**ภาพประกอบกระทู้อาจมีผลต่อความรู้สึก สร้างความสะเทือนใจต่อผู้อ่าน
** ผู้อ่านสามารถเปิดเพลงประกอบพร้อมกับอ่านกระทู้ไปพร้อมๆกัน
The Sounds of Silence กีต้าร์อคูสติกโดย พอล ไซมอน บันทึกเสียงจากงานครบรอบ 11 ปีตึกเวิลด์เทรดถล่ม 9/11
กระทู้นี้หมูฯขอนำเรื่องความรักของสามีภรรยาคู่หนึ่งมาฝากทุกท่าน เนื่องในช่วงวันแห่งความรัก
เป็นเรื่องเล่าชีวิตผ่านภาพถ่าย แปลจาก
http://mywifesfightwithbreastcancer.com/
โดย Angelo Merendino – Jennifer Merendino
หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้เด้อ พ่ะน่ะ ... T T
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องเล่าชีวิตผ่านภาพถ่าย
" เมื่อภรรยาของผมเป็นมะเร็ง...การต่อสู้ที่เราไม่ได้เลือก "
The Battle We Didn’t Choose
ครั้งแรกที่ผมเห็นเจนนิเฟอร์ ผมรู้ว่าเธอเป็นคนเดียว..คนที่ใช่สำหรับชีวิตผม...
เหมือนกับพ่อของผม ตอนที่พ่อร้องเพลงกับน้องสาวของพ่อในช่วงฤดูหนาวปี 1951
วันนั้นพ่อผมได้พบกับแม่ผมเป็นครั้งแรก "ฉันพบเธอแล้ว"
...ค่ำคืนนั้นที่ร้านอาหารอิตาเลียนร้านโปรดของเรา ผมคุกเข่าขอเจนแต่งงาน...ถามเจนว่าจะแต่งงานกับผมมั๊ย...
ไม่ถึงหนึ่งปีต่อมาเราก็แต่งงานกันในเซ็นทรัลปาร์ค ล้อมรอบไปด้วยครอบครัวและเพื่อนๆที่รักของเรา..
คืนนั้นเราเต้นรำด้วยกันเป็นครั้งแรกในฐานะสามีและภรรยา..ด้วยเพลงที่พ่อผมเป็นผู้บรรเลงหีบเพลงขับกล่อมเราทั้งสองคน
♫ " ผมอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความรัก ... " ♫
ห้าเดือนถัดมา หมอวินิจฉัยว่าเจนเป็นมะเร็งเต้านม ผมจำห้วงเวลานั้นได้ ...
เสียงสั่นเครือของเจนและความรู้สึกที่ทำเอาชาผมไปทั้งตัว... ความรู้สึกที่ยังคงฝังตรึงอยู่กับผม
ผมไม่เคยลืมเลยว่า เราสองคนมองเข้าไปในดวงตาของกันและกันและกุมมือกันไว้ "เราอยู่ด้วยกัน เราต้องไม่เป็นอะไร"...
กับความท้าทายต่างๆทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น ไม่ต้องมีคำพูดใดๆมาอธิบาย..
คืนวันหนึ่งเจนได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล...ความเจ็บปวดของเธอเกินที่จะควบคุมได้
เธอคว้าแขนผมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา..." วิธีเดียวที่ฉันจะสามารถทนกับความเจ็บปวดนี้ได้...คือเมื่อคุณมองตาฉัน..."
เรารักกันด้วยจิตวิญญาณของเราสองคน...
เจนสอนให้ฉันผมรู้จักการมีความรัก รู้จักการรับฟัง รู้จักการให้และเชื่อมั่นในตัวเองและคนอื่นๆ
ผมมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต...
ตลอดเวลากับการต่อสู้กับมะเร็งร้าย...เราโชคดีที่ได้กำลังใจอันแข็งแกร่งสนับสนุนเราทั้งสอง
แต่เป็นการยากจะทำให้คนจะเข้าใจชีวิตวันต่อวันของเรา และความยากลำบากที่เราประสบในแต่ละวันว่าเป็นเช่นไร...
เจนอยู่ในความเจ็บปวดเรื้อรังจากผลข้างเคียงของการรักษาและยาต่างๆเกือบ 4 ปี...
เมื่อเจนอายุ 39 ปี เธอเริ่มใช้วอล์คเกอร์ช่วยพยุงเดิน... เจนเข้าโรงพยาบาลสิบวันขึ้นไปเป็นเรื่องปกติ...
การไปพบหมอตลอดเวลาแล้วยังต้องต่อสู้กับบริษัทประกันสุขภาพอีกทาง..เป็นความกลัวและความวิตกกังวลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด....
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะได้รับรู้ความเป็นจริงเหล่านี้ และในบางครั้งที่เรารู้สึกว่ากำลังใจแทบไม่มี...
ทุกคนคิดว่าการรักษาจะทำให้คุณดีขึ้น เมื่อหายแล้วจะได้มีชีวิตที่จะกลับไปเป็น "ปกติ"
แต่..ไม่มีความปกติสำหรับคำว่าโรคมะเร็ง...ผู้รอดชีวิตจากมะเร็งต้องปรับความรู้สึกให้เป็นปกติในชีวิตประจำวันแต่ละวัน
มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ใครๆสามารถเข้าใจสิ่งที่เราต้องเผชิญในทุกๆวัน?
สิ่งที่มีค่าและเป็นสิ่งสำคัญที่ผมได้รับจากการถ่ายภาพเหล่านี้คือความไว้ใจกัน ความเคารพต่อกันและความซื่อสัตย์ต่อกันและกัน
เจนนิเฟอร์ไว้ใจผม เธอรู้ว่าผมไม่มีทางถ่ายรูปที่ไม่เหมาะสม ความเชื่อใจทำให้เจนเปิดเผยชีวิตผ่านภาพถ่ายโดยไม่มีอะไรปิดบัง..
เราได้ยินข่าวโรคมะเร็งรายวัน ผมหวังว่าภาพถ่ายเหล่านี้จะมีประโยชน์บ้าง...
กล้องถ่ายภาพทำให้ผมมีหนทางหลีกหนีจากโลกของความจริง..คนที่ผมรักที่สุดในชีวิตกำลังจะตายอยู่ตรงหน้า
ไม่มีอะไรที่ผมจะสามารถหยุดยั้งมันได้เลย ถ้าปราศจากภาพถ่ายเหล่านี้ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงกับชีวิตที่ไม่มีเจน
ผมบอกทุกคนว่า..เมื่อมีโอกาสอย่าลืมเก็บภาพถ่ายชีวิตไว้ เทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้การถ่ายภาพง่ายและสะดวกต่อทุกคน
เมื่อคุณพบผู้ป่วยโรคมะเร็ง ถามพวกเค้าบ้างว่าเป็นอย่างไร..ได้โปรดรับฟังและเข้าใจความรู้สึกลึกๆของพวกเค้า
ให้ความเอาใจใส่และแคร์ความรู้สึกพวกเค้า พร้อมกับแสดงถึงความห่วงใยจากใจทุกๆคน...
ภาพถ่ายของผม..เผยให้เห็นชีวิตประจำวันที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคมะเร็ง จากบนใบหน้าของภรรยาผม...
ภาพที่แสดงถึงความท้าทาย, ความยากลำบาก, ความกลัว, ความโศกเศร้าและความเหงาที่เราต้องเผชิญขณะที่เจนต่อสู้กับโรคนี้
ที่สำคัญที่สุดของทั้งปวงคือ ภาพที่แสดงความรักของเรา...ภาพที่เป็นเราทั้งสองคน...
“Love every morsel of the people in your life.” – Jennifer Merendino
......................................................................................................................................................

ขอขอบคุณที่มาภาพ / เรื่องราว
www.google.com, www.mywifesfightwithbreastcancer.com, www.youtube.com
www.dailymail.co.uk, www.cnn.com, www.petapixel.com
ก่อนจาก...
อย่าลืมรักครอบครัว รักคนรอบๆข้าง บอกรักกันทุกๆวัน กอดกันให้แน่นๆเหมือนเป็นวันสุดท้ายเด้อจ้า
รักกันให้มากๆเด้อ และขอบคุณที่อ่านกระทู้ของหมูฯ หากแปลผิดประการใดขออภัยหลายๆเด้อ พ่ะน่ะ จุ๊บๆๆๆ
เรื่องเล่าชีวิตผ่านภาพถ่าย.."เมื่อภรรยาของผมเป็นมะเร็ง...การต่อสู้ที่เราไม่ได้เลือก"
** ผู้อ่านสามารถเปิดเพลงประกอบพร้อมกับอ่านกระทู้ไปพร้อมๆกัน
The Sounds of Silence กีต้าร์อคูสติกโดย พอล ไซมอน บันทึกเสียงจากงานครบรอบ 11 ปีตึกเวิลด์เทรดถล่ม 9/11
กระทู้นี้หมูฯขอนำเรื่องความรักของสามีภรรยาคู่หนึ่งมาฝากทุกท่าน เนื่องในช่วงวันแห่งความรัก
เป็นเรื่องเล่าชีวิตผ่านภาพถ่าย แปลจาก http://mywifesfightwithbreastcancer.com/
โดย Angelo Merendino – Jennifer Merendino
หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้เด้อ พ่ะน่ะ ... T T
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องเล่าชีวิตผ่านภาพถ่าย
" เมื่อภรรยาของผมเป็นมะเร็ง...การต่อสู้ที่เราไม่ได้เลือก "
The Battle We Didn’t Choose
ครั้งแรกที่ผมเห็นเจนนิเฟอร์ ผมรู้ว่าเธอเป็นคนเดียว..คนที่ใช่สำหรับชีวิตผม...
เหมือนกับพ่อของผม ตอนที่พ่อร้องเพลงกับน้องสาวของพ่อในช่วงฤดูหนาวปี 1951
วันนั้นพ่อผมได้พบกับแม่ผมเป็นครั้งแรก "ฉันพบเธอแล้ว"
...ค่ำคืนนั้นที่ร้านอาหารอิตาเลียนร้านโปรดของเรา ผมคุกเข่าขอเจนแต่งงาน...ถามเจนว่าจะแต่งงานกับผมมั๊ย...
ไม่ถึงหนึ่งปีต่อมาเราก็แต่งงานกันในเซ็นทรัลปาร์ค ล้อมรอบไปด้วยครอบครัวและเพื่อนๆที่รักของเรา..
คืนนั้นเราเต้นรำด้วยกันเป็นครั้งแรกในฐานะสามีและภรรยา..ด้วยเพลงที่พ่อผมเป็นผู้บรรเลงหีบเพลงขับกล่อมเราทั้งสองคน
♫ " ผมอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความรัก ... " ♫
ห้าเดือนถัดมา หมอวินิจฉัยว่าเจนเป็นมะเร็งเต้านม ผมจำห้วงเวลานั้นได้ ...
เสียงสั่นเครือของเจนและความรู้สึกที่ทำเอาชาผมไปทั้งตัว... ความรู้สึกที่ยังคงฝังตรึงอยู่กับผม
ผมไม่เคยลืมเลยว่า เราสองคนมองเข้าไปในดวงตาของกันและกันและกุมมือกันไว้ "เราอยู่ด้วยกัน เราต้องไม่เป็นอะไร"...
กับความท้าทายต่างๆทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น ไม่ต้องมีคำพูดใดๆมาอธิบาย..
คืนวันหนึ่งเจนได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล...ความเจ็บปวดของเธอเกินที่จะควบคุมได้
เธอคว้าแขนผมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา..." วิธีเดียวที่ฉันจะสามารถทนกับความเจ็บปวดนี้ได้...คือเมื่อคุณมองตาฉัน..."
เรารักกันด้วยจิตวิญญาณของเราสองคน...
เจนสอนให้ฉันผมรู้จักการมีความรัก รู้จักการรับฟัง รู้จักการให้และเชื่อมั่นในตัวเองและคนอื่นๆ
ผมมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต...
ตลอดเวลากับการต่อสู้กับมะเร็งร้าย...เราโชคดีที่ได้กำลังใจอันแข็งแกร่งสนับสนุนเราทั้งสอง
แต่เป็นการยากจะทำให้คนจะเข้าใจชีวิตวันต่อวันของเรา และความยากลำบากที่เราประสบในแต่ละวันว่าเป็นเช่นไร...
เจนอยู่ในความเจ็บปวดเรื้อรังจากผลข้างเคียงของการรักษาและยาต่างๆเกือบ 4 ปี...
เมื่อเจนอายุ 39 ปี เธอเริ่มใช้วอล์คเกอร์ช่วยพยุงเดิน... เจนเข้าโรงพยาบาลสิบวันขึ้นไปเป็นเรื่องปกติ...
การไปพบหมอตลอดเวลาแล้วยังต้องต่อสู้กับบริษัทประกันสุขภาพอีกทาง..เป็นความกลัวและความวิตกกังวลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด....
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะได้รับรู้ความเป็นจริงเหล่านี้ และในบางครั้งที่เรารู้สึกว่ากำลังใจแทบไม่มี...
ทุกคนคิดว่าการรักษาจะทำให้คุณดีขึ้น เมื่อหายแล้วจะได้มีชีวิตที่จะกลับไปเป็น "ปกติ"
แต่..ไม่มีความปกติสำหรับคำว่าโรคมะเร็ง...ผู้รอดชีวิตจากมะเร็งต้องปรับความรู้สึกให้เป็นปกติในชีวิตประจำวันแต่ละวัน
มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ใครๆสามารถเข้าใจสิ่งที่เราต้องเผชิญในทุกๆวัน?
สิ่งที่มีค่าและเป็นสิ่งสำคัญที่ผมได้รับจากการถ่ายภาพเหล่านี้คือความไว้ใจกัน ความเคารพต่อกันและความซื่อสัตย์ต่อกันและกัน
เจนนิเฟอร์ไว้ใจผม เธอรู้ว่าผมไม่มีทางถ่ายรูปที่ไม่เหมาะสม ความเชื่อใจทำให้เจนเปิดเผยชีวิตผ่านภาพถ่ายโดยไม่มีอะไรปิดบัง..
เราได้ยินข่าวโรคมะเร็งรายวัน ผมหวังว่าภาพถ่ายเหล่านี้จะมีประโยชน์บ้าง...
กล้องถ่ายภาพทำให้ผมมีหนทางหลีกหนีจากโลกของความจริง..คนที่ผมรักที่สุดในชีวิตกำลังจะตายอยู่ตรงหน้า
ไม่มีอะไรที่ผมจะสามารถหยุดยั้งมันได้เลย ถ้าปราศจากภาพถ่ายเหล่านี้ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงกับชีวิตที่ไม่มีเจน
ผมบอกทุกคนว่า..เมื่อมีโอกาสอย่าลืมเก็บภาพถ่ายชีวิตไว้ เทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้การถ่ายภาพง่ายและสะดวกต่อทุกคน
เมื่อคุณพบผู้ป่วยโรคมะเร็ง ถามพวกเค้าบ้างว่าเป็นอย่างไร..ได้โปรดรับฟังและเข้าใจความรู้สึกลึกๆของพวกเค้า
ให้ความเอาใจใส่และแคร์ความรู้สึกพวกเค้า พร้อมกับแสดงถึงความห่วงใยจากใจทุกๆคน...
ภาพถ่ายของผม..เผยให้เห็นชีวิตประจำวันที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคมะเร็ง จากบนใบหน้าของภรรยาผม...
ภาพที่แสดงถึงความท้าทาย, ความยากลำบาก, ความกลัว, ความโศกเศร้าและความเหงาที่เราต้องเผชิญขณะที่เจนต่อสู้กับโรคนี้
ที่สำคัญที่สุดของทั้งปวงคือ ภาพที่แสดงความรักของเรา...ภาพที่เป็นเราทั้งสองคน...
“Love every morsel of the people in your life.” – Jennifer Merendino
......................................................................................................................................................
ขอขอบคุณที่มาภาพ / เรื่องราว
www.google.com, www.mywifesfightwithbreastcancer.com, www.youtube.com
www.dailymail.co.uk, www.cnn.com, www.petapixel.com
ก่อนจาก...
อย่าลืมรักครอบครัว รักคนรอบๆข้าง บอกรักกันทุกๆวัน กอดกันให้แน่นๆเหมือนเป็นวันสุดท้ายเด้อจ้า
รักกันให้มากๆเด้อ และขอบคุณที่อ่านกระทู้ของหมูฯ หากแปลผิดประการใดขออภัยหลายๆเด้อ พ่ะน่ะ จุ๊บๆๆๆ