สวัสดีครับวันนี้ผมนั่งปั่นงาน ช่องแชทของ facebook แจ้งเตือน
เจ้าของข้อความนั้นคือ คนที่ชื่อขึ้นต้นด้วยอักษร ตัว "บ.ใบไม้"
ด้วยความอัดอั้นตันใจบวกกับความสงสัย ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ
หรือว่าเรื่องอะไรกันแน่ ผมเคยมีแฟนที่มีตัวอักษร บ.ใบไม้ ขึ้นต้น
ทั้งหมด 6 คน ไม่นับคนที่ทัก facebook ผมมาตอนนี้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน
แต่ผมรู้สึกว่า เหมือนความรู้สึกความเป็นเพื่อนของเธอที่มีต่อผมจะเริ่มเปลี่ยนไป
ทุกคนที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้คือคนที่ชื่อขึ้นต้นด้วยตัว "บ ใบ ไม้" ทั้งหมด
ผมขอใช้เรียกชื่อเป็น บ.1 นะครับ แฟนคนแรกของผมคุณ บ.1 ผมรู้จักกับเธอตั้งแต่ตอนเรียน
ม.ปลาย ผมได้มีโอกาสเข้ามาเรียนพิเศษในกรุงเทพ ในช่วงซัมเมอร์ ผมมาพักอยู่บ้านลุง
ด้วยความที่ว่าปีถัดไปผมต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย พ่อเลยส่งเข้ามาเรียนพิเศษใน กรุงเทพ
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด เวลาไปไหนมาไหนก็ไปคนเดียวตลอด แต่พอมาอยู่ กทม.
คล้ายๆจะเป็นภูมิแพ้กรุงเทพ ฮ่าๆๆ ลุงต้องขับรถไปส่งผมที่ โรงเรียนกวดวิชาทุกวัน
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดมาเรียนในกรุงเทพแบบนี้ก็ยังไม่มีเพื่อน
ผมก็นั่งเรียนคนเดียวตลอด ด้วยนิสัยผมไม่ค่อยสนใจใครเท่าไหร่ ถ้าไม่มีคนมาทัก
ผมก็ไม่ไปทักใครก่อน แต่ความจริงแล้วผมไม่ได้หยิ่งนะครับ แค่มันไม่กล้าเท่านั้นเอง
เพื่อนในห้องเรียนมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มีบุคลิกตากลมโต ผมยาวๆ เธอชอบรวบผมม้วนขึ้นไป
มัดรวมกันข้างบน ผมว่าแนวดีครับ ดูเธอจะออกแก่นๆหน่อย ชอบเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ตลอดเวลา
นอกนั้นยังไม่พอ ชอบเป่าหมากฝรั่งเล่นด้วย ผมเห็นแล้วก็อดที่จะหยุดมองเธอไม่ได้
ตอนเรียนผมแอบมองเธอบ่อยครั้ง ด้วยบุคลิกของเธอที่ดูแปลกๆไม่เหมือนใคร แต่ถึงอย่างนั้น
ก็เถอะ ผมก็ไม่เคยกล้าเข้าไปทักเธอซักที
จนกระทั่งวันหนึ่งเธอเข้ามาทักผมเอง เธอถามผมว่าผมไม่มีเพื่อนหรอ
เห็นมานั่งเรียนคนเดียวประจำ ผมก็ตอบแบบยิ้มๆว่า "ครับ"
เธอชวนผมไปนั่งด้วย ผมก็ไปนะ เออไหนๆอย่างน้อยก็มีเพื่อน เพราะกลับจากเรียนทีไร
ลุงถามทุกทีว่ามีเพื่อนหรือเปล่า ? พอผมไปนั่งกับเธอ เธอก็ชวนคุยนั่นนี่ สารพัด
เธอพูดเก่งจนผมแทบไม่ได้พูด เธอไม่จดเวลาที่อาจารย์สอน เธอมักจะยืมของผมไปถ่ายเอกสาร
เกือบทุกวัน
พักหลังๆเธอเริ่มชวนผมไปกินข้าว เดินดูของ และไปดูหนังหลังจากเรียนเสร็จ
เป็นอยู่แบบนี้ซักพัก จนเธอมาพูดกับผมว่า "นี่นายมาเป็นแฟนกับเราป่ะ?"
ตอนนี้สมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ ผมกำลังคิดว่า ผมหูฝาดไหม ผมไม่ได้ตอบอะไรไป
นอกจากยิ้มๆ ผมหวังว่าเธอคงจะเข้าใจความหมายของผมนะ
ผมว่าเธอน่ารักดีนะครับ ดูดื้อๆดี เอาเข้าจริงๆสเปกผมไม่มีหรอกครับ
ถ้าอยู่ด้วยแล้วสบายใจผมก็โอเค
ผมกับเธอนั่งเรียนด้วยกันไปเที่ยวกัน คุยโทรศัพท์กันทุกวัน
เป็นแบบนี้จนกระทั่งหมดช่วงซัมเมอร์ ผมกลับ ตจว.แต่เราก็คุยโทรศัพท์กันทุกวัน
จนกระทั่งวันหนึ่ง เราคุยโทรศัพท์กันปกติ แต่ผมรู้สึกได้ว่าการพูดของเธอมันดูแปลกๆ
ผมเลยถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า? เธอเงียบไปซักพักแล้วพูดกับผมแค่ว่า "ขอโทษนะ"
สมองผมตอนนั้นเริ่มประมวลผลว่า " มันเกิดอะไรขึ้น" เธอขอโทษผมทำไม
" เราขอโทษนะ ที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้"
" ความจริงเรามีแฟนอยู่แล้วแหละ แต่เราทะเลาะกับเค้า เค้าไม่ยอมง้อเราซักที
เราเลยต้องทำแบบนี้"
" ตอนนี้เค้ากลับมาหาเราแล้วแหละ นายอย่าโกรธเรานะ"
โอเคครับชัดเจนมาก ตอนนั้นผมอึ้งมากครับ
ผมเลยตอบเธอไปแค่ว่า "อืม ไม่เป็นไร"
แล้วเธอก็ตัดสายไป จากนั่นเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย

นั่นแหละครับ ผู้หญิง บ.ใบไม้คนแรกที่ผมเคยเป็นแฟน ประมาณ 6 เดือน
ครั้งนั้นทำให้ผมรู้ว่า อย่ารักใครเพราะเหงา หรือเพราะแค่ต้องการประชดใครเลยครับ
เพราะอีกคนจะรู้สึกเจ็บมาก เหมือนกำลังโดนทำร้ายแบบเบาๆแต่เจ็บหนัก
ผมทำใจได้ครับไม่นานผมก็หันมาอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยต่อไป

ผู้หญิงชื่อขึ้นต้นด้วยตัว "บ.ใบไม้" ทำให้ผมไม่กล้ารักใครอีกเลย
เจ้าของข้อความนั้นคือ คนที่ชื่อขึ้นต้นด้วยอักษร ตัว "บ.ใบไม้"
ด้วยความอัดอั้นตันใจบวกกับความสงสัย ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ
หรือว่าเรื่องอะไรกันแน่ ผมเคยมีแฟนที่มีตัวอักษร บ.ใบไม้ ขึ้นต้น
ทั้งหมด 6 คน ไม่นับคนที่ทัก facebook ผมมาตอนนี้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน
แต่ผมรู้สึกว่า เหมือนความรู้สึกความเป็นเพื่อนของเธอที่มีต่อผมจะเริ่มเปลี่ยนไป
ทุกคนที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้คือคนที่ชื่อขึ้นต้นด้วยตัว "บ ใบ ไม้" ทั้งหมด
ผมขอใช้เรียกชื่อเป็น บ.1 นะครับ แฟนคนแรกของผมคุณ บ.1 ผมรู้จักกับเธอตั้งแต่ตอนเรียน
ม.ปลาย ผมได้มีโอกาสเข้ามาเรียนพิเศษในกรุงเทพ ในช่วงซัมเมอร์ ผมมาพักอยู่บ้านลุง
ด้วยความที่ว่าปีถัดไปผมต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย พ่อเลยส่งเข้ามาเรียนพิเศษใน กรุงเทพ
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด เวลาไปไหนมาไหนก็ไปคนเดียวตลอด แต่พอมาอยู่ กทม.
คล้ายๆจะเป็นภูมิแพ้กรุงเทพ ฮ่าๆๆ ลุงต้องขับรถไปส่งผมที่ โรงเรียนกวดวิชาทุกวัน
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดมาเรียนในกรุงเทพแบบนี้ก็ยังไม่มีเพื่อน
ผมก็นั่งเรียนคนเดียวตลอด ด้วยนิสัยผมไม่ค่อยสนใจใครเท่าไหร่ ถ้าไม่มีคนมาทัก
ผมก็ไม่ไปทักใครก่อน แต่ความจริงแล้วผมไม่ได้หยิ่งนะครับ แค่มันไม่กล้าเท่านั้นเอง
เพื่อนในห้องเรียนมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มีบุคลิกตากลมโต ผมยาวๆ เธอชอบรวบผมม้วนขึ้นไป
มัดรวมกันข้างบน ผมว่าแนวดีครับ ดูเธอจะออกแก่นๆหน่อย ชอบเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ตลอดเวลา
นอกนั้นยังไม่พอ ชอบเป่าหมากฝรั่งเล่นด้วย ผมเห็นแล้วก็อดที่จะหยุดมองเธอไม่ได้
ตอนเรียนผมแอบมองเธอบ่อยครั้ง ด้วยบุคลิกของเธอที่ดูแปลกๆไม่เหมือนใคร แต่ถึงอย่างนั้น
ก็เถอะ ผมก็ไม่เคยกล้าเข้าไปทักเธอซักที
จนกระทั่งวันหนึ่งเธอเข้ามาทักผมเอง เธอถามผมว่าผมไม่มีเพื่อนหรอ
เห็นมานั่งเรียนคนเดียวประจำ ผมก็ตอบแบบยิ้มๆว่า "ครับ"
เธอชวนผมไปนั่งด้วย ผมก็ไปนะ เออไหนๆอย่างน้อยก็มีเพื่อน เพราะกลับจากเรียนทีไร
ลุงถามทุกทีว่ามีเพื่อนหรือเปล่า ? พอผมไปนั่งกับเธอ เธอก็ชวนคุยนั่นนี่ สารพัด
เธอพูดเก่งจนผมแทบไม่ได้พูด เธอไม่จดเวลาที่อาจารย์สอน เธอมักจะยืมของผมไปถ่ายเอกสาร
เกือบทุกวัน
พักหลังๆเธอเริ่มชวนผมไปกินข้าว เดินดูของ และไปดูหนังหลังจากเรียนเสร็จ
เป็นอยู่แบบนี้ซักพัก จนเธอมาพูดกับผมว่า "นี่นายมาเป็นแฟนกับเราป่ะ?"
ตอนนี้สมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ ผมกำลังคิดว่า ผมหูฝาดไหม ผมไม่ได้ตอบอะไรไป
นอกจากยิ้มๆ ผมหวังว่าเธอคงจะเข้าใจความหมายของผมนะ
ผมว่าเธอน่ารักดีนะครับ ดูดื้อๆดี เอาเข้าจริงๆสเปกผมไม่มีหรอกครับ
ถ้าอยู่ด้วยแล้วสบายใจผมก็โอเค
ผมกับเธอนั่งเรียนด้วยกันไปเที่ยวกัน คุยโทรศัพท์กันทุกวัน
เป็นแบบนี้จนกระทั่งหมดช่วงซัมเมอร์ ผมกลับ ตจว.แต่เราก็คุยโทรศัพท์กันทุกวัน
จนกระทั่งวันหนึ่ง เราคุยโทรศัพท์กันปกติ แต่ผมรู้สึกได้ว่าการพูดของเธอมันดูแปลกๆ
ผมเลยถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า? เธอเงียบไปซักพักแล้วพูดกับผมแค่ว่า "ขอโทษนะ"
สมองผมตอนนั้นเริ่มประมวลผลว่า " มันเกิดอะไรขึ้น" เธอขอโทษผมทำไม
" เราขอโทษนะ ที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้"
" ความจริงเรามีแฟนอยู่แล้วแหละ แต่เราทะเลาะกับเค้า เค้าไม่ยอมง้อเราซักที
เราเลยต้องทำแบบนี้"
" ตอนนี้เค้ากลับมาหาเราแล้วแหละ นายอย่าโกรธเรานะ"
โอเคครับชัดเจนมาก ตอนนั้นผมอึ้งมากครับ
ผมเลยตอบเธอไปแค่ว่า "อืม ไม่เป็นไร"
แล้วเธอก็ตัดสายไป จากนั่นเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย
นั่นแหละครับ ผู้หญิง บ.ใบไม้คนแรกที่ผมเคยเป็นแฟน ประมาณ 6 เดือน
ครั้งนั้นทำให้ผมรู้ว่า อย่ารักใครเพราะเหงา หรือเพราะแค่ต้องการประชดใครเลยครับ
เพราะอีกคนจะรู้สึกเจ็บมาก เหมือนกำลังโดนทำร้ายแบบเบาๆแต่เจ็บหนัก
ผมทำใจได้ครับไม่นานผมก็หันมาอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยต่อไป