ภาคธุรกิจเอกชน แถลงการณ์ให้หยุดประกาศรายชื่อท่อน้ำเลี้ยงเพราะห่วงกระทบภาพลักษณ์ไปทั่วโลก

แถลงการณ์ กรณีภาคธุรกิจเอกชน ถูกกล่าวหาเป็นท่อน้ำเลี้ยง กปปส.

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำโดย นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานหอการค้าไทย นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานหอการค้าไทย เป็นตัวแทนแถลงจุดยืนกรณีภาคธุรกิจเอกชนถูกกล่าวหาเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับกปปส. โดยแถลงการณ์มีใจความดังนี้

ตามที่ปได้รากฎข่าวที่นำเสนอโดยสื่อต่างๆ ว่าภาคธุรกิจเอกชนและนักธุรกิจได้ให้การสนับสนุน กปปส. ซึ่งบุคคลและภาคธุรกิจเอกชนที่ถูกกล่าวหานั้น บางส่วนเป็นสมาชิกหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในนามภาคธุรกิจเอกชนโดยรวม ขอเรียนชี้แจงว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรภาคธุรกิจที่มีสมาชิกเครือข่ายทั่วประเทศ เป็นองค์กรภาคเอกชนไทยที่ได้รับการยกย่องโดยทั่วไปจากรัฐบาล และภาคธุรกิจเอกชนต่างประเทศ ว่ามีนโยบายและการบริหารจัดการธุรกิจที่เป็นสากล โปร่งใส มีระดับธรรมาภิบาลติดอันดับชั้นนำของโลก

ตลอดระยะเวลา 80 ปีที่ผ่านมา ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศทั้งด้านการค้า การส่งออก และการลงทุน โดยให้ความร่วมมือกับรัฐบาลทุกรัฐบาล นำมาซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมทั้งได้จัดทำโครงการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนรณรงค์เพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งขณะนี้ทำให้สังคมไทยมีการตื่นตัวและมีจิตสำนึกที่ดีในการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ

ในฐานะที่องค์กรภาคเอกชนขณะนี้ถือเป็นเสาหลักด้านเศรษฐกิจของประเทศ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจึงรู้สึกประหลาดใจ และเสียใจที่ได้พบว่า ได้มีการจัดทำบัญชีบุคคล บริษัทห้างร้านต่างๆ ตลอดจนองค์กรภาคธุรกิจ และถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนต่อ กปปส. ซึ่งบัญชีนั้นได้ถูกเผยแพร่โดยไม่มีความรับผิดชอบต่อสาธารณชน ทำให้ภาพลักษณ์องค์กรภาคธุรกิจเอกชน บริษัท และตัวบุคคล ต้องเสื่อมเสีย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม โดยผู้ถูกกล่าวหาไม่มีโอกาสปกป้องตัวเอง
       
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ภาคธุรกิจเอกชนจึงขอเรียกร้องต่อผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ในรัฐบาลรักษาการ ให้ยุติการกระทำอันเป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ตลอดจนใคร่ขอให้รัฐบาลรักษาการยุติการกระทำที่จะเพิ่มความบอบช้ำให้แก่เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว และถ้าเห็นว่าบุคคลหรือองค์กรธุรกิจใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ให้การสนับสนุนต่อ กปปส. และผู้ที่รับผิดชอบมีหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โปรดรีบดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อยุติต้นเหตุแห่งการกระทำที่ผิดกฎหมายนั้นดังที่มีการกล่าวอ้างโดยเร็ว แต่หากไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ซึ่งความผิด ขอให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส อย่าทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยต่อผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งให้ความยุติธรรมต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากข่าวที่ปรากฎออกไป
       
ภาคธุรกิจเอกชนมีความปรารถนาดี และปณิธานอันแน่วแน่ ใที่จะห้เกิดความปรองดองขึ้นในชาติ รวมถึงได้มีบทบาทนำเสนอกระบวนการต่างๆ เพื่อยุติความขัดแย้งและความรุนแรง โดยหวังว่าผู้ที่ขัดแย้งจะได้หันมาเจรจากันอย่างสันติ อีกทั้งได้นำเสนอวิถีทางปฏิรูปประเทศอย่างสร้างสรรค์ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบ เพื่อที่การเมืองและสังคมไทยมีความแข็งแกร่ง เป็นเสาหลักให้แก่ประเทศชาติต่อไปอย่างยั่งยืน โดยในช่วงวิกฤติที่ผ่านมาได้ร่วมจัดเวทีกลาง 7 องค์กรภาคธุรกิจเอกชน การรับฟังความคิดเห็นในการเสนอทางออกประเทศร่วมกับอีก 18 องค์กร และการเดินหน้าปฏิรูปของ 70 องค์กร ดังเป็นที่ประจักษ์แล้ว จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลรักษาการจะตระหนักถึงบทบาทที่สร้างสรรค์ของภาคธุรกิจเอกชน และร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศชาติที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตินี้โดยเร็ว

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU1qSTROVEF3Tmc9PQ==&subcatid=
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่