่อย่างใด
ส่วนภาษีช่วงนี้ก็กลับมาตามง้อเรา ยังไม่ยอมรับกวางให้มาอยู่ด้วย ซึ่งวิธีการของกวางคือโทรมาขู่จะเอาเด็กออกตลอดเวลา
ใช่ค่ะภาษีกลัว เพราะเค้าอยากมีลูกแต่เราทำหมันแล้ว เราก็เคยบอกว่าจะแก้หมันให้แต่ภาษีบอกไม่ต้อง
เค้าอยู่กับเราได้ไม่มีปัญหา พอต่อมาทุกอย่างไม่ใช่อย่างที่พูดสักนิด

    สุดท้ายกวางก็มาอยู่กับภาษี โดยที่ภาษีไปทำงานประจำด้วย และเก็บรายได้จากบริษัทด้วย เดือนนึงๆจึงมีรายได้หลักแสน ภาษีไม่ยอมคืนบ้านเราที่เราใส่ชื่อเค้า ไม่ยอมโอนรายได้จากที่เคยรับปากให้เราแม้แต่สลึงเดียว สองคนพากันไปซื้อบ้านสวยหรูทาวน์โฮมแถวประชาอุทิศซอยเก้าสิบกว่า ๆ ไปซื้อรถคันใหม่ป้ายแดงจากเงินที่โกงเราไป บ้านของเราก็เอาไปกู้เพิ่ม แถมยังบอกว่าถ้าอยากได้คืนให้เราไปไถ่ถอนเอาเอง ทุกอย่างคงเป็นเพราะเราใช้ชีวิตประมาท เชื่อมั่นในความรักมากเกินไป ส่วนลูกกวางที่เราช่วยเลี้ยง ทุกวันนี้ก็ไม่เคยเห็นหน้าแม่อีกแล้ว ปู่ย่ากับพ่อก็ขายของดูแลกันไปตามสภาพ โดยมีเราเอานม ขนม เสื้อผ้าเข้าไปให้หลานบ้าง เลี้ยงมากับมือค่ะอดสงสารไม่ได้

เราไม่รู้ว่า"เมื่อลูกภาษีกับกวางโตขึ้น (คลอดแล้วออกมาเป็นผู้หญิง) ถามว่า พ่อแม่มาเจอกันและรักกันได้ยังไง"  สองคนนี้จะโกหกลูกตัวเองว่าอะไร
เมื่อไม่นานนี่เราบังเอิญเจอกวาง แต่งตัวได้คุณนายมากและมองหน้าเราเหมือนฉันชนะ โดยไม่มีสลดสักนิดเลยเชื่อไหม ???
เราลองเอาชื่อ นามสกุล หรืออีเมล์กวางไปหาดูในเน็ต จะเจอแต่เรื่องสนใจทำศัลยกรรม เสริมนั่น ทำนี่ พอรวยแล้วนี่..ดีเนาะ

หวังว่า..เวรกรรมที่ก่อจะส่งผลกลับไปหาคนทั้งสองนี้อย่างเร็ววัน คนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษสักนิด

**ยาวไปหน่อยต้องขอโทษด้วยนะคะ อยากแชร์ประสบการณ์ หรือจะเรียกว่าอุทาหรณ์ก็ได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่