คิดการใหญ่สไตล์ เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล เทหมดหน้าตัก หวังขึ้นท็อป 5 ทีวีดิจิทัล

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1392099532
updated: 11 ก.พ. 2557 เวลา 15:00:24 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

กลายเป็นน้องใหม่มาแรงในธุรกิจ "ทีวีดิจิทัล" ที่ใครก็จับตามอง สำหรับบริษัท ไทยทีวี จำกัด เจ้าของสถานีทีวี 2 ช่อง คือ ช่องข่าวสารและสาระ และช่องเด็ก ครอบครัวและเยาวชน ภายใต้การนำทัพของเจ้าแม่บันเทิงที่รู้จักกันดี

ในนามของ "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" หรือ "พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวี จำกัด กล่าวถึงแนวคิดการดำเนินธุรกิจว่า ทุกครั้งที่จะเดินหน้าเข้าสู่สมรภูมิการแข่งขัน

ถ้าไม่มั่นใจว่าจะขึ้นเป็นเบอร์ 1 จะไม่ทำ

ด้วยเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่วางไว้ค่อนข้างสูง ทำให้การเปิดเกมรบในสมรภูมิทีวีดิจิทัลครั้งนี้ เธอประกาศ ขอเทหมดหน้าตัก โดยยกเลิกรายการที่ผลิตให้กับฟรีทีวีทุกช่อง รวมถึงหยุดออกอากาศช่องทีวีพูลชาแนล และทีวีพูลมิวสิคที่ออกอากาศผ่านทีวีดาวเทียมในสิ้นเดือนมีนาคมนี้

ขณะเดียวกันก็จะคัดเลือกบางรายการที่ีมีศักยภาพมาออนแอร์ในช่องทีวีดิจิทัลของตัวเอง โดยปรับโฉมให้ทันสมัยไม่เหลือกลิ่นอายของทีวีดาวเทียม

เป็นกลยุทธ์ "คิดการใหญ่" ด้วยการทุบหม้อข้าวตัวเองทั้งหมดลง หยุดธุรกิจที่เคยเป็นผู้รับจ้างผลิต เพื่อทุ่มสรรพกำลังทั้งหมดก้าวสู่การเป็นเจ้าของสถานีทีวีอย่างเต็มตัว

โดยหมายมั่นปั้นช่องข่าวและช่องเด็กให้ติดตลาดครองใจผู้ชมตั้งแต่วันแรกที่เริ่มออกอากาศ

"พันธุ์ทิพา" ระบุว่า สำหรับช่องข่าวและสาระวางเป้าหมายเจาะตลาดแมสเป็นหลัก ภายใต้ชื่อ ทีเอชวี (THV) ภายใต้การดูแลของ "สุภาพ คลี่ขจาย" ที่เข้ามานั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสถานี "ทีเอชวี"

ยิ่งเมื่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประกาศปรับสัดส่วนเนื้อหารายการช่องข่าวและสาระ โดยลดเนื้อหารายการข่าวเหลือ 50% จาก 75% โดยนับว่าข่าวบันเทิงเป็นส่วนหนึ่งของรายการข่าว ทำให้บริษัทซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านข่าวบันเทิงยิ่งเพิ่มความมั่นใจในธุรกิจนี้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งการตลาดที่วางไว้ของช่องทีเอชวี จะแตกต่างจากช่องข่าวอื่นๆ เพราะเป็นช่องข่าววาไรตี้ที่มีสัดส่วนรายการวาไรตี้ 50% ข่าวบันเทิง 30% และข่าวหลัก 20% ซึ่งล่าสุดได้ประกาศจับมือกับบริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตรายการข่าวให้ในลักษณะของเอ็กซ์คลูซีฟ คอนเทนต์เฉพาะช่องทีเอชวี

"รูปแบบรายการข่าวจะแตกต่างจากคู่แข่ง เน้นช่วงชิงความเร็วจากช่องอื่นๆ ด้วยการเริ่มต้นรายการข่าวตั้งแต่เวลา 17.00-19.00 น. พร้อมกับมุมมองการนำเสนอที่แตกต่าง"

สำหรับผังรายการปีแรกจะเป็นข่าวที่ผลิตโดยเครือโพสต์ 6 ชั่วโมง ตามด้วยข่าวบันเทิง 7 ชั่วโมง ส่วนอีก 11 ชั่วโมง เป็นวาไรตี้ ละครซิตคอม ซึ่งเตรียมวางละครไว้ 3 เรื่องต่อวัน และในปีหน้าจะเพิ่มละครให้มากขึ้น โดยเฉพาะละครช่วงก่อนข่าว

ในส่วนของคอนเทนต์ละครที่ถูกวางให้เป็นหัวหอกในการบุกตลาด "พันธุ์ทิพา" บอกว่า ขณะนี้เปิดกล้องละครไปแล้ว 8 เรื่อง โดยได้ทีมของ "นิรัตติศัย กัลย์จาฤก"บอสใหญ่กันตนา เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมผู้ผลิตละครเป็นที่เรียบร้อย

เป้าหมายของทีเอชวีที่เธอวางไว้นั้นคือ การก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ภายใน 5 ปีนับจากนี้หรือติด 1 ใน 5 ของสถานีที่ได้รับความนิยมจากผู้ชม เทียบชั้นเจ้าตลาดฟรีทีวี

"คู่แข่งของทีเอชวีไม่ใช่ช่องข่าวด้วยกัน แต่เป็น 24 ช่องธุรกิจ โดยเฉพาะช่อง 3 และช่อง 7 ที่เจาะกลุ่มตลาดแมสเหมือนกัน"

ขณะที่ "ทีเอชวี" ถูกวางให้เป็นยุทธศาสตร์หลักในการสร้างรายได้ สำหรับช่องเด็ก เยาวชนและครอบครัว ที่ใช้ชื่อ "โลก้า" (Loca) ถูกวางไว้แตกต่างกันไป

ช่องโลก้าอยู่ภายใต้แนวคิด "Be your Friends" เป็นข่าว 25% และรายการอื่นๆ 75% อาทิ การ์ตูน สารคดี ซิตคอม ละคร เอดูเทนเมนต์ นอกจากนี้ยังเสริมทัพด้วยการเทกโอเวอร์บริษัทผู้ผลิตรายการสภาโจ๊กเข้ามาร่วมทีมด้วย ขณะที่คอนเทนต์หลักที่จะเป็นตัวดึงดูดคนดู คือ ซิตคอม ที่วางไว้ว่าจะออกอากาศ 3-4 เรื่องต่อวัน

"เจ้าแม่ทีวีพูล" อธิบายว่า โลก้าจะเป็นช่องสีขาวที่ไม่ได้หวังสร้างรายได้เหมือนกับช่องทีเอชวี เป็นเสมือนช่องที่คืนกำไรแก่สังคม ดังนั้นความเข้มข้นของคอนเทนต์ทั้งข่าว ซิตคอม และละคร อาจไม่ได้เพื่อเรียกเรตติ้งมากนัก

"ถ้าจะเปรียบให้เข้าใจง่าย คงต้องบอกว่า ทีเอชวี คือ สีดำ ส่วนโลก้า คือ สีขาว"

ในส่วนของราคาโฆษณา เบื้องต้นวางไว้ที่ 1 แสนบาทต่อนาที ปีแรกคาดว่าธุรกิจทีวีจะมีรายได้ 2,000 ล้านบาท จากทั้ง 2 ช่อง ปัจจุบันมีการขายโฆษณาไปแล้ว ประมาณ 200-300 ล้านบาท

การทุ่มสุดตัวในครั้งนี้ เธอหมายมั่นปั้นมือจะทำให้ธุรกิจทีวีคืนทุนได้ในปีแรกที่เริ่มออกอากาศ และจะคุ้มทุนภายในปีที่ 2 ส่วนปีที่ 3 จะเป็นปีที่มีกำไรเข้ามา ก่อนจะนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นใน 5 ปีจากนี้

นั่นหมายความว่าปีที่ 5 ธุรกิจทีวีจะต้องมีรายได้ 1 หมื่นล้านบาท และต้องเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% และกลายเป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัท ไทยทีวี จำกัด ในทันที

เกมนี้เจ้าแม่บันเทิงขอเดิมพันแบบสุดตัว จะเปรี้ยง ไม่เปรี้ยง งานนี้ผู้ชมเท่านั้นคือ ผู้ชี้ชะตา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่