[สปอยล์] 'Munich 1972' A History of Violence: ความรุนแรงเพื่อแย่งชิงบ้านหลังใหญ่เกินตัว

'Munich 1972' A History of Violence
ความรุนแรงเพื่อแย่งชิงบ้านหลังใหญ่เกินตัว

Munich (2005)
Genre: Spy, Drama, History, Thriller



Director: Steven Spielberg
book "Vengeance: The True Story of an Israeli Counter-Terrorist Team": George Jonas
Screenplay: Tony Kushner, Eric Roth

จุดเริ่มต้นของสงครามยืดเยื้อยาวนานระหว่าง 'อิสราเอล' กับ 'ปาเลสไตน์' คงไม่สามารถย้อนไปถึงความเป็น 'เจ้าของดินแดน' มาก่อน มิเช่นนั้นวุ่นวายกันตายเลยครับ ปาเลสไตน์ก็อ้างว่าตรงนี้ที่ของตัวเอง ชาติอาหรับก็หนุนหลังไม่ยอมรับมติสหประชาชาติที่จะให้อิสราเอลเป็นประเทศเกิดใหม่ ฝ่ายอิสราเอลก็อ้างได้อีกว่าย้อนไปสมัยโบราณที่ตรงนี้เป็นของตัวเอง ต่างคนต่างอ้างยังไงมันก็ไม่จบไม่สิ้น

ปัญหามันจึงอยู่ที่ว่าเมื่อไรจะถึงจุดที่ 'win-win' ต่างฝ่ายต่างพอใจสัดส่วนของตัวเอง ซึ่งมันก็ดูจะเป็น 'โลกในอุดมคติ' มากเกินไป ดังนั้นปัญหานี้อย่างไรก็เรื้อรังยาวนานแน่นอนครับ ถึงอิสราเอลปราบปาเลสไตน์ได้แน่นอนว่าก็ยังมีชาติอาหรับคอยเบียดเบียนอยู่อีกแน่นอน




ก่อนจะอ่านรีวิวหนังชิ้นนี้ ผมแนะนำให้คุณอ่านเหตุการณ์จริงคร่าว ๆ ก่อนนะครับ จะได้อรรถรสในการรับชมมากขึ้นเยอะแน่นอนครับ ('สังหารหมู่มิวนิค' โอลิมปิค, มิวนิค 1972 โดยกลุ่ม Black September:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


*****เปิดเผยเนื้อหาเกือบทั้งเรื่อง*****

Munich เปิดหนังด้วยการสร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูโดยใช้ 'การจำลองเหตุการณ์จริง' แทรกด้วย 'ฟุตเทจภาพข่าวเหตุการณ์จริง' ซึ่งขอบอกเลยว่าแค่เปิดหนังมาก็ฉุดอารมณ์คนดูอย่างผมให้จมดิ่งไปกับหนังได้แล้ว

จากนั้นหนังก็พาเราไปรู้จักทีมตามสังหารกลุ่ม Black September
1. 'อาฟเนอร์' (Eric Bana) ทหารลูกครึ่งอิสราเอล-เยอรมัน อดีตทหารทำงานอารักขานายกรัฐมนตรีต้องกลายมาเป็นหัวหน้าทีมภารกิจลับ
2. 'สตีฟ' (Daniel Craig) สมาชิกจากแอฟริกาใต้ ทำหน้าที่เป็นคนขับรถสำหรับการหลบหนี
3. 'คาร์ล' (Ciarán Hinds) ทำหน้าที่คอยเก็บกวาดหลักฐานหลังภารกิจ
4. 'โรเบิร์ต' (Mathieu Kassovitz) จากคนกู้ระเบิดที่ชอบประดิษฐ์ของเล่นกลายมาเป็นคนทำระเบิด
5. และ 'ฮานส์' (Hanns Zischler) ทำหน้าที่ปลอมแปลงเอกสาร



ภารกิจของพวกเขาจะปฏิบัติเหมือนพวกเขาเป็น 'ผู้ก่อการร้าย' ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับอิสราเอล สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือ 'สังหารเป้าหมาย' ตามคำสั่งเท่านั้น พวกเขามีอุดมการณ์ที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้บริสุทธิ์และผู้ไม่เกี่ยวข้อง เมื่อพวกเขาได้รายชื่อเป้าหมายมาจาก 'มอสสาด' พวกเขาก็ต้องสืบหาที่อยู่ของเป้าหมายเองด้วย ซึ่งตรงนี้หนังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการหาที่อยู่สักเท่าไร ซึ่งไม่ใช่ปัญหาของหนังแต่อย่างใดครับ

ภารกิจแรกในกรุงโรม การสังหาร 'Wael Zwaiter' นักเขียนนิยายชาวปาเลสไตน์ เป็นภารกิจง่ายที่สุดของพวกเขาแล้ว นี่คือเป้าหมายรายแรกที่ยังไม่มีการระวังตัว หลังจากสะกดรอยตามเป้าหมายจนถึงที่พัก 'อาฟเนอร์' ได้ถามชื่อเป้าหมายด้วยน้ำเสียงที่สั่น ตะกุกตะกัก เขาถามคำถามเดิมซ้ำแม้เป้าหมายจะให้คำตอบแล้ว เขามีความลังเลอย่างมากซึ่งแสดงออกถึงความไม่เป็นมืออาชีพ มือที่สั่นเทาถือปืนเล็งไปยังเป้าหมาย แต่เป็น 'โรเบิร์ต' ที่ลั่นกระสุนสังหารก่อนที่ทั้งคู่จะกระหน่ำยิงปืนพกเข้าใส่เป้าหมาย

ภารกิจแรกจบลงด้วยความร้อนรน พวกเขาภูมิใจกับภารกิจที่ลุล่วงด้วยดีแม้ว่าจะใช้งบสูงกว่าที่คิด 'อาฟเนอร์' เริ่มคิดได้ว่าการใช้ปืน 'ไม่สร้างความสนใจ' และไม่ให้ความรู้สึก 'ข่มขู่' เมื่อเทียบกับการใช้ระเบิด ดังนั้นภารกิจที่สองของพวกเขาจึงเริ่มใช้ระเบิด



'อาฟเนอร์' เริ่มติดต่อกับ 'หลุยส์' (Mathieu Amalric) คนขายข้อมูลโดยตรง เขาเป็นใครเราไม่อาจทราบได้ เขาหาข้อมูลจากไหนเราก็ไม่ทราบ นอกจากตั้งข้อสงสัยว่าหน่วยงานของเขาอาจจะเป็นคนป้อนข้อมูลให้ หรือ CIA อาจจะเป็นคนป้อนข้อมูลให้ทีมของอาฟเนอร์กำจัดเป้าหมายได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามเขาคือคนขายข้อมูลด้วยข้อแม้ว่าต้องไม่ทำงานให้กับรัฐบาลใด ๆ ในโลกนี้ นั่นคือ 'อาฟเนอร์' กำลังโกหก 'หลุยส์'

มีต่อจ้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่