มาพูดถึงตัวบทกันก่อน
หนังใส่รายละเอียดเยอะพอสมควร เช่น การเปรียบเทียบความรักสองคู่ การเล่นเรื่องราวของการตกหลุมรัก
ซึ่งดูแล้วพี่อุ๋ยจะเน้นความรักของคนวัยหนุ่มสาวเป็นการตกหลุมรักแบบ 'ไร้เหตุผล' เน้นไปที่ความรู้สึก
แต่ข้อดีคือ ยังมีการตีความรักแบบนี้ไปสองแง่มุม คือ รักแบบฉาบฉวย และ รักแบบ (ค่อนข้าง) จริงจัง
หนังเล่าปัญหาของวัยรุ่นไว้นิดหน่อย พูดง่าย ถ้าดูหนังเรื่องนี้ คุณจะพบกับประเด็นย่อยมากมาย
ซึ่งจุดนี้กลายเป็นข้อเสียซะงั้น เพราะพี่อุ๋ยดันลืม (อาจจงใจ) ที่จะทำให้ประเด็นใดประเด็นหนึ่งให้เป็นประเด็น
ผลที่ออกมาคือบทที่อิหลักอิเหลื่อ ไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่พี่อุ๋ยต้องการสื่อ
จบเรื่อง 'บท'
มาพูดถึงนักแสดงกันบ้าง
ถ้าพูดถึงนักแสดงหญิง ผมไม่กังวลแม้แต่น้อย เพราะชื่อชั้นของป๊อก รวมถึงเต้ยเวอร์ชั่นอัพเกรด ทำได้ดีมาก
เต้ยเป็นคนที่แสดงแล้วทำให้ผมอินไปกับเธอ เธอยิ้มผมก็ยิ้ม เธอร้องไห้ผมก็ร้องตาม
ขณะเดียวกัน ผมก็หลงใหลกับแววตาของเธอ (รวมถึงหัวเหม่งๆของเธอด้วย)
ป๊อกกับเต้ย 'ส่งบท' ให้นักแสดงชายตัวหลักอย่างจิได้สมบูรณ์
แต่...ด้วยความอ่อนเชิงและกระดูกยังไม่แข็งของจิ ทำให้เขารับอารมณ์ที่มาเต็มและมาแรงของทั้งสองคนได้ค่อนข้างแย่
ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฉากเศร้าแต่ละฉากไม่ค่อยมีความต่อเนื่องทางอารมณ์
ผมเดาว่า พี่อุ๋ยแทบจะเปลี่ยนแนวทางการกำกับของตัวเองด้วยซ้ำไป
สังเกตจาก การร้องไห้ของเต้ยและเป๊อกจะเน้นที่การสะสมอารมณืข้างในและค่อยๆ ปล่อยจนถึงการระเบิดออกมา
แต่จิจะข้ามขั้นตอน 'การปล่อย' ทำให้เดาได้ว่า นักแสดงคนนี้ฝีมือยังอ่อนเชิงที่จะควบคุมบทได้
จบเรื่อง นักแสดง
มาต่อกันที่การตัดต่อ
ถือเป็นจุดอ่อนของเรื่องนี้ก็ว่าได้ (พอๆ กะจิ)
การตัดต่อหนังครึ่งเรื่องแรก เป็นไปด้วยความฉับไวแต่ฉาบฉวย หลายครั้งที่นักแสดงกำลังพีค ตัวหนังก็ตัดไปฉากอื่นดื้อๆ
ผมพยายามทำความเข้าใจว่า พี่อุ๋ยต้องการเปรียบเทียบแง่บวกและแง่ลบสลับไปมา
แต่คงสลับเร็วไปหน่อย ภาพที่ออกมาจึงไม่แตกต่างกับหนังสั้นที่ต้องการเร่งเนื้อเรื่องให้จบภายในสิบนาที
เอ้อ ลืมไปอย่าง
หนังพยายามยืดเพื่อเรียกน้ำตา ในตอนท้ายเรื่อง รวมถึงการใช้ 'การพูด' มากกว่า 'การใช้ภาพ' ซึ่งทำให้ผมค่อนข้างไม่อิน
ช่วงสิบนาทีหลังเป็นช่วงที่ผมพยายามคิดว่า 'เมื่อไรจะจอดำ' และ 'เมื่อไรจะหยุดพูด' ความจริงแล้วการพูดก็ไม่เสียหายอะไร
ถ้าบทพูดมันดีกว่านี้ แต่นี้กลับกลายเป็นพูดต้องการอธิบายคนดูเหมือนคนดูเป็นเด็ก และสอนแบบพูดๆๆๆ ไม่สนใจคนดู
ความจริงมีจุดอ่อนอีกเยอะ
แต่...จุดแข็งที่การแสดงของนักแสดงหญิง การเล่าเรื่องแบบเรียบง่ายได้อารมณ์
ทำให้เรื่องนี้กลายเป็น หนังเต็มไปด้วยจุดอ่อนที่ผมหลงรัก (ซะงั้น) ฮ่าๆๆ
[SR] TIMELINE : หนังจุดอ่อนเยอะ ที่ฉันรัก (ไม่สปอย)
หนังใส่รายละเอียดเยอะพอสมควร เช่น การเปรียบเทียบความรักสองคู่ การเล่นเรื่องราวของการตกหลุมรัก
ซึ่งดูแล้วพี่อุ๋ยจะเน้นความรักของคนวัยหนุ่มสาวเป็นการตกหลุมรักแบบ 'ไร้เหตุผล' เน้นไปที่ความรู้สึก
แต่ข้อดีคือ ยังมีการตีความรักแบบนี้ไปสองแง่มุม คือ รักแบบฉาบฉวย และ รักแบบ (ค่อนข้าง) จริงจัง
หนังเล่าปัญหาของวัยรุ่นไว้นิดหน่อย พูดง่าย ถ้าดูหนังเรื่องนี้ คุณจะพบกับประเด็นย่อยมากมาย
ซึ่งจุดนี้กลายเป็นข้อเสียซะงั้น เพราะพี่อุ๋ยดันลืม (อาจจงใจ) ที่จะทำให้ประเด็นใดประเด็นหนึ่งให้เป็นประเด็น
ผลที่ออกมาคือบทที่อิหลักอิเหลื่อ ไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่พี่อุ๋ยต้องการสื่อ
จบเรื่อง 'บท'
มาพูดถึงนักแสดงกันบ้าง
ถ้าพูดถึงนักแสดงหญิง ผมไม่กังวลแม้แต่น้อย เพราะชื่อชั้นของป๊อก รวมถึงเต้ยเวอร์ชั่นอัพเกรด ทำได้ดีมาก
เต้ยเป็นคนที่แสดงแล้วทำให้ผมอินไปกับเธอ เธอยิ้มผมก็ยิ้ม เธอร้องไห้ผมก็ร้องตาม
ขณะเดียวกัน ผมก็หลงใหลกับแววตาของเธอ (รวมถึงหัวเหม่งๆของเธอด้วย)
ป๊อกกับเต้ย 'ส่งบท' ให้นักแสดงชายตัวหลักอย่างจิได้สมบูรณ์
แต่...ด้วยความอ่อนเชิงและกระดูกยังไม่แข็งของจิ ทำให้เขารับอารมณ์ที่มาเต็มและมาแรงของทั้งสองคนได้ค่อนข้างแย่
ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฉากเศร้าแต่ละฉากไม่ค่อยมีความต่อเนื่องทางอารมณ์
ผมเดาว่า พี่อุ๋ยแทบจะเปลี่ยนแนวทางการกำกับของตัวเองด้วยซ้ำไป
สังเกตจาก การร้องไห้ของเต้ยและเป๊อกจะเน้นที่การสะสมอารมณืข้างในและค่อยๆ ปล่อยจนถึงการระเบิดออกมา
แต่จิจะข้ามขั้นตอน 'การปล่อย' ทำให้เดาได้ว่า นักแสดงคนนี้ฝีมือยังอ่อนเชิงที่จะควบคุมบทได้
จบเรื่อง นักแสดง
มาต่อกันที่การตัดต่อ
ถือเป็นจุดอ่อนของเรื่องนี้ก็ว่าได้ (พอๆ กะจิ)
การตัดต่อหนังครึ่งเรื่องแรก เป็นไปด้วยความฉับไวแต่ฉาบฉวย หลายครั้งที่นักแสดงกำลังพีค ตัวหนังก็ตัดไปฉากอื่นดื้อๆ
ผมพยายามทำความเข้าใจว่า พี่อุ๋ยต้องการเปรียบเทียบแง่บวกและแง่ลบสลับไปมา
แต่คงสลับเร็วไปหน่อย ภาพที่ออกมาจึงไม่แตกต่างกับหนังสั้นที่ต้องการเร่งเนื้อเรื่องให้จบภายในสิบนาที
เอ้อ ลืมไปอย่าง
หนังพยายามยืดเพื่อเรียกน้ำตา ในตอนท้ายเรื่อง รวมถึงการใช้ 'การพูด' มากกว่า 'การใช้ภาพ' ซึ่งทำให้ผมค่อนข้างไม่อิน
ช่วงสิบนาทีหลังเป็นช่วงที่ผมพยายามคิดว่า 'เมื่อไรจะจอดำ' และ 'เมื่อไรจะหยุดพูด' ความจริงแล้วการพูดก็ไม่เสียหายอะไร
ถ้าบทพูดมันดีกว่านี้ แต่นี้กลับกลายเป็นพูดต้องการอธิบายคนดูเหมือนคนดูเป็นเด็ก และสอนแบบพูดๆๆๆ ไม่สนใจคนดู
ความจริงมีจุดอ่อนอีกเยอะ
แต่...จุดแข็งที่การแสดงของนักแสดงหญิง การเล่าเรื่องแบบเรียบง่ายได้อารมณ์
ทำให้เรื่องนี้กลายเป็น หนังเต็มไปด้วยจุดอ่อนที่ผมหลงรัก (ซะงั้น) ฮ่าๆๆ