Time line จดหมาย&ความทรงจำ อย่างที่รู้กันว่าเป็นภาคต่อ (หรือภาคต่อที่ไม่เป็นทางการ) ของ The letter จดหมายรัก แต่ด้วยลิขสิทธิ์หรืออะไรก็ตาม ทำให้ต้องเปลี่ยนชื่อนักแสดงในภาคก่อน จากที่ชื่อ "ต้น" และ "ดิว" เปลี่ยนเป็น "มัท" และ "ธันย์"
เรื่องราวเน้นไปที่รุ่นลูกเป็นหลัก แต่การดำเนินเรื่อง คล้ายๆ กับ the letter พยายามรักษาบรรยากาศของภาคก่อนเอาไว้ได้อย่างดี โดยเพิ่มความสมัยใหม่ให้เข้ากับยุคปัจจุบัน แต่ก็ยังไปกันได้ไม่ดีเท่าไรนัก สำหรับ The letter ใครที่เคยดูจะรู้ว่า บรรยากาศของหนังเต็มไปด้วยความโรแมนติกสอดแทรกด้วยชีวิตชนบท สื่อสารความรักกันด้วยจดหมาย แต่พอมายุคปัจจุบัน จากจดหมายก็เปลี่ยนเป็น Time line หรือ Facebook มาแทนที่ ทำให้ดูเหมือนกับว่า ความรักสมัยนี้ช่างฉาบฉวย และง่ายดายเกินไปจนไม่อาจสร้างความผูกพันระหว่างผู้เขียนกับผู้อ่านได้มากเท่าที่ควร ในหนัง (Time line) จะเห็นได้ว่าตัวของนักแสดงจะมกมุ่นอยู่กับโซเชี่ยลเน็ตเวิคอยู่ตลอดเวลา ... แต่หนังก็ยังมีการเล่าเรื่องผ่านจดหมายที่ทำให้คนดูซึ้งได้อยู่ไม่น้อย
นักแสดงทุกคนเข้าถึงบทบาทและแสดงดีเยี่ยมกันทุกคน โดยเฉพาะ เต้ย เข้าถึงบทจูนได้อย่างเชื่อสนิทใจว่านี่คือ จูน จริงๆ ร้องไห้ได้สมจริงมาก ไม่ดูเหมือนบีบน้ำตา แต่ดูเหมือนร้องไห้ออกมาจริงๆ นี่คือสิ่งที่ทำให้เราอินที่สุดในหนัง
เจมส์ จิ คาแรกเตอร์บ้านนอกเข้ากรุง หลงแสงสีเสียง หลงรูป เป็นอะไรที่เหมาะมาก แต่ซีนอารมณ์บางซีนที่หนักๆ ยังรู้สึกว่าเล่นไม่ถึง แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีในวงการภาพยนตร์
แต่ดูเหมือนว่า ผู้กำกับ จะใส่อะไรลงไปมากเกินความจำเป็น จะสุดก็ไม่สุด หนังเล่ารายละเอียดได้ครบถ้วน ขาดก็แค่จุดพีคของหนัง มาเกิดขึ้นโดยที่คนดูยังไม่พร้อม ในที่นี้คือ คนดูยังงง และ อึน กับทิศทางหนังว่าจะไปทางไหนต่อ
เธอจะรอจนกว่าเค้าจะรัก .... ประโยคนี้ให้ 10/10 จูนรอจนถึงที่สุดจริงๆ
เขาจะรักจนกว่าเธอจะรู้ ... อันนี้ไม่ตอบโจทย์อ่ะ ไม่ปรากฎในหนังเลยด้วยซ้ำ ....
สิ่งที่ชอบที่สุด .... เพลงประกอบภาพยนตร์ ตอนแรกก็คิดว่า เพลงจะเข้ากับหนังได้อย่างไร พอเข้าไปดูปุ๊บ จะคิดได้ทันที่ว่า ถ้าไม่ใช่เพลง "ไกลแค่ไหนคือใกล้" ก็ไม่รู้จะเอาเพลงอะไรที่เหมาะสมกว่านี้อีกแล้วล่ะ .... ^^
7/10 ***
[CR] Time line ... จดหมาย & ความทรงจำ (มีสปอยล์มั้ง ไม่แน่ใจ) (เตือนไว้ก่อน)
เรื่องราวเน้นไปที่รุ่นลูกเป็นหลัก แต่การดำเนินเรื่อง คล้ายๆ กับ the letter พยายามรักษาบรรยากาศของภาคก่อนเอาไว้ได้อย่างดี โดยเพิ่มความสมัยใหม่ให้เข้ากับยุคปัจจุบัน แต่ก็ยังไปกันได้ไม่ดีเท่าไรนัก สำหรับ The letter ใครที่เคยดูจะรู้ว่า บรรยากาศของหนังเต็มไปด้วยความโรแมนติกสอดแทรกด้วยชีวิตชนบท สื่อสารความรักกันด้วยจดหมาย แต่พอมายุคปัจจุบัน จากจดหมายก็เปลี่ยนเป็น Time line หรือ Facebook มาแทนที่ ทำให้ดูเหมือนกับว่า ความรักสมัยนี้ช่างฉาบฉวย และง่ายดายเกินไปจนไม่อาจสร้างความผูกพันระหว่างผู้เขียนกับผู้อ่านได้มากเท่าที่ควร ในหนัง (Time line) จะเห็นได้ว่าตัวของนักแสดงจะมกมุ่นอยู่กับโซเชี่ยลเน็ตเวิคอยู่ตลอดเวลา ... แต่หนังก็ยังมีการเล่าเรื่องผ่านจดหมายที่ทำให้คนดูซึ้งได้อยู่ไม่น้อย
นักแสดงทุกคนเข้าถึงบทบาทและแสดงดีเยี่ยมกันทุกคน โดยเฉพาะ เต้ย เข้าถึงบทจูนได้อย่างเชื่อสนิทใจว่านี่คือ จูน จริงๆ ร้องไห้ได้สมจริงมาก ไม่ดูเหมือนบีบน้ำตา แต่ดูเหมือนร้องไห้ออกมาจริงๆ นี่คือสิ่งที่ทำให้เราอินที่สุดในหนัง
เจมส์ จิ คาแรกเตอร์บ้านนอกเข้ากรุง หลงแสงสีเสียง หลงรูป เป็นอะไรที่เหมาะมาก แต่ซีนอารมณ์บางซีนที่หนักๆ ยังรู้สึกว่าเล่นไม่ถึง แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีในวงการภาพยนตร์
แต่ดูเหมือนว่า ผู้กำกับ จะใส่อะไรลงไปมากเกินความจำเป็น จะสุดก็ไม่สุด หนังเล่ารายละเอียดได้ครบถ้วน ขาดก็แค่จุดพีคของหนัง มาเกิดขึ้นโดยที่คนดูยังไม่พร้อม ในที่นี้คือ คนดูยังงง และ อึน กับทิศทางหนังว่าจะไปทางไหนต่อ
เธอจะรอจนกว่าเค้าจะรัก .... ประโยคนี้ให้ 10/10 จูนรอจนถึงที่สุดจริงๆ
เขาจะรักจนกว่าเธอจะรู้ ... อันนี้ไม่ตอบโจทย์อ่ะ ไม่ปรากฎในหนังเลยด้วยซ้ำ ....
สิ่งที่ชอบที่สุด .... เพลงประกอบภาพยนตร์ ตอนแรกก็คิดว่า เพลงจะเข้ากับหนังได้อย่างไร พอเข้าไปดูปุ๊บ จะคิดได้ทันที่ว่า ถ้าไม่ใช่เพลง "ไกลแค่ไหนคือใกล้" ก็ไม่รู้จะเอาเพลงอะไรที่เหมาะสมกว่านี้อีกแล้วล่ะ .... ^^
7/10 ***