“บีเอ็มซีแอล” รุกคืบหวังกินรวบรถไฟฟ้า อาศัยช่วงสูญญากาสรัฐบาล ล็อบบี้ 'กิตติรัตน์' เร่งปิดเกม

“บีเอ็มซีแอล” รุกคืบหวังกินรวบรถไฟฟ้า อาศัยช่วงสุญญากาศรัฐบาล  เดินสายล็อบบี้ “กิตติรัตน์” เจ้าเก่า เร่งปิดเกม "รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน" ทั้งที่ผลงานเก่า ก็ทำเอารัฐบาลงานเข้า ถูกถล่มปม "คอร์รัปชั่น" จนเสียศูนย์ แนะรัฐทบทวนรูปแบบลงทุนรถไฟฟ้า ชี้ ! รูปแบบสัมปทาน PPP  เปิดช่องผูกขาด และ ทุจริตมโหฬาร

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก กระทรวงการคลัง ว่า ขณะที่รัฐบาล "น.ส.ย่งลักษณ์ ชินวัตร" ยังคงเผชิญวิกฤติทางการเมือง และ การเลือกตั้ง ที่ไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จสิ้นลงเมื่อใด แต่ในส่วนของกลุ่มทุนทางการเมือ งยังคงเดินเกมที่จะถอนทุนทางการเมือง จากการดำเนินงาน "โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ" ของ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ยังคงเดินหน้าก่อสร้างโครงการอยู่ เพราะถือเป็นการดำเนินโครงการต่อเนื่อง

โดยล่าสุด ผู้บริหาร บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL และบริษัทแม่ ช.การช่าง  กำลังดิ้นหาทางเจรจา กับ ฝ่ายการเมืองใน รัฐบาลรักษาการ ผ่าน "นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง" รองนายกฯ  และ รมว.คลัง เพื่อขอให้ผลักดันแนวทางการให้สัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย (หัวลำโพง-บางแค และ บางซื่อ-ท่าพระ) แก่บริษัท โดยอ้างว่า เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้ใช้บริการ และ  เพื่อให้เชื่อมกับรถไฟฟ้าใต้ดินเฉลิมรัชมงคล และ รถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ที่ BMCL รับสัมปทานเดินรถอยู่

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ผู้บริหาร บีเอ็มซีแอล ได้มีการเจรจากับ นายกิตติรัตน์ เพื่อให้พิจารณาจ้างโดยไม่ต้องประมูล โดยอ้างว่า เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้บริการ และ กำหนดค่าบริการได้ต่ำกว่าการเปิดประมูลหาเอกชนรายใหม่ เข้ามาดำเนินการ แต่หลังจาก รัฐบาล ได้ยุบสภาไป ทำให้แนวโน้มการเจรจาเพื่อหาทางกินรวบสัมปทานโดยตรง คงทำได้ยาก จึงหันมาผลักดันให้ รฟม. เร่งเปิดการประมูล "โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน" ตามมติ ครม .เดิม แต่ล๊อกให้ตัวเอง ได้เปรียบชนะประมูลแน่ๆ ที่กำหนดรูปแบบการลงทุนในโครงการนี้ ในรูปแบบรัฐและเอกชนลงทุนร่วม PPP ประเภท Gross Cost เช่นเดียวกับ สายสีม่วง  (บางใหญ่-บางซื่อ) ที่รัฐบาลจะเป็นผู้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่บริษัทเอกชน จะเป็นผู้ลงทุนระบบรถไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ไม่ว่ารัฐจะจัดประมูลแข่ง หรือ เจรจาให้สัมปทานแก่บริษัทเอกชนตามรูปแบบ PPP นั้น ก็ล้วนมีรายการหมกเม็ด ประเคนผลประโยชน์ไปให้แก่บริษัทเอกชนทั้งสิ้น และเป็นรูปแบบการให้สัมปทานที่กล่าวได้ว่า สร้างการผูกขาดให้เอกชนบางราย และ แฝงไว้ด้วยการคอรัปชั่น เพราะกินกำไรกันเกินเหตุมโหฬารอย่าง

"โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง" ที่มีการเซ็นสัญญาในช่วงวิกฤติการเมือง ก่อนยุบสภานั้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่า การใช้รูปแบบ PPP นั้น ทำให้โครงการนี้ เต็มไปด้วยความล่าช้า เพราะประมูลมาต้งแต่ต้นปี 2554 แต่กว่าจะลงนามให้สัมปทานออกไปก็ปลายปี 56 หรือกว่า 2  ปี เนื่องจากราคาที่ บริษัทเอกชนเสนอ คือ กลุ่มบีเอ็มซีแอล นั้นสูงร่วม 1 แสนล้านบาท แพงกว่าราคาที่ รฟม. และ เอดีบี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่  กระทรวงการคลัง ว่าจ้างเข้ามาถึงกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท ทำให้ คณะกรรมการเจรจาตามมาตรา 13 ไม่สามารถเจรจาหาข้อยุติได้ ต้องคาราคาซังไปกว่า 2 ปี จนกระทบเปิดเดินรถล่าช้า ทั้งที่งานโยธา จะเสร็จไปรอก่อนเป็นปี

“แม้จะปรับลดวงเงินสัมปทาน "โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง" ลงไปที่ 82,625 ล้านบาท แต่ก็มีรายการหมกเม็ดผลประโยชน์ไว้นับหมื่นล้านบาท เช่น ในส่วนของการจัดซื้อรถที่มีการเสนอราคาสูงถึง 80  ล้านบาท/ต่อคัน ในขณะที่โครงการอื่นๆ มีราคาเพียง 45-50 ล้านบาท/ต่อคัน เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา ภาคประชาชนได้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวไปยัง-ป.ป.ช.-ให้เข้ามาตรวจสอบ แต่เรื่องกลับเงียบไป”

แหล่งข่าวยังได้ต้งข้อสังเกตุว่า หากทุกฝ่ายจะได้พิจารณาเรื่องที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ยึดทรัพย์ "นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม" อดีตปลัด กระทรวงคมนาคม จำนวน 46 ล้านบาท ข้อหาร่ำรวยผิดปกตินั้น  ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงมาถึง "การประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วง" นี้ ด้วย เพราะเป็นการประมูลที่เริ่มในช่วงที่ "นายสุพจน์" ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด รฟม. โดยตรงนั่นเอง

ที่มา : http://www.pimthaionline.net/html/modules.php?name=hotnews&file=article&asid=1739
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่