ลูกจ้างสามี และภรรยา ร่วมกัน นำสิ่งของในร้านออกไปจากร้าน เป็นเวลานาน จากคำให้การของพยาน ที่ทำงานอยู่ด้วยกันรวม 5คน (มี1คนลาออกไปแล้ว)
ศาลชั้นต้นตัดสิน ว่าให้จำคุก40ปี แต่ขั้นสูงสุด ได้ 20ปี แต่วันนี้ เค้ากลับมาอยู่บ้าน(ระยะเวลาไม่ถึงปี) เนื่องจากเค้ายื่นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ ไม่ได้ให้จำคุก โดยบอกว่าพยานบุคคลไม่มีความหมาย ขอยึดเพียงแต่ หลักฐานที่ได้จาก CCTV (ร้านเพิ่งติดCCTV วันที่จับภาพได้1วัน ก่อนลูกจ้างสามี และภรรยา จะลาออก)
ศาลชั้นต้น มีการสืบพยานทั้งทางฝ่ายโจทก์ และจำเลย และทางโจทก์ ได้ยื่นหลักฐานซึ่งเป็น file จาก กล้อง CCTV
พยานฝ่ายโจทก์ - เป็นลูกจ้างที่ทำงานกับที่ร้านในช่วงที่จำเลยทำงานที่ร้าน (บางคนลาออกจากร้านแล้ว บางคนยังทำงานที่ร้านอยู่)
และมีพยานอีกคนเป็น ญาติของจำเลยและเป็นภรรยาของช่างที่มาติดกล้องวงจรปิดให้
ที่ให้การว่าซื้อของจากทางร้านผ่านจำเลย และมีการแก้ไขบิลทุกครั้ง
(มีบิลเงินสดกระดาษที่เขียนด้วยลายมือเป็นหลักฐาน)
พยานฝ่ายจำเลย - เป็น ชาวบ้านที่อยู่แถวบ้านจำเลย ให้การในส่วนที่ว่าที่จำเลยร่ำรวยเพราะจำเลยมีรายได้จากหลายทาง
จึงสามารถสร้างบ้านตึก3หลังได้(ก่อนจำเลยออกประมาณ3เดือน จำเลย-ภรรยาได้ชวนดิฉันไปเล่นที่บ้าน บอกว่าเพิ่งสร้างบ้านใหม่เสร็จ)
ที่ดินเดิมเป็นที่นา และที่ดินที่เพิ่งได้มา (จำตัวเลขไม่ได้) รถกระบะ2คัน มอเตอร์ไซค์2คัน
ถ้าตัดพยานบุคคลออก หลักฐานที่จะเอาผิดเขาเรามีแค่CCTV 1วันก่อนเขาลาออกจากงาน หากจะฏ๊กา โอกาสที่ศาลจะยึดตาม คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ เยอะกว่าหรือไม่คะ ครอบครัวเราเป้นแค่คนค้าขาย เราไม่รู้กฏหมายโดยละเอียด
(ตอนนี้บอกตรงๆว่าท้อแล้ว หลังจากที่อ่านคำตัดสินของศาลอุทรณ์
คิดว่าสิ่งที่เขาได้ไปเราคงไม่ได้คือนแล้ว ปล.ทรัพย์สินของลูกจ้างสามี และภรรยา ณ ตอนที่ศาลชั้นต้นแจง คือ รถกระบะ2คัน บ้านตึก พร้อมที่ดิน3หลัง ที่นาอีกกี่ไรเราจำไม่ได้ )
คำตัดสิน “ศาลอุทธรณ์” ต่างจาก “ศาลชั้นต้น”
ศาลชั้นต้นตัดสิน ว่าให้จำคุก40ปี แต่ขั้นสูงสุด ได้ 20ปี แต่วันนี้ เค้ากลับมาอยู่บ้าน(ระยะเวลาไม่ถึงปี) เนื่องจากเค้ายื่นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ ไม่ได้ให้จำคุก โดยบอกว่าพยานบุคคลไม่มีความหมาย ขอยึดเพียงแต่ หลักฐานที่ได้จาก CCTV (ร้านเพิ่งติดCCTV วันที่จับภาพได้1วัน ก่อนลูกจ้างสามี และภรรยา จะลาออก)
ศาลชั้นต้น มีการสืบพยานทั้งทางฝ่ายโจทก์ และจำเลย และทางโจทก์ ได้ยื่นหลักฐานซึ่งเป็น file จาก กล้อง CCTV
พยานฝ่ายโจทก์ - เป็นลูกจ้างที่ทำงานกับที่ร้านในช่วงที่จำเลยทำงานที่ร้าน (บางคนลาออกจากร้านแล้ว บางคนยังทำงานที่ร้านอยู่)
และมีพยานอีกคนเป็น ญาติของจำเลยและเป็นภรรยาของช่างที่มาติดกล้องวงจรปิดให้
ที่ให้การว่าซื้อของจากทางร้านผ่านจำเลย และมีการแก้ไขบิลทุกครั้ง
(มีบิลเงินสดกระดาษที่เขียนด้วยลายมือเป็นหลักฐาน)
พยานฝ่ายจำเลย - เป็น ชาวบ้านที่อยู่แถวบ้านจำเลย ให้การในส่วนที่ว่าที่จำเลยร่ำรวยเพราะจำเลยมีรายได้จากหลายทาง
จึงสามารถสร้างบ้านตึก3หลังได้(ก่อนจำเลยออกประมาณ3เดือน จำเลย-ภรรยาได้ชวนดิฉันไปเล่นที่บ้าน บอกว่าเพิ่งสร้างบ้านใหม่เสร็จ)
ที่ดินเดิมเป็นที่นา และที่ดินที่เพิ่งได้มา (จำตัวเลขไม่ได้) รถกระบะ2คัน มอเตอร์ไซค์2คัน
ถ้าตัดพยานบุคคลออก หลักฐานที่จะเอาผิดเขาเรามีแค่CCTV 1วันก่อนเขาลาออกจากงาน หากจะฏ๊กา โอกาสที่ศาลจะยึดตาม คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ เยอะกว่าหรือไม่คะ ครอบครัวเราเป้นแค่คนค้าขาย เราไม่รู้กฏหมายโดยละเอียด
(ตอนนี้บอกตรงๆว่าท้อแล้ว หลังจากที่อ่านคำตัดสินของศาลอุทรณ์
คิดว่าสิ่งที่เขาได้ไปเราคงไม่ได้คือนแล้ว ปล.ทรัพย์สินของลูกจ้างสามี และภรรยา ณ ตอนที่ศาลชั้นต้นแจง คือ รถกระบะ2คัน บ้านตึก พร้อมที่ดิน3หลัง ที่นาอีกกี่ไรเราจำไม่ได้ )