[CR] เพื่อนเดินทาง...ฉบับ...เชียงราย

กระทู้รีวิว

โรงแรมรีสอร์ท เที่ยวภูเขา บันทึกนักเดินทาง เที่ยววัด เที่ยวไทย

กุมภาพันธุ์ 2557

เรามีความตั้งใจอยากมีหนังสือที่เป็นผลงานของตัวเองซักเล่ม

แต่ด้วยศักยภาพยังไม่พอเพียงและความสามารถยังไม่เพียงพอ

ฉะนั้นเราขอเริ่มความฝันที่มีกับพันทิพเลยละกัน

อันเนื่องมาจาก '' ฝันกลายเป็นจริงได้ในงบประหยัด ''

พอดีปีนี้มีโอกาสได้ไปเที่ยวเชียงรายมาเป็นครั้งที่สองในชีวิต

เราตั้งใจว่าหากฉบับแรกประสบความสำเร็จ

ฉบับต่อไปคงจะตามมาในไม่ช้า

แต่หากฉบับแรกก็แป้กซะแล้ว

คงจะยังหน้าด้านมีต่อไปเรื่อยๆจนกว่าใจจะล้าไปเอง

แต่อาจต้องหลบไปทำใจซักพักใหญ่ให้แผลหายดีแล้วค่อยกลับมาใหม่

อิๆ ทำยังไงได้ก็คนมันรักอยากที่จะถ่ายทอดนี่นา

เพราะที่เราสะดวกสบายในทุกวันนี้ได้ก็เพราะพันทิพนี่แหละ

ประมาณว่าจะไปไหน พักยังไง กินอะไร เที่ยวที่ไหน ก็หาในพันทิพตลอด

นอกจากพ่อแม่ผู้มีพระคุณที่เราต้องตอบแทนแล้ว

ก็มีพันทิพอีกหนึ่งหล่ะที่เราอยากจะตอบแทนน้ำใจของคนที่ให้ข้อมูลทุกคนไว้คืนกลับไปบ้าง

เพราะเราเชื่อว่าเรื่องของเรามันต้องช่วยใครได้บ้างหล่ะ ไม่มากก็น้อยยยยยยยยย

หากคุณสนใจจะร่วมเดินทางไปกับเราก็ตามมาได้เลยค่ะ

.........................................................................

เราออกเดินทางด้วยรถแดงจากเชียงใหม่เพื่อไปจุดหมายต่อไปคือเชียงราย

การเดินทางเกือบ 4 ชั่วโมงที่อยู่บนรถ บอกตรงๆว่าก้นแทบพัง

ระหว่างทางมีการเรียกตรวจบัตรประชาชนสำหรับคนไทยและพาสปอร์ตสำหรับชาวต่างชาติด้วยนะคะ

เตรียมกันไว้ให้ดี โชคดีที่นาทีนั้นไม่โดนเรียกให้ร้องเพลงชาติไทย

หลังจากผ่านด่านตรวจค่อยโล่งอกที่ไม่โดนตรวจค้นสัมภาระ ไม่งั้นแย่แน่ๆเลย

เพราะของเยอะมากทั้งกระเปําเดินทางไปใหญ่ 2 ใบ กับถุงที่ใส่ของที่บ้าซื้อมาจากเชียงใหม่อีกเกือบ 10 ถุง

ก่อนกลับเลยโทรติดต่อ Air Asia โดยยอมจ่ายเพิ่มอีก 835 บาท โดยได้น้ำหนักกระเปําเพิ่มอีก 20 กิโล รวมของเดิมเป็น 40 กิโล

แนะนำให้จ่ายผ่าน Call Center หากคุณมีบัตรเครดิต ส่วนเราได้ติดต่อกับน้องที่เราซื้อตํวด้วยให้จ่ายไปก่อนแล้วเราโอนเงินให้ทีหลัง

อย่าคิดว่าจะไปจ่ายตรงที่สนามบินนะคะ เพราะตอนแรกเราก็ว่าจะใช้วิธีการนี้แหละ น่าจะสะดวกที่สุด

แต่พอฟังเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าเราต้องมาก่อนล่วงหน้า 4 ชั่วโมง ถึงจะดำเนินการให้ได้ เลยบายดีกว่าค่ะ ขี้เกียจมานั่งรอกับเวลาหลังจากนั้น

อ้อ เราลืมบอกไปว่าหากคุณอยากมาเที่ยวทั้งเชียงใหม่และเชียงรายแบบเราโดยเครื่องบิน

แนะนำว่าให้ซื้อแบบ 2 Routing คือ ดอนเมือง - เชียงใหม่ (ขาไป) และ เชียงราย - ดอนเมือง (ขากลับ)

แบบนี้จะได้ไม่ต้องนั่งรถกลับไปที่เชียงใหม่อีก ส่วนจากเชียงใหม่ไปเชียงราย รถบัสก็มีทุกวัน ราคาก็ถูกด้วยค่ะ

ตอนแรกก็ว่าจะใช้บริการแล้ว แต่พอเห็นสัมภาระที่เยอะมากเลยเปลี่ยนใจไปรถแดงดีกว่า

แล้วพอดีต้องการไปเที่ยวที่ดอยแม่สลองก่อนแล้วค่อยมาเช็คอินที่โรงแรมในตัวเมืองเชียงราย

รถแดงจึงตอบทุกโจทย์ความต้องการของเราได้อย่างลงตัว

.................................................................................

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับดอยแม่สลองกันก่อนนะคะ

หมู่บ้านสันติคีรี หรือ "ดอยแม่สลอง" หรือ "เหมย เซอ เล่อ" หมายถึง ดินแดนแห่งความสงบสุข

เดิมเป็นหมู่บ้านของอดีตทหารจีนคณะชาติ(ก๊กมินตั๋ง) กองพล 93 อดีตกำลังพลของนายพลเจียงไคเช็ค

อดีตผู้นำจีนที่ถูกพรรคคอมมิวนิสต์ที่นำโดยเหมาเจ๋อตุง ตีแตกพ่ายและอพยพเข้ามายังบริเวณดอยแม่สลองเมื่อกว่า 50 ปีมาแล้ว

................................................................................................................

วันนี้เราตั้งใจจะไปเยือน 3 สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญบนดอยแม่สลอง นั่นคือ ไร่ชา 101, พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทร์สถิตมหาสันติคีรี

และพิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ โดยขอเริ่มที่ไร่ชาก่อนเลยละกัน เพราะเป็นที่ๆต้องเจอก่อนใครเพื่อน

ไร่ชา 101 ในที่สุดเราก็มาถึงซักที จริงๆทางตีนดอยหากคุณมองทางขวามือก็จะเห็นป้ายบอกทางไปไร่ชาฉุยฟง

ขับเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโล แต่นาทีนั้นเราเหนื่อยมากจนเกือบจะไม่ไปต่อ เลยตัดสินใจไปไร่ชาที่รถต้องผ่านอยู่แล้วดีกว่า

แต่ก่อนจะถึงก็ไปผิดที่กับไร่ชาอีกแห่ง เรายังแอบคิดว่าทำไมเล็กจังไม่เห็นเหมือนที่เค้าถ่ายรูปมาลงกันเลยอ่ะ

จนตัดสินใจถามเลยได้คำตอบมาว่าไร่ชา 101 ต้องขึ้นไปอีกหน่อยแต่ไม่ไกลกันเลยค่ะ

ไร่ชาในฝัน ในที่สุดเราก็ได้มายืน ณ จุดที่ได้ใฝ่ฝันเอาไว้ โอยสุขจนล้น

ฝันให้ไกล ไปให้ถึง ฉะนั้นต้องไปไกลอีกค่ะ เพราะจุดหมายต่อไปคือ พระธาตุศรีนครินทร์

หรือในชื่อเต็มคือ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทร์สถิตมหาสันติคีรี ซึ่งสร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า

เป็นเจดีย์แบบล้านนาประยุกต์ บนฐานสี่เหลี่ยมลดชั้น ประดับกระเบื้องสีเทา มีซุ้มจระนำ ด้านละสามซุ้ม

เรือนธาตุประดับพระพุทธรูปยืนสี่ทิศองค์ระฆังประดับแผ่นทอง แกะสลักลวดลาย

ใกล้กับองค์เจดีย์เป็นวิหารแบบล้านนาประยุกต์ที่ตั้งของพระบรมธาตุฯ

เป็นจุดสูงสุดของเทือกดอยแม่สลองจึงชมทิวทัศน์ได้กว้างไกลโดยเฉพาะในยามเย็น

ขณะเดียวกันองค์พระธาตุยังเด่นเป็นสง่ามองเห็นแต่ไกลเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของดอยแม่สลอง

สองทางเลือกว่าจะจอดรถไว้แล้วลงบันไดมา หรือจะขับมาจอดตรงด้านข้างเลยก็ได้แต่ต้องระวังเพราะทางชันมาก

หากไม่อยากเสี่ยงเราแนะนำจอดรถไว้ตรงหน้าบันไดแลัวเดินลงมาดีกว่าค่ะ ได้ออกกำลังกายด้วย

ชมวิวพานอรามากันดีกว่า สวยงามจนไม่อยากกลับลงไปเบื้องล่างเลยค่ะ

ภายในอาคารชั้นบนสุดของพระธาตุศรีนครินทร์

บริเวณนี้เราเห็นมีคนตั้งเหรียญเยอะเลยค่ะ เราเลยมาตั้งบ้าง บ้างก็มาเขียนใบลดเคราะห์ เราถ่ายรูปมาแต่ไม่ขอลงนะคะ

วิหารแบบล้านนาประยุกต์ โอบล้อมด้วยบรรยากาศที่งดงามมากเลยค่ะ

แม่สลองยังไม่จบนะคะ เดํยวมาต่อที่พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ แต่ตอนนี้ขอเบรกไว้ก่อนค่ะ

...................................................................................................

พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ

พิพิธภัณฑ์ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงประวัติศาสตร์ว่าที่บ้านสันติคีรี

เป็นหมู่บ้านของอดีตทหารจีนคณะชาติ (ทจช.ก๊กมินตั๋ง) กองพล 93

ได้ร่วมช่วยกับทางราชการไทยต่อสู้ และปราบปรามคอมมิวนิสต์

ในพื้นที่ดอยหลวง ดอยขาว และดอยผาหม่น จ.เชียงราย

พ.ศ.2514-2528 และพื้นที่เขาย่า จ.เพชรบูรณ์ ในปี 2524

และในที่สุดก็ได้รับชัยชนะร่วมกัน แต่ในระหว่างการสู้รบอันยาวนานในไทย

กองกำลังของอดีตทหารจีนคณะชาติที่เข้าช่วยสู้รบกับคอมมิวนิสต์

ต่างได้รับบาดเจ็บล้มตายและทุพพลภาพเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น เพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

ที่ทรงพระเมตตาให้อดีตทหารจีนคณะชาติ ได้อาศัยอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร

และเพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีของอดีตทหารจีนคณะชาติในการช่วยรักษาผืนแผ่นดินไทย

พร้อมทั้งส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวดอยแม่สลอง

ทางชุมชนจึงเห็นพ้องในการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้น

โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากพี่น้องชาวจีนโพ้นทะเล พ่อค้า ประชาชน สมาคมและผู้มีจิตศรัทธาบริจาค

ส่วนที่ดินได้รับความอนุเคราะห์จากกองบัญชาการทหารสูงสุดบนเนื้อที่ 11,536.50 ตร.ม.

ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 11,532,297 บาท จนแล้วเสร็จเมื่อปี 2546

และทำพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์ ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2547