การเรียนโดยดูจากวิดีโอ จะทำให้เรียนเข้าใจกว่าเรียนตัวต่อตัวหรือไม่??

กระทู้คำถาม
เราอยากเรียนพิเศษตอนซัมเมอร์ เพราะ ปีหน้าเราก็ขี้นม.3 แล้ว งานก็คงเยอะขึ้น การบ้านก็เยอะขึ้น แล้วจะเอาเวลาตอนไหนอ่านหนังสือ >,<
เพื่อนบ้างคนของเราก็ขึ้นไปเรียนถึงตัวเมือง(บางคนถึงกับเช่าห้องพักใกล้ๆที่เรียนเลยน่ะ) แต่เรียนผ่านวิดีโอ เพื่อนเราบอกว่าก็เข้าใจดีน่ะ แต่เราไม่คิดอย่างนั้นน่ะสิ แล้วถ้าเราเกิดความสงสัยขึ้นมาแล้วใครจะตอบคำถามเราล่ะ
แล้วแม่ก็เคยบอกว่าถ้ามีใครสอนพิเศษอังกฤษ(ปกติเป็นคนไม่ชอบภาษา ไม่ชอบอะไรที่ต้องมีกรอบอย่าง แกรมมา)ก็สมัครไปเลยน่ะ แม่สนับสนุน
แล้ววันนี้ก็มีที่เรียนพิเศษมาแจกใบปลิวคอร์ดเรียนภาษาอังกฤษ ตอนแรกก็สนใจอยู่น่ะ แต่อ่านไปอ่านมาแล้วต้องเรียนแบบดูผ่านวิดีโอ เราก็เลยกลัวว่าเราจะไม่เข้าใจ
แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะจะเรียนดีมั้ย???
ช่วยตอบคำถามหน่อยน่ะค่ะ
....ขอบคุณค่า....

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เรียนภาษาอังกฤษจาก videos เพื่อไปทำข้อสอบ ก็คงพอไหวหรอก แต่เรียนไปใช้งานจริงนี้ลำบากอ้ะ

ยกตัวอย่างเช่นติวเตอร์หรือ video อธิบายกฎ grammar แล้วนักเรียนนั่งฟังแล้วจดยิกๆๆๆ แบบนี้ ซึ่งเรียกว่า passive learning เวลาไปสอบคงกาถูกว่าข้อไหนข้อไหน แต่พอเอาความรู้ไปใช้งานจริงรับรองว่า "ตายสนิท" ยกตัวอย่างเช่นเอาแค่ให้พูดเรื่องง่ายๆในชีวิตประจำวันเป็น tenses 4-5 tenses ง่ายๆ ต่อให้นักเรียนท่องกริยา 3 ช่องมาถูกแต่ถ้าไม่เคยได้รับการสอนเรื่องทักษะการฟังและการพูด โอกาสพูดออกมาผิดธรรมชาติจนคนฟังฟังไม่รู้เรื่องก็เป็นไปได้ ยิ่งเขียนละยิ่งยากใหญ่เลย ยกตัวอย่างเช่นถ้าติวเตอร์บรรยายแค่เรื่อง parts of speech แล้วยกตัวอย่างว่า คำศัพท์เวลาเปลี่ยนหน้าตาเป็น verb, noun, adjective และ adverb หน้าตามันเปลี่ยนไปยังไง แต่ถ้าให้นักเรียนคิดประโยคไวๆแล้วเขียนพลิกแพลงออกมาเป็นประโยคซัก 20 ประโยคที่มี sentence structure types ต่างๆกัน แต่มีความหมายเหมือนกันหมด ซึ่งเวลาใช้งานจริงมักจะเป็นแบบนี้ นักเรียนที่เรียนแบบ passive learning คือไม่เคยฝึกฟังฝึกพูด ฝึกอ่านฝึกเขียน ได้แต่ฟังติวเตอร์หรือ video บรรยาย ไม่มีทางใช้งานภาษาอังกฤษจริงเพื่อประกอบอาชีพได้หรอก เช่นเขียนประโยคพลิกแพลงเป็นธรรมชาติแบบนี้ได้หรอก

ถ้าติวเตอร์มีความรับผิดชอบก็ควรใช้ videos แค่เพื่อประกอบการสอนเท่านั้น แต่ควรกระตุ้นให้นักเรียนฝึกฟังแล้วหัดเอาสิ่งที่ฟังไปพูดพลิกแพลงให้ติวเตอร์ฟังเพื่อติวเตอร์จะได้แก้ไขข้อผิดพลาดให้ได้ และกระตุ้นให้นักเรียนอ่านแล้วหัดเอาสิ่งที่อ่านไปเขียนพลิกแพลงให้ติวเตอร์ดูเพื่อติวเตอร์จะได้แก้ไขข้อผิดพลาดให้ได้ และควรสอนเข้มข้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแบบว่าในแต่ละ session (รอบการสอน) ควรสอนทีเดียวให้ครบหมดทุกทักษะเลยคือสอน listening, speaking, reading and writing skills โดยให้นักเรียนฝึกฟังแล้วฝึกอ่านแล้วฝึกเอาสิ่งที่ฟังแล้วอ่านไปพูดพลิกแพลงในหลายๆรูปแบบ ซึ่งเป็นการใช้งาน grammar ของจริงในเชิงปฏิบัติแบบ active learning ไม่ใช่มีแต่ฟังแล้วจดไปแต่ทฤษฎีแบบ passive learning

videos สอนภาษาอังกฤษดีๆที่ผลิตในต่างประเทศวางแผนการสอนเป็นขั้นตอนมาอย่างดี (โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาอังกฤษหลายๆคนช่วยๆกันเขียนบทเรียน) แต่ก็ยังใช้ทดแทนครูเก่งๆไม่ได้ 100% อยู่ดีนั่นแหละ เพราะครูเก่งๆนี่แหละคือตัวที่จะช่วยคิดพลิกแพลงเพิ่มเติมให้นักเรียน (expand lessons)

แต่ในทางกลับกัน videos ที่ติวเตอร์ส่วนใหญ่ใช้กันในเมืองไทย ทำขึ้นเพื่อค้ากำไร เพราะติวเตอร์ต้องการสอนนักเรียนทีเดียวหลายๆร้อยคนเพื่อทำเงินให้ได้มากๆ แต่สอนไม่ได้เพราะติวเตอร์ปรากฏตัวในหลายๆแห่งพร้อมๆกันไม่ได้นั่นเอง ก็เลยใช้ videos เพื่อเป็นร่างทรงของตัวเอง...555+++...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่