
.....ใครหว่า ?
.....อุ้มคนรวย
.....ขาดทุน ปรส. 8 แสนล้าน
.....ขวางช่วยคนจน
.....ค่าข้าวชาวนา 1.3 แสนล้าน
.....ป้ายที่มีข้อความดังกล่าวติดตั้งอยู่ริมทางด่วนแถวถนนพระราม 4
.....นี่คือพฤติกรรมในการโกหก หลอกลวง การป้ายความผิดให้แก่คนอื่นของคนในพรรคเพื่อไทยและบริวาร
.....โกหกจนผู้ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงและไม่ยอมไฝ่หาความจริงตกเป็นเหยื่อ และปลูกฝังความเชื่อผิด ๆ อยู่ในความรู้สึกนึกคิดตลอดมา
..........อุ้มคนรวย
.....เมื่ิอปี 2555 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปรับลดภาษีเงินได้ของนิติบุคคล เหลือเพียงร้อยละ 20 ผู้ได้ประโยชน์ก็คือ นิติบุคคลขนาดใหญ่ เช่น บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นต้น
..........ขาดทุน ปรส. 8 แสนล้าน
.....พระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2540 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2540 ในสมัยรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ มีรองนายกรัฐมตรีคนหนึ่งชื่อทักษิณ ชินวัตร
.....มาตรา 5 บัญญัติว่า ให้จัดตั้งองค์การของรัฐขึ้นเรียกว่า องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน เรียกโดยย่อว่า ปรส. และให้เป็นนิติบุคคล
.....มาตรา 11 บัญญัติว่า ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า คณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหนึ่ง ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้แทนกระทรวงการคลัง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสองคน เป็นกรรมการ และเลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ
.....ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน
.....มาตรา 17 บัญญัติว่า ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
.....มาตรา 18 บัญญัติว่า เลขาธิการมีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการขององค์การให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และ อำนาจหน้าที่ขององค์การ และตามนโยบายหรือข้อบังคับที่คณะกรรมการองค์การกำหนด
.....ตามบทบัญญัติของบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว หมายความ ปรส.เป็นนิติบุคคลต่างหากจากหน่ายงานราชการ ไม่ได้สังกัดอยู่ในกระทรวง ทบวง กรมใด
.....มีคณะกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบในกำหนดนโยบายในการดำเนินงาน โดยมีเลขาธิการเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารงานของ ปรส.
.....รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังผู้รักษาการตามพระราชกำหนดฉบับนี้ ก็ไม่มีอำนาจก้าวก่าย การบริหารงานของคณะกรรมการและเลขาธิการ
.....ทั้งคณะกรรมการและเลขาธิการ คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชวลิต ยงใจยุทธ ที่มีทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แต่งตั้งทั้งหมด
.....รัฐบาลนายชวน หลีกภัย เข้ามารับหน้าที่หลังจากที่รัฐบาลชวลิต ยงใจยุทธ ลาออก โดยมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งคณะกรรมการและเลขาธิการของ ปรส. ทั้งไม่ได้มีอำนาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวในการบริหารงานของ ปรส.
.....ถ้าคณะกรรมการและเลขาธิการ ปรส.บริหารงานทำให้ ปรส.เสียหาย 8 แสนล้าน
.....ผู้ก่อให้เกิดความเสียหายก็คือคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งมีทักษิณ ชินวัตร รวมอยู่ด้วยที่เป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการและเลขาธิการ ปรส.
..........ขวางช่วยคนจน
..........ค่าข้าวชาวนา 1.3 แสนล้าน
.....การไม่ได้จ่ายหนี้ให้ชาวนา 130,000 ล้านบาท เกิดจากการโกงกินของคนในรัฐบาลและวงค์วานว่านเครือของคนในรัฐบาล
.....ไม่เคยใครไปขัดขวางรัฐบาลไม่ให้ขายข้าวที่เก็บอยู่ในโกดังเพื่อเอาเงินมาชำระให้แก่ชาวนา
.....ที่น่าสงสัยก็คือในขณะนี้ไม่มีข้าวเหลืออยู่ในโกดังแล้ว เพราะถ้ามีข้าวเหลืออยู่ ทำไมรัฐบาลไม่ขายข้าวหริอที่ไม่ยอมขายเพราะจะเก็บไว้ขายให้แก่คนกันเองใน ราคาถูก
.....ที่ธนาคารของรัฐไม่ยอมให้รัฐบาลเอาเงินที่ประชาชนนำมาฝากไว้ไปชำระให้ ชาวนา เช่น ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือ ธกส.ก็เป็นเรื่องของพนักงานของธนาคารนั้น ๆ ที่ต้องการรักษาสถานะและสภาพคล่องของธนาคาร อันเป็นวิสัยของพนักงานที่ต้องรักษาองค์กรของตนไม่ให้เกิดความเสียหาย
.....ส่วนธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ที่ไม่ยอมให้รัฐบาลกู้เงินก็เพราะต่างก็รู้ว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทน ราษฎรเมื่อวันที่ 9 ธันวามคม 2556 จึงไม่สามารถกระทำการใด ๆ ที่ให้มีผลผูกพันรัฐบาลต่อไป ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181(3) ขืนให้กู้ไปหากรัฐบาลชุดใหม่ปฏิเสธที่จะชำระหนี้ ธนาคารก็ได้รับความเสียหาย
.....โดยเฉพาะธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นธนาคารที่รัฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้บริหารและพนักงานของธนาคารจึงเป็นพนักงาน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ ต้องมีความรับผิดในทางอาญา เช่นเดียวกับข้าราชการ จึงไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะต้องถูกลงโทษจำคุก เช่น อดีตผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทยคนหนึ่งถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกมาแล้ว
.....ที่กล่าวมาทั้งหมดคือการตอบคำถามว่า ใครหว่า ?
ป้าย.....ใครหว่า? ติดตั้งอยู่ริมทางด่วนแถวถนนพระราม 4
.....ใครหว่า ?
.....อุ้มคนรวย
.....ขาดทุน ปรส. 8 แสนล้าน
.....ขวางช่วยคนจน
.....ค่าข้าวชาวนา 1.3 แสนล้าน
.....ป้ายที่มีข้อความดังกล่าวติดตั้งอยู่ริมทางด่วนแถวถนนพระราม 4
.....นี่คือพฤติกรรมในการโกหก หลอกลวง การป้ายความผิดให้แก่คนอื่นของคนในพรรคเพื่อไทยและบริวาร
.....โกหกจนผู้ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงและไม่ยอมไฝ่หาความจริงตกเป็นเหยื่อ และปลูกฝังความเชื่อผิด ๆ อยู่ในความรู้สึกนึกคิดตลอดมา
..........อุ้มคนรวย
.....เมื่ิอปี 2555 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปรับลดภาษีเงินได้ของนิติบุคคล เหลือเพียงร้อยละ 20 ผู้ได้ประโยชน์ก็คือ นิติบุคคลขนาดใหญ่ เช่น บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นต้น
..........ขาดทุน ปรส. 8 แสนล้าน
.....พระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2540 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2540 ในสมัยรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ มีรองนายกรัฐมตรีคนหนึ่งชื่อทักษิณ ชินวัตร
.....มาตรา 5 บัญญัติว่า ให้จัดตั้งองค์การของรัฐขึ้นเรียกว่า องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน เรียกโดยย่อว่า ปรส. และให้เป็นนิติบุคคล
.....มาตรา 11 บัญญัติว่า ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า คณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหนึ่ง ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้แทนกระทรวงการคลัง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสองคน เป็นกรรมการ และเลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ
.....ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน
.....มาตรา 17 บัญญัติว่า ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
.....มาตรา 18 บัญญัติว่า เลขาธิการมีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการขององค์การให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และ อำนาจหน้าที่ขององค์การ และตามนโยบายหรือข้อบังคับที่คณะกรรมการองค์การกำหนด
.....ตามบทบัญญัติของบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว หมายความ ปรส.เป็นนิติบุคคลต่างหากจากหน่ายงานราชการ ไม่ได้สังกัดอยู่ในกระทรวง ทบวง กรมใด
.....มีคณะกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบในกำหนดนโยบายในการดำเนินงาน โดยมีเลขาธิการเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารงานของ ปรส.
.....รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังผู้รักษาการตามพระราชกำหนดฉบับนี้ ก็ไม่มีอำนาจก้าวก่าย การบริหารงานของคณะกรรมการและเลขาธิการ
.....ทั้งคณะกรรมการและเลขาธิการ คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชวลิต ยงใจยุทธ ที่มีทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แต่งตั้งทั้งหมด
.....รัฐบาลนายชวน หลีกภัย เข้ามารับหน้าที่หลังจากที่รัฐบาลชวลิต ยงใจยุทธ ลาออก โดยมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งคณะกรรมการและเลขาธิการของ ปรส. ทั้งไม่ได้มีอำนาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวในการบริหารงานของ ปรส.
.....ถ้าคณะกรรมการและเลขาธิการ ปรส.บริหารงานทำให้ ปรส.เสียหาย 8 แสนล้าน
.....ผู้ก่อให้เกิดความเสียหายก็คือคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งมีทักษิณ ชินวัตร รวมอยู่ด้วยที่เป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการและเลขาธิการ ปรส.
..........ขวางช่วยคนจน
..........ค่าข้าวชาวนา 1.3 แสนล้าน
.....การไม่ได้จ่ายหนี้ให้ชาวนา 130,000 ล้านบาท เกิดจากการโกงกินของคนในรัฐบาลและวงค์วานว่านเครือของคนในรัฐบาล
.....ไม่เคยใครไปขัดขวางรัฐบาลไม่ให้ขายข้าวที่เก็บอยู่ในโกดังเพื่อเอาเงินมาชำระให้แก่ชาวนา
.....ที่น่าสงสัยก็คือในขณะนี้ไม่มีข้าวเหลืออยู่ในโกดังแล้ว เพราะถ้ามีข้าวเหลืออยู่ ทำไมรัฐบาลไม่ขายข้าวหริอที่ไม่ยอมขายเพราะจะเก็บไว้ขายให้แก่คนกันเองใน ราคาถูก
.....ที่ธนาคารของรัฐไม่ยอมให้รัฐบาลเอาเงินที่ประชาชนนำมาฝากไว้ไปชำระให้ ชาวนา เช่น ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือ ธกส.ก็เป็นเรื่องของพนักงานของธนาคารนั้น ๆ ที่ต้องการรักษาสถานะและสภาพคล่องของธนาคาร อันเป็นวิสัยของพนักงานที่ต้องรักษาองค์กรของตนไม่ให้เกิดความเสียหาย
.....ส่วนธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ที่ไม่ยอมให้รัฐบาลกู้เงินก็เพราะต่างก็รู้ว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทน ราษฎรเมื่อวันที่ 9 ธันวามคม 2556 จึงไม่สามารถกระทำการใด ๆ ที่ให้มีผลผูกพันรัฐบาลต่อไป ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181(3) ขืนให้กู้ไปหากรัฐบาลชุดใหม่ปฏิเสธที่จะชำระหนี้ ธนาคารก็ได้รับความเสียหาย
.....โดยเฉพาะธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นธนาคารที่รัฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้บริหารและพนักงานของธนาคารจึงเป็นพนักงาน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ ต้องมีความรับผิดในทางอาญา เช่นเดียวกับข้าราชการ จึงไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะต้องถูกลงโทษจำคุก เช่น อดีตผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทยคนหนึ่งถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกมาแล้ว
.....ที่กล่าวมาทั้งหมดคือการตอบคำถามว่า ใครหว่า ?