ก้มหัวซักนิด ให้ความอ่อนโยนชะล้างจิตใจเรา

กระทู้สนทนา
เรื่องเล่าประสบการณ์จริงบนถนน ไม่นานนักครับ
ขี้เกียจวาดรูปประกอบนะ อาจจะนึกภาพตามยากซักนิด แต่ข้อสรุปของผมอยู่ในตอนท้ายสั้นๆนิดเดียวครับ
เรื่องก็คือ ผมหลบรถจากซอยใหญ่ เข้าซอยเล็ก เพื่อตัดไปออกอีกถนนนึง
เป็นซอยเล็กๆ รถสวนกันไปมาได้แค่สองคัน ซอยยาวประมาณ 200 เมตรครับ ด้านนึงเป็นกำแพงสูงทึบ
อีกด้านนึงเป็นที่พัก บ้าน เรียงรายกันไป
พอเลี้ยวเข้าต้นซอย ก็มีรถจอดแอบ แนบกำแพงกันแถวนึง
(ปกติซอยนี้มีรถใช้น้อยมาก และไม่ค่อยมีประเด็นเรื่องรถติด)
แต่มีอีกคันนึง ดูเหมือนเจ้าของกำลังเอารถออกจากบ้าน ประตูรั้วเปิด และเจ้าของรถกำลังยืนที่รถพอดี
พอผมสวนเข้ามา ก็ไปต่อไม่ได้ เพราะรถเขาขวางไปอีกเลน ในขณะที่อีกด้านมีรถจอดเป็นแถวยาว
ด้วยเกรงว่า ต่างคนต่างไปไม่ได้ เห็นพอมีช่องแทรกได้ หนึ่งคันในแนวรถที่จอดๆอยู่ ผมก็เข้าไปแอบให้
กะว่าให้เขาไปก่อน เพราะคิดว่าเขาต้องปิดประตูรั้ว แล้วค่อยเคลื่อนไป  ก็ได้ผมไม่รีบรอก่อนได้
ปรากฎว่า ท่านเจ้าของรถอีกคัน ก็ขึ้นรถทันที แล้วก็นั่งในรถอย่างนั้นเฉยๆ  
แว๊บแรก คิดว่า คงรอ ใครในบ้านอีกซักคนสองคนมั้ง
จนผ่านไปซักเกือบสิบนาที ก็เริ่มมองหน้ากัน ล่ะ เพราะไม่ขยับซักที ทำไมจะขวางกัน อย่างนี้เหรอ
ท่านเจ้าของรถอีกคัน เป็นชายค่อนข้างสูงอายุหน่อย น่าจะประมาณ 55 ขึ้นครับ
ชักเดือด จะเอาไงฟะ ไปก็ไม่ไป รถวิ่งสองทางนะเฟ้ย เลนที่ขวางก็เป็นเลนซ้ายซึ่งเป็นช่องทางเดินรถของผม
นั่งทำใจอยู่ในรถ รอดูเหตุการณ์ อีกซักแป๊บละกัน ตานี้ ก็มองหน้ากันตลอดละ หน้าตาชักเครียดกันทั้งสองฝ่าย
ไปๆมาๆ ท่าจะไม่ได้เรื่อง เลย เปิดประตูรถออกไป ถามว่าผมจะไปจะเลื่อนรถให้ก่อนได้ไหม
ผมก็แอบให้ท่านไปก่อนอยู่แล้วนี่ไง  (ตอนนั้นเคืองจัดเลย )
ท่านก็ตอบว่า ก็คุณมาจอดขวางช่องที่ผมจะให้กลับรถ ผมก็เข้าบ้านไม่ได้นะซิ
ปรากฎว่า ท่านต้องใช้พื้นที่ ที่ผมจอดนั่นเพื่อจะถอยหลังเอารถเข้าบ้าน
( เอ๋า ก็ไม่บอกนี่หว่า ใครจะไปรู้ ) สรุปว่า ผมแพ้ความแข็งแรงด้านจิดใจของท่าน
เพราะเทคแอ็คชั่นก่อน นี่ถ้ารอไปเรื่อยๆ คงได้รอกันเป็นครึ่งชั่วโมงทั้งสองฝ่าย
เอาๆ ถอยออกให้ก่อนก็ได้ ก็เลยถอยจากช่องที่แอบออกมา ท่านก็ใช้ช่องนั้นทิ่มหัวรถเข้าไป
แล้ว ถอยรถเข้าบ้าน  
(ตอนนั้นก็ยังเคืองอยู่มาก เสียเวลา ใจก็คิดว่าข้าไม่ผิดนี่หว่า เอ็งนั่นแหล่ะผิด)
ผมเคลื่อรถได้ ก็เลื่อนรถไปจอดขวางหน้าบ้าน
ลดกระจกลง ยกมือไหว้ บอกว่า ขอโทษนะครับ ผมเข้าใจผิด เลยทำให้เสียเวลา
(เอาน่าใครผิดใครถูก ช่างมัน  เราเด็กกว่า อ่อนน้อมขอโทษหน่อยไม่เป็นไรหรอก)

ที่เล่ามาทั้งหมดเพื่อข้อสรุปนิดเดียว ตรงนี้
ท่านยกมือ รับไหว้ โบกมือให้ บอกว่าไม่เป็นไร พร้อมกับยิ้มให้
เชื่อไหมครับ ว่าความขุ่นมัว ความหงุดหงิดทั้งหลายที่สะสมจากเหตุการณ์นั้น
มันหายไปหมดทันทีทันใด รู้สึกแจ่มใสขึ้นอย่างประหลาด
ผมก็ขับรถไปต่อ ตามทางของวันนั้น พร้อมกับความรู้สึกดีๆ

มานั่งนึกๆ ว่าถ้า ไหว้ขอโทษแล้วท่านเฉยๆ หรือตีหน้าบูดกลับ ผมก็คงเฉยๆ
ไม่ติดใจอะไร เพราะทำใจไว้ตั้งแต่คิดขอโทษไว้แล้ว
แต่แค่รอยยิ้ม และการให้อภัยของผู้ใหญ่ท่านนั้น กลับสร้างผลลัพธ์ด้านบวก
ขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ให้กับมนุษย์อีกคน  (ท่านเองก็คงจะไม่รู้ตัวหรอกมั้ง)

กลับมาสู่หัวข้อกระทู้ ให้อภัยได้ก็ให้อภัยเถอะครับ แถมรอยยิ้มให้ซักนิด
ท่านเองอาจจะสร้างความรู้สึกดีๆให้กับใครๆได้โดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่