** "ธาริต" ระบุ "สนธิญาณ" เบอร์สองรอง "สุเทพ" เหตุเป็นเสธ. รวมท่อน้ำเลี้ยง ประสานคนเบื้องหลัง

กระทู้สนทนา
ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20140210/178627.html#.Uvj6fLRolqE (มีคฃิปภาพและเสียง)



นายธาริต ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เนชั่นชาแนลถึงการจับกุมตัวนายสนธิญาณ ว่า จับได้ระหว่างที่นายสนธิญาณไปพักอยู่ที่โรงแรมเซ็นทาราลาดพร้าว  โดยข้อหาเบื้องต้นเป็นข้อหาการฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน  โดยศาลให้ควบคุมตัวได้ 30 วัน และทุก 7 วันต้องขอศาลเป็นช่วงๆ โดยห้ามควบคุมในเรือนจำ ซึ่งได้กำหนดให้เป็นค่ายตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1  ปทุมธานี ทั้งนี้ จะต้องรายงานศาลภายใน 48 ชั่วโมง หากครบ 30 วันก็จะแจ้งข้อหาตามคดีอาญาในข้อหากบฏร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.

                นายธาริต กล่าวต่อว่า มีข้อเท็จจริงว่า นายสนธิญาณนั้น ศรส.ถือเป็นคนสำคัญอันดับสองรองจากสุเทพ  เพราะ 1.เหมือนเป็นมันสมอง เป็นฝ่ายเสนาธิการที่วางแผน การจัดอีเวนท์ ประชาสัมพันธ์   2.นายสนธิญาณเหมือนเป็นคนรวบรวมท่อน้ำเลี้ยงจากผู้ที่ให้การสนับสนุนต่างๆ และ 3.เป็นคนอยู่เบื้องหลังในการติดต่อกับกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังที่ไม่ปรากฏตัวชัดเจน  หรือที่เรียกว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง กปปส.เขาจะเป็นคนเชื่อมต่อ ดังนั้นถือว่าสำคัญ

                "นายสนธิญาณจัดเป็นท่อน้ำเลี้ยงส่วนหนึ่ง ในรายชื่อที่จะประกาศพรุ่งนี้จะมีรายชื่อนายสนธิญาณอยู่ด้วย"นายธาริต กล่าว  

"ธาริต" ลั่น "สนธิญาณ" เป็นฝ่ายเสนาธิการ "กปปส."



"ศรส."ออกหมายจับแนวร่วมกปปส.เพิ่มอีก 13 คน  


                เมื่อเวลา 13.00 น.นายธาริต แถลงผลการประชุมศรส.ประจำวัน ว่า ศรส.มีผลการประชุม ดังนี้ 1.การที่แกนนำกปปส.นำเอาประเด็นความเดือดร้อนของกลุ่มชาวนาและเกษตรกรมากล่าวอ้างและจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือชาวนานั้น กปปส.กำลังบิดเบือนนำความทุกข์ของชาวนาใช้เป็นประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ศรส.ได้ติดตามจนได้ความจริงว่า รัฐบาลกำลังเร่งรีบที่จะแก้ไขปัญหาของชาวนาอย่างเต็มที่คาดว่า จะแล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การจัดหาเงินไปจ่ายชาวนาล่าช้ามาจากการชุมนุมของ กปปส.จนทำให้มีการยุบสภา ทำให้ขั้นตอนที่รัฐบาลจะหาเงินจากธนาคาร หรือแหล่งเงินทุนต้องขอความเห็นจากกกต.จนเกิดความล่าช้า ประการสำคัญต้องไม่ลืมว่า กปปส.ได้พยายามทุกรูปแบบไม่ให้รัฐบาลกู้เงินจากสถาบันการเงินและยังเคยดูถูกชาวนา เกษตรกร และคนในชนบท ตลอดว่าเสียงของของคนชนบทเป็นแสนไม่มีคุณภาพ เท่าเสียงของพวกเขาเพียงเสียงเดียว

                2.ศรส.ได้เร่งรัดให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกรมสอบสวนคดีพิเศษรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อขอศาลออกหมายจับประเภท ฉ.ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพิ่มเติม 13 คน ได้แก่ 1.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 2.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 3.น.ส.จิตภัสร์ กฤษดากร 4.นายสกลธี ภัททิยกุล 5.นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ 6.นายเสรี วงษ์มณฑา 7.นายถนอม อ่อนเกตุพล 8.พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ 9.นายสาวิทย์ แก้วหวาน 10.นายคมสันต์ ทองศิริ 11.นายสุชาติ ศรีสังข์ 12.น.พ.ระวี มาศฉมาดล 13.นายนพพร เมืองแทน ซึ่งการขอศาลออกหมายจับครั้งนี้ เป็นการขอตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แบบเดียวกับที่ได้รับอนุญาตไว้ก่อน 19 คน หากศาลอนุญาตอีกจะเป็น 32 คน

                3.การที่กปปส.นำมวลชนไปบุกล้อม ปิดล้อม สถานที่ราชการ ศรส.จะดำเนินการกับการกระทำผิดนี้อย่างจริงจังตามหลักสากล แต่ก็จะระวังไม่ให้เกิดการสูญเสียกับประชาชน

                4.ศรส.ได้รับทราบรายงานผลการสืบสวนสอบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีการกระทำผิดของแกนนำกปปส.ที่ขัดขวางการเลือกตั้ง ทั้งในกทม.และต่างจังหวัดภาคใต้ ขณะนี้ได้รับคดีขัดขวางการเลือกตั้งไว้ 119 คดี และคดีเจ้าหน้าที่จงใจละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่จัดการเลือกตั้ง 80 คดี รวมหมายจับที่ศาลออกให้แล้ว 37 คน
นายธาริต กล่าวต่อว่า ขณะนี้ รวบรวมรายชื่อนายทุนท่อน้ำเลี้ยงกปปส.เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ในขั้นตอนการทำคำสั่ง เพื่อให้เกิดความครบถ้วนสมบูรณ์ลักษณะเดียวกับศอฉ.ในปี 2553 และวันที่ 11  ก.พ ในช่วงแถลงข่าวหลังการประชุมประจำวันจะมีการเผยแพร่เอกสารรายชื่อกับสื่อมวลชน

                นายธาริต กล่าวต่ออีกว่า สำหรับรายชื่อทั้งหมดจะแบ่งเป็น 3 ส่วน 1.ผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษของดีเอสไอ 58 ราย 2.รายชื่อจากการสืบสวนของดีเอสไอ 31 ราย และรายชื่อที่เหลือจากตำรวจสันติบาล ทั้งนี้ 58 รายชื่อนั้น ตกเป็นผู้ต้องหาชัดเจน ส่วนนอกเหนือจากนั้นเป็นผู้ต้องสงสัยเข้าข่ายในการสนับสนุนในลักษณะท่อน้ำเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นเงินทุน อุปกรณ์อุปโภค บริโภค ซึ่งยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหา เพียงแต่ในสถานการณ์ฉุกเฉินกฎหมายได้ให้อำนาจฝ่ายบริหารสามารถที่จะสั่งให้ระงับการทำธุรกรรมชั่วคราวเพื่อตรวจสอบเท่านั้น โดยไม่ได้มีการเข้าไปยึดทรัพย์ ซึ่งจะมีการเชิญมาให้ชี้แจงที่มาที่ไปของเงิน ถ้าชี้แจงได้ก็จบไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าชี้แจงไม่ได้แล้วมีพยานแวดล้อมประกอบว่าเป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิด ก็จะถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดี ในฐานะเป็นผู้สนับสนุน หรือตัวการร่วมกับแกนนำกปปส. ทั้งนี้ ศรส.จะปฏิบัติภายใต้กฎหมายและวิธีการรูปแบเดียวกับศอฉ.ในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  

"สาทิตย์"เล็งยื่นขอประกันตัว "สนธิญาณ" ตามกม.  

                เมื่อเวลา 15.30 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะแกนนำกลุ่มกปปส. เวทีปทุมวัน กล่าวบนเวทีปราศรัยต่อประเด็นที่นายสนธิญาณ ถูกรวบตัวและควบคุมตัวไว้ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ว่า ขณะนี้ยังติดต่อนายสนธิญาณไม่ได้ แต่ทางกปปส.จะประสาน เพื่อขอประกันตัวตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป เพราะกรณีของนายสนธิญาณนั้น ถือว่าไม่เป็นการทำผิดร้ายแรงและสิ่งที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศรส.) ดำเนินการ ถือเป็นการคุกคามการทำหน้าที่ของพลเมืองดี และสื่อมวลชน แต่การกระทำของ ศรส.ไม่กระทบต่อการเดินหน้าเคลื่อนไหว ทั้งนี้ ตนทราบว่า ทางศรส.จะดำเนินการขอออกหมายจับเครือข่าย กปปส.เพิ่มเติม อาทิ นายสมบัติ, นายเสรี, น.ส.จิตรภัสร์ และนายถนอม ทั้งที่บุคคลดังกล่าวไม่ได้ทำผิดใดๆ ดังนั้น ถือว่าสิ่งที่ศรส.เตรียมดำเนินการนั้น เป็นการข่มขู่และคุกคามเสรีภาพของประชาชนแบบเหวี่ยงแห เพื่อให้เกิดความกลัว

                "ผมทราบว่า ศรส.นั้น พยายามจับตัวนายสนธิญาณมาตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยส่งคนไปดักรอที่หน้าคอนโดย่านรัชดา และมีการติดตาม จนเมื่อนายสนธิญาณไปนั่งรับประทานอาหารที่ห้างสรรพสินค้าย่านห้าแยกลาดพร้าวก็เข้าจับกุม" นายสาทิตย์ กล่าว

                นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า  ส่วนกรณีที่ศรส.เตรียมดำเนินการกับกลุ่มที่คาดว่า เป็นท่อน้ำเลี้ยงสนับสนุนเงินทุน ที่พัก และสนับสนุนเครื่องอุปโภค บริโภคให้กับกปปส.ตนมองว่า หากดำเนินการจริง จะเท่ากับเป็นการทำผิดกฎหมายและละเมิดคำสั่งศาลที่สั่งคุ้มครองการชุมนุมและห้ามรัฐบาลดำเนินการใดๆ ที่เป็นการยึด หรือ อายัด สินค้า เครื่องอุปโภค บริโภค และมีโทษถึงขั้นติดคุก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่