ความสุข คือความรู้สึกที่น่าพอใจ เป็นความรู้สึกที่ทนได้ง่ายที่ตรงข้ามกับความทุกข์ที่เป็นความรู้สึกที่ทนได้ยาก
เมื่อจิตของเราได้สัมผัสกับโลกหรือได้รับรู้สิ่งต่างๆ (คือรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งกระทบกาย สิ่งกระทบใจ) ของโลกตามระบบประสาทของร่างกาย (คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ก็ย่อมที่จะเกิดความรู้สึกขึ้นมาด้วยเสมอ ซึ่งสิ่งต่างๆของโลกนั้น บางสิ่งก็ให้ความรู้สึกที่น่าพอใจหรือความสุข แต่บางสิ่งก็ให้ความรู้สึกที่ไม่น่าพอใจหรือความทุกข์ และบางสิ่งก็ให้ความรู้สึกที่เป็นกลางๆหรือไม่สุขไม่ทุกข์
ความรู้สึกที่น่าพอใจหรือความสุขนั้นจะทำให้จิตเกิดความพอใจหรืออยากจะได้ (ตัณหา) เมื่อเกิดความพอใจแล้วก็จะทำให้เกิดความยึดถือว่ามีตัวเราที่เป็นผู้พอใจพร้อมกับความทุกข์ขึ้นมา แล้วความยึดถือก็ยังทำให้เกิดตัวเราที่เห็นแก่ตัวขึ้นมาด้วย ซึ่งความเห็นแก่ตัวนี้เองที่ทำให้เกิดความโลภหรืออยากได้สิ่งต่างๆมาเป็นของเราให้มากที่สุด เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็ทำให้เกิดการเบียดเบียนชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งสิ่งที่น่ารักน่าใคร่ของผู้อื่นตามมา แต่เมื่อมีสิ่งที่มาขัดขวางไม่ให่ได้สิ่งต่างๆก็จะเกิดความโกรธหรือไม่พอใจขึ้นมาทันที แล้วความโกรธก็จะทำให้เกิดการทำร้ายคนอื่น ด่าคนอื่น ตามมา
ความรู้สึกที่ไม่น่าพอใจหรือความทุกข์ก็จะทำให้จิตเกิดความไม่พอใจหรือความโกรธขึ้นมาทันที แล้วความไม่พอใจนี้ก็จะทำให้เกิดความยึดถือว่ามีตัวเราที่เป็นผู้โกรธพร้อมกับความทุกข์ขึ้นมาทันที และเมื่อโกรธแล้วก็จะทำให้เกิดการทำร้ายคนอื่น ด่าคนอื่นตามมาด้วย
ส่วนความรู้สึกไม่สุขไม่ทุกข์นั้นจะยังไม่ทำให้จิตเกิดความพอใจหรือไม่พอใจ แต่ก็ยังทำให้เกิดความยึดถือว่ามีตัวเราที่อยากมีอยากเป็นอยู่
มนุษย์ธรรมดา (ที่ยังไม่มีดวงตาเห็นธรรม) เกิดมาจะมีจิตที่ติดใจหรือพอใจในความรู้สึกที่น่าพอใจหรือในความสุข หรือเป็นทาสของความสุข แต่มนุษย์ไม่รู้จักว่าความสุขนี่เองที่เป็นเหตุให้เกิดปัญหาและความทุกข์ทั้งหลายขึ้นมา เพราะความสุขจะทำให้จิตเกิดความพอใจหรือไม่พอใจที่เป็นความอยาก (ตัณหา) ซึ่งตัณหานี้จะทำให้จิตเกิดความยึดถือว่ามีตัวเราพร้อมทั้งความทุกข์ของจิตใจที่รุนแรงขึ้นมา ไม่เพียงเท่านั้น ความสุขยังสร้างปัญหาต่างๆให้แก่ร่างกายและชีวิตของเรารวมทั้งของสังคมประเทศชาติและแม้โลกด้วย
ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาทั้งหลายก็จึงอยู่ที่การเอาชนะความสุขทั้งหลายให้ได้ โดยการใช้ปัญญา (ความรอบรู้ว่าแท้จริงมันไม่ได้มีเราอยู่จริง) มาทำงานร่วมกับสมาธิ โดยมีศีลเป็นพื้นฐาน เพื่อมาทำลายความรู้ผิดว่ามีตัวเรา (อวิชชา) เพื่อให้จิตไม่เกิดความรู้สึกว่ามีตัวเรา เพื่อไม่ให้จิตเกิดความยึดถือว่ามีตัวเรา แล้วความทุกข์ของจิตก็จะไม่เกิดขึ้น รวมทั้งความเห็นแก่ตัวก็จะไม่มี และความโลภ ความโกรธ ความหลงที่ทำให้เกิดการเบียดเบียนมนุษย์ด้วยกัน เบียดเบียดสัตว์ และเบียดเบียนธรรมชาติก็จะไม่มี เมื่อโลกไม่มีการเบียดเบียนกัน สันติภาพก็จะกลับคืนมาได้เอง
ความสุขคือสาเหตุของปัญหาทั้งปวงของมนุษย์
เมื่อจิตของเราได้สัมผัสกับโลกหรือได้รับรู้สิ่งต่างๆ (คือรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งกระทบกาย สิ่งกระทบใจ) ของโลกตามระบบประสาทของร่างกาย (คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ก็ย่อมที่จะเกิดความรู้สึกขึ้นมาด้วยเสมอ ซึ่งสิ่งต่างๆของโลกนั้น บางสิ่งก็ให้ความรู้สึกที่น่าพอใจหรือความสุข แต่บางสิ่งก็ให้ความรู้สึกที่ไม่น่าพอใจหรือความทุกข์ และบางสิ่งก็ให้ความรู้สึกที่เป็นกลางๆหรือไม่สุขไม่ทุกข์
ความรู้สึกที่น่าพอใจหรือความสุขนั้นจะทำให้จิตเกิดความพอใจหรืออยากจะได้ (ตัณหา) เมื่อเกิดความพอใจแล้วก็จะทำให้เกิดความยึดถือว่ามีตัวเราที่เป็นผู้พอใจพร้อมกับความทุกข์ขึ้นมา แล้วความยึดถือก็ยังทำให้เกิดตัวเราที่เห็นแก่ตัวขึ้นมาด้วย ซึ่งความเห็นแก่ตัวนี้เองที่ทำให้เกิดความโลภหรืออยากได้สิ่งต่างๆมาเป็นของเราให้มากที่สุด เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็ทำให้เกิดการเบียดเบียนชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งสิ่งที่น่ารักน่าใคร่ของผู้อื่นตามมา แต่เมื่อมีสิ่งที่มาขัดขวางไม่ให่ได้สิ่งต่างๆก็จะเกิดความโกรธหรือไม่พอใจขึ้นมาทันที แล้วความโกรธก็จะทำให้เกิดการทำร้ายคนอื่น ด่าคนอื่น ตามมา
ความรู้สึกที่ไม่น่าพอใจหรือความทุกข์ก็จะทำให้จิตเกิดความไม่พอใจหรือความโกรธขึ้นมาทันที แล้วความไม่พอใจนี้ก็จะทำให้เกิดความยึดถือว่ามีตัวเราที่เป็นผู้โกรธพร้อมกับความทุกข์ขึ้นมาทันที และเมื่อโกรธแล้วก็จะทำให้เกิดการทำร้ายคนอื่น ด่าคนอื่นตามมาด้วย
ส่วนความรู้สึกไม่สุขไม่ทุกข์นั้นจะยังไม่ทำให้จิตเกิดความพอใจหรือไม่พอใจ แต่ก็ยังทำให้เกิดความยึดถือว่ามีตัวเราที่อยากมีอยากเป็นอยู่
มนุษย์ธรรมดา (ที่ยังไม่มีดวงตาเห็นธรรม) เกิดมาจะมีจิตที่ติดใจหรือพอใจในความรู้สึกที่น่าพอใจหรือในความสุข หรือเป็นทาสของความสุข แต่มนุษย์ไม่รู้จักว่าความสุขนี่เองที่เป็นเหตุให้เกิดปัญหาและความทุกข์ทั้งหลายขึ้นมา เพราะความสุขจะทำให้จิตเกิดความพอใจหรือไม่พอใจที่เป็นความอยาก (ตัณหา) ซึ่งตัณหานี้จะทำให้จิตเกิดความยึดถือว่ามีตัวเราพร้อมทั้งความทุกข์ของจิตใจที่รุนแรงขึ้นมา ไม่เพียงเท่านั้น ความสุขยังสร้างปัญหาต่างๆให้แก่ร่างกายและชีวิตของเรารวมทั้งของสังคมประเทศชาติและแม้โลกด้วย
ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาทั้งหลายก็จึงอยู่ที่การเอาชนะความสุขทั้งหลายให้ได้ โดยการใช้ปัญญา (ความรอบรู้ว่าแท้จริงมันไม่ได้มีเราอยู่จริง) มาทำงานร่วมกับสมาธิ โดยมีศีลเป็นพื้นฐาน เพื่อมาทำลายความรู้ผิดว่ามีตัวเรา (อวิชชา) เพื่อให้จิตไม่เกิดความรู้สึกว่ามีตัวเรา เพื่อไม่ให้จิตเกิดความยึดถือว่ามีตัวเรา แล้วความทุกข์ของจิตก็จะไม่เกิดขึ้น รวมทั้งความเห็นแก่ตัวก็จะไม่มี และความโลภ ความโกรธ ความหลงที่ทำให้เกิดการเบียดเบียนมนุษย์ด้วยกัน เบียดเบียดสัตว์ และเบียดเบียนธรรมชาติก็จะไม่มี เมื่อโลกไม่มีการเบียดเบียนกัน สันติภาพก็จะกลับคืนมาได้เอง