
เล่าที่มาที่ไปก่อนนะครับผมเป็นคนชอบต้นไม้มาก ถึงมากที่สุดมีบ้านเล็กๆประมาณ 50 ตารางวา มีลูกชายหนึ่งคนเป็น Labrador ซึ่งท่านไหนเลี้ยงสุนัขคงเป็นอันทราบดีว่าหน้าที่ใหญ่หลวงของบรรดา Dog Lover คือเรื่อง "ขี้" ที่ผู้เลี้ยงต้องรับผิดชอบเป็นอย่างดีเพื่อความสะอาดและไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้าน และอื่นๆอีกมากมาย
เล่าถึงเรื่องขี้นั้น เก็บทุกวัน ทุกวันจนเริ่มเป็นผู้ชำนาญและเริ่มสังเกตเห็นสิ่งที่น่าสนใจดังนี้ครับ เมื่อขุดหลุมและนำขี้ไปฝังมันจะย่อยสลายยากและมีผลว่าเกิดแก๊สในดินทำให้ดินซึ่งเป็นผลเสียกับต้นไม้ของเรา ส่วนการผึ่งไว้บนพื้นดินธรรมดาที่จะมีหนอนและแมลงต่างๆมาช่วยย่อยสลายและผุได้เร็วแต่เราต้องควบคุมกลิ่นให้ดีโดยเอา EM ราด ไม้บางชนิด เช่น ต้นโมก จะทนและชอบกับการที่เราจะตักขี้ไปวางไว้โคนต้น เพื่อย่อยสลายเป็นปุ๋ยโดยแค่เซาะพื้นดินเป็นร่องเล็กๆแล้ววางขี้ลงไปให้ย่อยสลายเองตามธรรมชาติ แต่บางชนิดก็ไม่ได้เอาซะเลย ถึงขั้นเฉาและตายไปก็มี
เลยเป็นที่มาที่ไปของการค้นหาอย่างจริงจังเกี่ยวกับการบริหารผลผลิตจากลูกรักที่เรียกกันว่า "ขี้" ซึ่งพยายามหาบน internet มากมายแต่ยังไม่มีใครเคยตอบไว้ได้อย่างชัดเจน กำลังเป็นกรณีศึกษาอย่างเร่งด่วนเนื่องจากลูกชายผมผลิตออกมาได้วันละเป็นจำนวนมากจริงๆ
บางท่านเคยกล่าวไว้ว่ามูลสัตว์อย่างเช่นวัวที่เป็นวัวเลี้ยง จะสามารถนำมูลมาทำปุ๋ยคอกได้ดีกว่ามูลที่ได้จากวัวทุ่งเนื่องจากมีโปรตีนสูงกว่า ถ้าใช้เกณฑ์นี้เป็นตัววัดผมถือว่าบรรดาคนรักหมาทั้งหลายมีวัตถุดิบชั้นดีอยู่ในมือทีเดียวเพราะกระสอบนึงก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ คำถามคือผมจะบริหารจัดการยังไงครับ?
ถ้าจะแปรสภาพ "ขี้" มาเป็นปุ๋ยอย่างดี ผมคิดว่าคงต้องใช้กระบวนการหมัก โดยใช้น้ำยาชีวภาพเป็นตัวช่วยแต่ส่วนผมเป็นยังไง สามารถทำตามที่โบรชัวร์ EM แนะนำเลยได้ไหม และสิ่งที่ได้มาจากการอดทนทำจะได้ผลดีกับต้นไม้จริงรึเปล่า ขอผู้รู้ช่วยตอบทีครับ เพราะขี้ไม่ใช่เรื่องขี้ๆจริงๆเน้อ
ขี้...... ไม่ใช่เรื่องขี้ๆ (ขอผู้รู้จริงเลยครับ)
เล่าถึงเรื่องขี้นั้น เก็บทุกวัน ทุกวันจนเริ่มเป็นผู้ชำนาญและเริ่มสังเกตเห็นสิ่งที่น่าสนใจดังนี้ครับ เมื่อขุดหลุมและนำขี้ไปฝังมันจะย่อยสลายยากและมีผลว่าเกิดแก๊สในดินทำให้ดินซึ่งเป็นผลเสียกับต้นไม้ของเรา ส่วนการผึ่งไว้บนพื้นดินธรรมดาที่จะมีหนอนและแมลงต่างๆมาช่วยย่อยสลายและผุได้เร็วแต่เราต้องควบคุมกลิ่นให้ดีโดยเอา EM ราด ไม้บางชนิด เช่น ต้นโมก จะทนและชอบกับการที่เราจะตักขี้ไปวางไว้โคนต้น เพื่อย่อยสลายเป็นปุ๋ยโดยแค่เซาะพื้นดินเป็นร่องเล็กๆแล้ววางขี้ลงไปให้ย่อยสลายเองตามธรรมชาติ แต่บางชนิดก็ไม่ได้เอาซะเลย ถึงขั้นเฉาและตายไปก็มี
เลยเป็นที่มาที่ไปของการค้นหาอย่างจริงจังเกี่ยวกับการบริหารผลผลิตจากลูกรักที่เรียกกันว่า "ขี้" ซึ่งพยายามหาบน internet มากมายแต่ยังไม่มีใครเคยตอบไว้ได้อย่างชัดเจน กำลังเป็นกรณีศึกษาอย่างเร่งด่วนเนื่องจากลูกชายผมผลิตออกมาได้วันละเป็นจำนวนมากจริงๆ
บางท่านเคยกล่าวไว้ว่ามูลสัตว์อย่างเช่นวัวที่เป็นวัวเลี้ยง จะสามารถนำมูลมาทำปุ๋ยคอกได้ดีกว่ามูลที่ได้จากวัวทุ่งเนื่องจากมีโปรตีนสูงกว่า ถ้าใช้เกณฑ์นี้เป็นตัววัดผมถือว่าบรรดาคนรักหมาทั้งหลายมีวัตถุดิบชั้นดีอยู่ในมือทีเดียวเพราะกระสอบนึงก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ คำถามคือผมจะบริหารจัดการยังไงครับ?
ถ้าจะแปรสภาพ "ขี้" มาเป็นปุ๋ยอย่างดี ผมคิดว่าคงต้องใช้กระบวนการหมัก โดยใช้น้ำยาชีวภาพเป็นตัวช่วยแต่ส่วนผมเป็นยังไง สามารถทำตามที่โบรชัวร์ EM แนะนำเลยได้ไหม และสิ่งที่ได้มาจากการอดทนทำจะได้ผลดีกับต้นไม้จริงรึเปล่า ขอผู้รู้ช่วยตอบทีครับ เพราะขี้ไม่ใช่เรื่องขี้ๆจริงๆเน้อ