เราคู่ควร เหมาะสมพอ ที่จะแต่งงานมั้ย?

สวัสดีคะ นี่เป็นกระทู้แรก ของเรานะคะ

เราอยากสอบถามความคิดเห็น ของเพื่อนๆ และ อยากแชร์ประสบการณ์ ให้เพื่อนๆ ทุกคนฟังคะ

อยากให้ทุกคนคิดให้ดีก่อนจะทำอ่ะไร เรื่องในอดีตมันมีผลมาสู่ปัจจุบัน ไม่อยากให้ใครต้องมาเจอเหตุการแบบเราคะ

ปัจจุบันเรามีชีวิตที่น่าอิจฉา มีตำแหน่งหน้าการงานที่ดี มีแฟนที่น่ารัก คบกันมาได้ จะ 8 ปีละคะ 2 ปีหลังมีการพูดเรื่องการแต่งงานตลอด
แต่เราคิดว่าเราไม่สามารถแต่งงานได้ เราอาจไม่เหมาะสมกับคนรักของเรา
อย่างที่เกริ่นแหละคะ แม้ว่าปัจจุบันเราจะดีแค่ไหน ถ้าเรามีอดีตที่ผิดพลาด เรายังไม่สามารถมีความสุขได้อยู่ดี


ขอย้อนกลับไปอดีต เมื่อ 11 แล้ว เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ให้ทุกคนฟังละกันนะคะ

สมัยนั้น เราอายุ 17 เรียนอยู่ชั้น ม.5 โรงเรียนรัฐ มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งใน กทม. เราเป็นคนเรียนดี รักเรียน พ่อแม่ดุมาก

เราได้ไปเรียนกวดวิชา ทั่วไปเหมือนเด็กคนอื่นๆ และเราได้พบรัก กับเด็กผู้ชายจากโรงเรียนชายล้วนเค้าเป็นคนหน้าตาดี ขาว สะอาด เราเริ่มหลงรักเค้า แต่เค้าเป็นเด็กค่อนข้างเกเร เค้าไม่ได้เรียนกับเรานะคะ เค้าเป็นเด็กที่เลิกเรียนก็มาเดินสยาม มาบุญครอง หรือที่เรียก ว่าเด็กสยาม สมัยเซ็นเตอร์พอยด์ สมัย โนเกีย 3310 สมัย นั้น

เค้ามาจีบเราแล้วเราก็ชอบเค้า ด้วยความไม่รักดี เรา เริ่ม โกหกพ่อแม่ว่าไปติว เริ่มไปไหนมาไหนกับเค้า จากที่ไปช่วงเลิกเรียน ก้กลายเป็นว่าโดดเรียนพิเศษ เราคบกับเค้ามาได้ระยะหนึ่ง เรารู้จักพ่อแม่เค้า คงด้วยความที่เค้าอยากให้ลูกชายอยู่บ้าน จากเราเจอเค้าแค่ที่สยาม พ่อแม่เค้าก็มารับเราหลังเลิกเรียนที่โรงเรียนของเรา ไปบ้านเค้า ไปเที่ยว ไปหาอ่ะไรทานเป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ

ด้วยความไม่รักดี ความไม่ยับยั้งชั่งใจ เรามีอะไรกับเค้า ตอนนั้นเราคบเค้าได้ เพียง 8 เดือน ไม่นานเราตั้งท้อง ในเวลานั้น เราประจำเดือนเรามาไม่ค่อยตรง กว่าจะรู้ตัวว่าท้อง ก็ 3 เดือน ผู้ชายคนนั้นหลังจากได้เรา เป็นช่วงปิดเทอมพอดี เค้าก็ยังคงเที่ยวเล่น ยังคงมีแฟนไปเรื่อยๆ เวลานั้นเราเครียดและกลัวมากคะ เราไม่ได้บอกใคร ได้แต่เก็บความเครียดไว้คนเดียว

จนเราท้องได้ 5 เดือนกลับมาเปิดเทอม  เราได้ออกจากบ้าน ได้มีโอกาสเจอผู้ชายคนนั้นเราบอกเค้าว่าเราท้อง เค้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวคะ  เราก็ยังติดต่อ เป็นแฟนกับเค้าเหมือนเดิม เราตัดสินใจบอกพ่อแม่เค้า ตอนเรา 6 เดือน ว่าเราท้อง  บ้านเค้าปัดควารับผิดชอบคะ บอกให้เราไปบอกพ่อแม่เอง

เราเครียดมาก ไม่กล้าบอก ปล่อยเรื่องนี้ไว้ เชื่อมั้ยคะท้องเราไม่โตเลย แค่เหมือนมีพุง ท้องเราเพิ่งจะออกตอนหลังจากบอกคุณแม่เหมือนอยู่ดีๆมันก็โตขึ้นมา อย่างน่าตกใจ ลูกเราเหมือนเค้ารู้คะว่าต้องแอบท้องไม่โตไม่แพ้ท้องเลย เราเก็บความลับนี้ไว้ จนเข้าเดือนที่ 7 เกือบ 8 เราตัดสินใจบอกคุณแม่ ทั้งเรื่องพฤติกรรมเราที่ผ่านมาและเรื่องที่เราท้อง คุณแม่ไม่ว่าอ่ะไรเราเลย คุณแม่คุยกับบ้านผู้ชาย บ้านผู้ชายบอกให้ทำแท้งลูกเดียวคะ เราและแม่ยืนยันว่ายังไงก็จะเก็บเด็กไว้ แม่เราจึงจำเป็นต้องบอกคุณพ่อ คุณพ่อเราโกรธมาก ไล่เราออกจากบ้านพร้อมขู่บ้านผู้ชาย ผู้ชายจึงต้องรับเรา แต่ก็ยังยืนยันไม่ให้เราเข้าบ้านเค้า ทั้งที่ เราเข้าออกบ้านเค้าอยู่เกือบปี

เรื่องของเราแก้ไขปัญหา โดยการที่ส่งเราไปอยู่ต่างจังหวัด ในวันที่คุณพ่อ เรารู้เรื่องเลย อายุครรภ์เราตอนนั้นเกือบ จะ 8 เดือน เราได้หาหมอ ได้ฝากท้อง มีเวลาบำรุงลูกเราแค่ 1-2 เดือนก่อนคลอด

ระหว่างที่ลงไปอยู่ต่างจังหวัด ผู้ชายคนนั้นเค้ามากับเราด้วยคะ (เพราะที่บ้านบังคับ) เราอาศัยอยู่กับญาติทางฝ่ายแม่เค้า เรา รู้สึกลำบากมาก ทำอะไรไม่เป็น เราเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด ไม่เคยอยู่ต่างจังหวัด พ่อแม่เราทำให้ทุกอย่างเพราะอยากให้เราสนใจเพียงเรื่องการเรียน เราต้องทำงานบ้านเองทุกอย่างดูแลตัวเอง เค้าไม่ช่วยเหลืออะไรเราเลย เค้าอยู่กับเราได้เพียง 2 สัปดาห์ ก็ทิ้งเราแล้วกลับมาใช้ชีวิตวัยรุ่นที่ กรุงเทพ ปล่อยให้เราอยู่กับ ญาติเค้า เราต้องนอนร้องให้เกือบทุกคืน  แล้วเค้าก็กลับมาก่อนเราคลอด 2 สัปดาห์ ค่ะ

และวันที่เราคลอดก็มาถึง เดี๋ยวมาต่อนะคะ ขอขับรถกลับบ้านก่อน

วันที่เราคลอดมาถึง เราปวดท้องคลอดตอน ตี สอง จากที่พัก ไป รพ. ประมาณ เกือบชั่วโมง เราไปถึง เปลี่ยนเสื้อผ้า เวลานั้นเราอยากให้ผู้ชายคนนั้น อยู่ในห้องกับเรา หรือใครก็ได้มาอยู่กับเราหน่อยเรากลัว แต่ไม่มีใครเค้าให้เหตุผลว่าเค้าก็กลัวเหมือนกัน เรานอนรอประมาณ สิบนาที
เราต้องเข้าห้องคลอดเลย เราเข้าห้องคลอดตอน 3.06 ลูกเรา คลอดออกมา 3.21 เราคลอดง่ายมาก ไม่ทรมานเท่าไหร่

เช้ามานอกจากลูกแล้วสิ่งที่เราคิดถึงคือ แม่ เราเดินไปหยอดเหรียญโทรศัพท์ ตู้สาธารณ เราจำไม่ได้ว่าแม่พูดอ่ะไรบ้าง จำได้แค่ว่าแม่เป็นห่วง
แม่เราเป็นคนดุมากคะ แต่นับตั้งแต่เกิด เรื่องมาแม่ไม่ว่าเราซักคำเลย (มาถึงตรงนี้คิดกี่ครั้งน้ำตาก็จะไหลตลอด) แม่บอกว่า เรื่องที่เราเจอมันก็รุนแรงมากพอเกินกว่าที่เราจะรับได้แล้ว ไม่เราไม่ซ้ำเติม แต่แม่ก็ไม่สามารถขัดพ่อได้

ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล พ่อแม่ ผู้ชายไม่มาเยี่ยมเลยคะ เค้ามาอีกทีวันที่เราออกจาก โรงพยาบาลมาซื้อของ อุปกรณ์ที่ต้องใช้เลี้ยงเด็กให้
เราต้องขอบคุณพี่ป้าน้าอา น้องๆ ที่ต่างจังหวัดมากๆ เขาดูแลเรา ลูกเรา สงสารและเข้าใจเรา บุญคุณนี้เราจะไม่มีวันลืมเลย

หลังจากคลอดกลับมาที่พักได้ ประมาณ สัปดาห์ ทางบ้านเรา แม่เรา น้องเราเป็นห่วงมาก น้องเราขอร้องพ่อ ขอให้เรากลับมา พ่อยังไม่ยอม
แม่เราเที่ยวหาห้องเช่าแถวบ้านเพื่อที่จะได้ดูแลเราได้ แต่ก็ไม่มี (บ้านเราอยู่ในย่านธุรกิจคะห้องพักหายากพอสมควร)
ไม่รู้จะทำยังไง แม่เราเลยให้เรากลับมาบ้านในวันที่พ่อไปทำงานต่างจังหวัด วันที่เรากลับบ้าน เราน้ำตาไหลเลยคะ อยู่ที่ไหนก็ไม่สบายใจไม่สุขใจเท่าอยู่ที่บ้าน เราพูดกับตัวเองเลย ว่าเราจะไม่ไปไหนอีกแล้ว เรามาถึงบ้านน้องเราตื่นเต้นกับหลานมากคะ คุณป้าคุณลุง ลูกพี่ลูกน้อง
มารอให้กำลังใจ เรารับรู้ได้ถึงความรัก ที่เราละเลยมันไป
เราเลี้ยงลูกด้วยตัวเองคะ ลูกเราหน้ารักเลี้ยงง่ายมาก เค้าไม่ค่อยร้องงอแง กินเก่ง ตกดึกก็นอน ไม่เป็นปัญหาสำหรับ คุณแม่วัยรุ่นอย่างเรา
คุณพ่อเราพอเห็นหน้าหลานก็ใจอ่อนคะ รับได้ไม่ว่าอะไร หวง รักและหลงหลานมากๆ ส่วนผู้ชานคนนั้นไม่ต้องพูดถึง หายหัวเลยคะ
อยู่บ้านใครบ้านมัน ยังคงเที่ยวเตร่ ไปเรื่อยๆ ถลำลึก ไปจนติดยาเสพติดและโดนจับในที่สุด เข้าสถานบำบัด เราและเขาต้องห่างกันโดยถาวร

เราเลี้ยงลูกมาด้วยตัวเองคนเดียว โดยมีที่บ้านเราช่วยดู พร้อมทั้งเรียน ก.ศ.น. เรียนรามไปด้วยเพราะเราไม่อยาก ห่างจากลูกไปแม้แต่นาทีเดียว เราอยากเห็นพัฒนาการและการเติบโตของเค้า เราหาหนังสือ ทำทุกอย่าง ที่เป็นการฝึกพัฒยาการเค้าเท่าที่เราจะทำได้ในตอนนั้น เค้าเป็นเด็กอารมย์ดี รักเสียงเพลง เรามีความสุขมากโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องผู้ชายคนนั้นเลย เราขาดการติดต่อกับเค้าโดยสิ้นเชิง มีคุณแม่เค้าที่ซื้อของมาเยี่ยมบ้าง

จนลูกเรา สองขวบ เราออกไปหางานทำ และลูกเราเข้าโรงเรียนเตรียมอนุบาล เรานำเงินนั้นมาดูแลลูกเอง เราทำงานโดยเป็นครูผู้ช่วยสอน ในระดับชั้นอนุบาล วิชาภาษาอังกฤษ และสันทนาการต่างๆ เวลานั้นผู้ชายคนนั้นติดต่อกลับมาคะ บ้านเค้าด้วย เข้าใจนะคะว่าอยากเข้าใกล้หลาน
ด้วยความโง่ของเราคะ คิดแค่ว่าอยากให้ลูกเป็นเด็กมีพ่อ คิดแค่ว่าทำเพื่อลูก เราใจอ่อนกลับมาคุยกับเค้าอีกครั้ง เริ่มอนุญาตให้เค้าเจอลูกเรา โดยการที่เราขับรถไปรับลูกหลังเลิกเรียน แล้วพาเค้าไปพบกัน งานโรงเรียนลูก เราก็ให้เค้ามาเพราะ เด็กเตรียมอนุบาลกิจกรรมกับพ่อแม่ค่อนข้างจะเยอะ ความโชคดีของเราเริ่มบังเกิดคะ เรามานั่งทบทวนดู ว่าระหว่างเรากับเค้ามันไม่ใช่ความรักหนิ แต่มันคืออะไรเราตอบไม่ได้ เราไม่รักเค้า ไม่รู้ว่าที่ผ่านมามันคืออะไร รู้แค่ว่าเราไม่อยากให้ลูกเราเป็นเด็กไม่มีพ่อ แต่เวลานี้ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะเค้ากลับไปเที่ยว และโดนจับอีกครั้ง ครั้งนี้เราเลิกกับเค้าเด็ดขาด และจบความสัมพันธ์กัน

เราเปลี่ยนงานได้งานประจำใกล้บ้าน คุณแม่เรา อยากให้เราเรียนหนังสือ แม่บอกว่าอยากให้เรามีชีวิตวัยรุ่น เราจึงกลับเข้ามาในระบบการเรียนอีกครั้งโดยเลือกเรียนมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน คุณแม่คุณพ่อ คอยดูแลลูกเราคะ ลูกเราเรียก พ่อและแม่ เรา ว่าพ่อแม่ นานๆ ครั้งจะเรียกคุณยาย ส่วนพ่อเรียกพ่อตลอดไม่เรียกคุณตาเลย จนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ยังเรียกเราว่าคุณแม่ คะ ชีวิตเราตอนนั้นต้องทำงานด้วยเรียนด้วย แต่เราไม่เคยมีความรู้สึกว่าเหนื่อยเลย ระหว่างเรียนก็เริ่มมีคนเข้ามาจีบ เราไม่ได้บอกเพื่อนในมหาลัยคะว่ามีลูกแล้ว และเราก็ไม่ได้สนใจใครด้วย จะว่าเข็ดเรื่องผู้ชายก็ว่าได้ มีคนเข้ามาคุย เราก็เลือกคะ ไม่ได้ปิดกันตัวเอง คุยกับคนที่คิดว่าเค้าเป็นคนดี สามรถคบหาดูใจได้ ถ้าใครคุยกับเราถึงจุดนี้ เราก็จะบอกเค้าทุกคนคะว่าเรามีลูกแล้ว ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้เราต้องคุยกันมาพอสมควรคนที่เราคุยด้วยเค้าก็รับได้คะ แต่ก็แค่คุยและเป็นเพื่อนที่ดีนะคะ เพราะเลิกเรียนเราต้องรีบกลับบ้าน ส่วนคนที่เราคิดว่าเข้ากับเราไม่ได้เราก็จะบอกเค้าไปตรงๆ คะ

ระหว่างที่ เรียนคุณแม่เราก็ดูลูกให้ เราไม่กล้าแม้แต่ขออนุญาตที่บ้านเวลาเพื่อนชวนไปเที่ยวหรือไปทานข้าว เรารู้สึกเกรงใจที่บ้าน แต่เปล่าเลยคะ แม่เราอนุญาติให้เราไปไหนมาไหนได้มากขึ้น เราได้เที่ยว ได้ชอปปิ้ง ได้เข้าผับ ได้ไปฟิตเนส ได้ดูหนัง ได้พัก มีกิจกรรมบ้างกับเพื่อนๆ บ้าง
แม่เราบอกว่า อยากให้เราได้มีความสุขได้ลองใช้ชีวิตวัยรุ่นบ้างเราไม่เคยเป็นวัยรุ่น เหมือนคนอื่น

ด้วยความคิดตอนนั้นที่ยังอยากให้ลูกมีพ่อ แต่ย้ำนะคะเราไม่ได้รักเค้าแล้ว แล้วเราก็ได้เลิกกับผู้ชายคนนี้แล้ว เราครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดี เพราะที่บ้านเราให้ตัดขาด จากผู้ชายคนนั้นเราจึงแอบที่บ้านไปเยี่ยมเค้าแอบติดต่อ แต่ด้วยความรู้สึกผิด เราจึงบอกความจริงแก่คุณแม่ แม่ไม่ว่าคะ แต่ก็ไม่พอใจ

ในช่วงนั้นเอง แฟนคนปัจจุบันเข้ามาในชีวิตเรา ตอนนั้นเราอายุ 20 ปีพอดี เราได้เจอกับแฟนคนปัจจุบัน พี่เค้าอายุมากกว่า เรา 7 ปี เป็นผู้ชายหน้าตาดี การศึกษา ตำแหน่งหน้าที่การงานดี เข้ามาจีบคะ ช่วงแรกเราไม่ได้รักกันคะ เค้าเป็นผู้ชายเจ้าชู้ เราเป็นผู้หญิงที่ไม่คิดจะจริงจังกับใครอยู่แล้ว เค้าโทรมาคุย กับเรา เราบอกเค้าตรงๆ ว่ามีลูกแล้วเพื่อตัดบทแต่ไม่ใช่คะ เค้ารับเราได้และเค้าชอบที่เราเป็นเรา เราจึงคบกันตั้งแต่นั้นมา ที่บ้านเราชอบและยินดีกับผู้ชายคนนี้มาก เค้าดูแลเรา ที่บ้านเรา รวมถึงลูกเราด้วย ช่วงปีแรก ลูกเราเรียกว่าลุงคะ พอเข้าอนุบาลลูกเราขอเรียกเค้าว่าพ่อ เขาก็ยินดี ลูกเรารักเค้ามาก เราและครอบครัวเรามีความสุขมาก

เราคบกับเค้ามาได้ 2 ปีกว่า เค้าย้ายงาน แล้วต้องย้ายที่อยู่ ที่บ้านเราจึงอนุญาตให้เค้ามาอยู่ด้วย เพื่อที่จะใกล้ที่ทำงาน และคิดว่าตอนนี้เค้าก็เหมือนคนในครอบครัว เค้าอยู่บ้านเราได้ 2-3 ปี วันหนึ่งเขาหายไป โดยไม่บอกใครเลย 1 เดือน บ้านเรากังวลมาก โทรศัพท์ไปเค้าก็กดวาง รับแต่ก็พูดจาไม่เหมือนเดิม ในเวลานั้นเรารู้สึกเศร้ามาก และไม่เข้าใจว่าเกิดอ่ะไรขึ้น

เดือนต่อมาเขากลับมา พร้อมทั้งบอกว่าที่ผ่านมาเขาอึดอัดมาก ที่ลูกเรารักเค้า ลูกเราเรียกว่าพ่อ เค้ารักลูกเรา แต่ยังไงเค้าก็เป็นพ่อไม่ได้
จากนั้นมา เราเลยขอให้ลูกเราเรียกเขาว่า ลุงหรือพี่ ลูกเราก็เข้าใจคะ เค้าเป็นเด็กที่ความคิดความอ่านเกินวัย ตอนนั้น เค้าประมาณ อนุบาล สาม เราเลี้ยงเค้าเหมือนเพื่อนเหมือนน้องดีใจด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกัน มีอ่ะไรคุยกันทุกอย่าง เค้าเข้าใจเรา บางครั้งเค้าสอนสอนเราและให้สติเราด้วยซ้ำ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเด็กในวัยนี้จะเข้าใจได้

ในตอนนั้นเราไม่เค้าใจคะว่าทำไมแฟนเราถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เฉยฉากับเรา ประมาณ 3 เดือน จนเราเริ่มทำใจแล้ว
แต่ในที่สุดเราก็มารู้ว่า คุณพ่อเค้าป่วยหนักมาก เขาเป็นลูกคนจีนคะ พ่อเขาอยาก พบหน้าว่าที่สะใภ้ อยากเห็นลูกชายแต่งงาน
เขาหายไปเพราะไปดูแลคุณพ่อ และไปปรึกษาเพื่อนสนิท บอกความจริงกับเพื่อนเค้าว่าเรามีลูกแล้ว

เค้าเล่าให้ฟังว่า เพื่อนเค้าแนะนำมาว่า ให้พยายามออกห่างจากลูกเรา เพราะ ยังไงก็ไม่มีวันที่บ้านเค้าจะรับได้เรื่องเรามีลูกติด ซึ่งเคยมีเคสตัดพ่อตัดลูกกันไปแล้วในบ้านเค้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่