โดนญาติเอาเงินไปหนึ่งแสนบาทแต่ไม่มีหลักฐาน แบบนี้จะเอาผิดทางกฏหมายได้หรือไม่?

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ

*ขออนุญาติเล่าเรื่องราวทั้งหมดเลยนะคะ อาจจะยาวนิดนึง.. เนื้อหาหลักๆจะอยู่ช่วงท้ายค่ะ

แม่ของดิฉันถูกจับในคดีอาญาต้องใช้เงินประกันตัวสามแสนบาท โดยทางครอบครัวของดิฉันได้ไปยืมเงินจำนวนนี้มาจากคนอื่น
แต่ในวันประกันตัว ดิฉันไม่สามารถไปทำเรื่องด้วยตัวเองได้เนื่องจากทำงานอยู่กรุงเทพ เลยได้ไหว้วานญาติสนิทช่วยทำเรื่องให้แทน
การประกันตัวเสร็จสิ้นเรียบร้อยดีค่ะ แม่ดิฉันก็ได้ออกมาสู้คดีต่อ

จนมาถึงวันที่ 24 ธ.ค ศาลนัดตัดสิน, ดิฉันมากับแม่ด้วย ญาติคนนั้นก็มาเพื่อเซ็นต์ใบมอบอำนาจให้กับดิฉันเผื่อใช้ขอประกันตัวต่อ และผลคำพิพากษาคือแม่ดิฉันต้องโทษจำคุกค่ะ ดิฉันจึงได้ยื่นเรื่องขอประกันตัวต่อโดยใช้หลักทรัพย์เดิมที่ยื่นไปในตอนแรกจำนวนสามแสนบาท แต่ทางผู้พิพากษาได้ส่งเรื่องไปที่ศาลอุทรณ์แทน เจ้าหน้าที่บอกว่าคำสั่งว่าจะได้ประกันตัวหรือไม่จะออกอย่างช้าสุดประมาณ 2 วันหรือไม่ก็อาจจะพรุ่งนี้ ดิฉันก็รอจนวันรุ่งขึ้น และคอยโทรเช็คกับเจ้าหน้าที่ทั้งวันแต่ก็ไม่มีคำสั่งออกมา แล้วคืนนั้นดิฉันก็ต้องกลับกรุงเทพ แต่หลังจากกลับมาก็ได้โทรเช็คเรื่อยๆ ประมาณ 2 วันเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าคำสั่งออกมาแล้ว แต่เนื่องด้วยดิฉันเพิ่งกลับมาทำให้ไม่สามารถไปได้ เจ้าหน้าที่เลยบอกว่าจะทำเรื่องเรียกผู้ต้องหามาฟังแทน และผลคือศาลอนุญาติให้ประกันตัวได้ค่ะ แต่ต้องเพิ่มหลักทรัพย์อีกสองแสนบาท แต่ทางครอบครัวเราไม่สามารถหาเงินเพิ่มได้อีกแล้วค่ะ

ในวันที่ 8 ม.ค แม่บอกให้ดิฉันมาหาที่ศาลเพราะศาลจะเบิกแม่ออกมา ญาติคนนั้นก็มาด้วยเหมือนกัน ดิฉันก็มารอจนถึง 10 โมงกว่าแต่ก็ไม่เห็น และรู้ทีหลังว่าแม่ไม่ได้ถูกเบิกออกมา ดิฉันกับญาติคนนั้นเลยไปหาแม่ที่เรือนจำแทน แม่บอกกับดิฉันว่าตัดสินใจที่จะไม่ขออุทรณ์และให้ดิฉันถอนเงินประกันสามแสนบาทนั้นออกมา ดิฉันจึงกลับไปที่ศาลอีกครั้งเพื่อทำเรื่องถอนเงินประกัน แต่ไม่สามารถทำได้เพราะทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งเอกสารทั้งหมดรวมถึงใบมอบอำนาจไปที่ศาลอุทรณ์ตั้งแต่วันที่ขอประกันตัวในวันตัดสิน เขาบอกว่าถ้าจะขอเอกสารคืนต้องรอประมาณ 1 เดือนซึ่งค่อนข้างนานและดิฉันก็ไม่สามารถมาได้บ่อยเพราะติดงาน เขาเลยแนะนำดิฉันว่าให้บอกคนที่ยื่นเรื่องประกันมาทำเรื่องเองจะได้เร็วกว่า ดิฉันจึงโทรหาญาติคนนั้นอีกครั้ง แต่เขาขอมาทำเรื่องให้วันพรุ่งนี้เพราะเพิ่งจะกลับถึงบ้าน(เขาอยู่ต่างอำเภอ) แต่ดิฉันบอกว่าต้องกลับกรุงเทพคืนนั้น แล้วใบแจ้งความ(*เป็นใบแจ้งความใบเสร็จรับเงินประกันหายค่ะ)ก็อยู่นี่ เราจะเจอกันได้ยังไง เขาเลยให้ดิฉันฝากไว้กับเจ้าหน้าที่แล้วพรุ่งนี้เขาจะมาเอาเอง

ดิฉันบอกได้เรื่องนี้กับครอบครัว แต่เขาอยากให้ดิฉันไปรับเงินด้วยตัวเองมากกว่าเพราะไม่ไว้ใจ เพื่อความสบายใจและไม่อยากมีปัญหาภายหลังดิฉันจึงเลื่อนตั๋วกลับกรุงเทพเป็นคืนวันที่ 9 ม.ค แทน และได้โทรบอกญาติคนนั้นอีกครั้งว่าจะพรุ่งนี้จะไปด้วย เขาก็ตกลงและนัดเจอกันที่ศาล เขาบอกจะไปถึงช่วงสายๆแล้วจะโทรมา วันนั้นดิฉันไปถึงค่อนข้างเช้าประมาณ 8 โมงเพราะจะแวะไปเยี่ยมแม่ด้วยและหลังจากที่เยี่ยมเสร็จประมาณ 10 โมงกว่า เขาก็ยังไม่โทรมา ดิฉันจึงโทรไป.. เขาบอกว่าได้ไปที่ศาลแล้วแต่เจ้าหน้าที่หาใบแจ้งความไม่เจอเพราะคนที่รับฝากเมื่อวานไม่มา ดิฉันจึงไปที่ศาลเพื่อจะขอใบแจ้งความคืนมาเก็บไว้กับตัว แต่ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ติดประชุมกันหมด ช่วงบ่ายถึงจะมีเวลาหาให้ ดิฉันจึงจำเป็นต้องรอ ระหว่างนั้นดิฉันก็ได้โทรบอกญาติคนนั้นว่าจะเก็บใบแจ้งความไว้เองเพราะกลัวหาย แล้วพี่ว่างวันไหนเราค่อยนัดกันไปถอนเงินอีกที แต่เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้จะไปทำเรื่องเลยและโอนเงินเข้าบัญชีให้ ในตอนนั้นดิฉันไม่มีทางเลือกและไม่อยากทำเหมือนกับว่าเราไม่ไว้ใจเขา เพราะเขาช่วยเหลือมาตลอดตั้งแต่แม่ถูกจับและคิดว่าต่อไปยังต้องพึ่งเขาอยู่ ดิฉันเลยจำเป็นต้องทำตามที่เขาบอกแล้วก็กลับกรุงเทพในคืนนั้น

วันที่ 10 ม.ค ดิฉันโทรถามความคืบหน้า เขาบอกว่าชื่อเขาในเช็คที่ศาลออกให้มันไม่ตรงอะไรสักอย่าง (ยอมรับค่ะว่าเป็นความสะเพร่าของดิฉันเองที่ไม่ยอมฟังให้เข้าใจ) วันจันทร์เขาจะไปทำเรื่องที่ธนาคารให้ ซึ่งดิฉันก็ตกลง แต่พอถึงวันก็ไม่มีการโอนเงินเข้ามาและไม่มีการติดต่อใดๆ วันอังคารดิฉันจึงโทรไปหาเขาอีก เขาบอกว่าตอนนี้ติดสัมนาอยู่ต่างจังหวัดจะกลับก็วันศุกร์หน้า(วันที่ 18 ม.ค) ตอนนั้นดิฉันเริ่มรู้สึกแปลกๆ และเริ่มทำใจแล้วค่ะ

วันที่ 18 ม.ค ก็ยังไม่มีการโอนเงินเข้ามาเช่นเคย ดิฉันเลยโทรไปอีก เขาก็บอกว่ายังไม่ว่างเข้าไปในเมือง ดิฉันเลยอ้างว่าต้องรีบใช้เงินจ้างรถย้ายของที่บ้านไปบ้านญาติอีกคน นัดเขาไว้แล้วอาทิตย์ที่ 26 ม.ค (เขาไม่รู้ค่ะว่าเงินสามแสนเป็นเงินที่ยืมมา) ตอนนั้นเขารับปากเหมือนเดิมค่ะว่าจะโอนเงินให้แล้วก็ผลัดมาเรื่อยๆจนถึงวันที่ 24 ม.ค ก็มีเงินโอนเข้าค่ะแต่แค่สองแสนบาท ดิฉันโทรถามเขา เขาบอกว่าขอยืมก่อนหนึ่งแสน ขอเก็บไว้ในบัญชีก่อนเพราะจะทำเรื่องกู้เงินกับธนาคาร ตอนที่ได้ยินดิฉันพูดไม่ออกเลยค่ะ ไม่คิดว่าเขาจะทำกับเราแบบนี้จริงๆ แต่ก็พยายามคุยกับเขาดีๆ ถามเขาว่าทำไมพี่ไม่ขอก่อ ทำไมพี่ถึงเอาไปเลยแบบนี้ เขาก็บอกว่า คิดว่าดิฉันไม่ได้ใช้อะไร (*บ้านดิฉันมีปัญหาเรื่องเงินค่ะ ซึ่งเขาก็รู้ดี) ดิฉันจึงบอกเขาไปว่าเงินนั้นดิฉันยืมเขาอีกที ต้องเอาไปคืน เขาก็เงียบไปสักพักและบอกให้ดิฉันช่วยคุยกับคนที่ยืมเงินมาให้หน่อยว่าเขาขอยืมต่อ แต่ดิฉันไม่คุยค่ะ เพราะไม่มั่นใจว่าเขาจะคืนเงินจริงๆ ดิฉันอยากให้เรื่องมันจบเพราะแค่เรื่องแม่ดิฉันก็เครียดมากแล้ว ดิฉันเลยพยายามขอร้องให้เขาโอนหนึ่งแสนบาทที่เหลือมาให้ในวันนั้น แต่คุยกันอยู่สักพัก เขาก็บอกว่าได้ใช้ไปแล้วบางส่วน ตอนนี้เหลืออยู่เจ็ดหมื่น (พูดไม่ออกรอบสองเลยค่ะ) ดิฉันจึงขอให้เขาโอนเจ็ดหมื่นคืนมาภายในวันจันทร์ที่ 27 ม.ค เขาก็ตกลงจะโอนคืนให้ ส่วนสามหมื่นเขาขอใช้คืนสิ้นเดือน

วันที่ 27 ม.ค ดิฉันก็รอแต่ก็ไม่มีการโอนเงินใดๆเข้ามา เลยได้โทรไปถามอีก เขาบอกว่าตอนนี้ติดธุระอยู่ต่างอำเภอ ขอเลื่อนเป็นวันศุกร์ที่ 31 ม.ค ได้ไหม ดิฉันก็ตกลงเพราะไม่รู้จะทำยังไง ตอนนั้นพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบเพื่อให้เขาเห็นใจคืนเงินมาให้ดีๆและรักษาความเป็นญาติของเราไว้

วันที่ 31 ม.ค ก็ยังไม่มีเงินเข้าโดยเขาอ้างว่ายังไม่ว่าง ดิฉันก็บอกเขาว่าพี่นัดเองนะว่าวันนี้จะโอนให้ ทำไมถึงบอกว่าไม่ว่างอีกแล้ว เขาตอบกลับเสียงแข็งมาว่า "แล้วจะให้ทำยังไงก็พี่ไม่ว่าง?" ดิฉันพูดไม่ออกเลยค่ะ ตอนนั้นเริ่มมีอารมณ์ทั้งคู่ แต่ดิฉันพยายามตั้งสติแล้วก็พูดกับเขาว่าอย่าทำแบบนี้ เงินส่วนนี้ต้องคืนเค้า ดิฉันพยายามอธิบายและขอความเห็นใจจากเขาแต่เขาก็สวนกลับมาเสียงแข็งเหมือนเดิมว่า "เงินก็อยู่ในธนาคารนั่นแหละ มันไม่ไปไหนหรอก ไม่ต้องกลัว" ดิฉันก็ย้ำเขาไปอีกว่าพี่เป็นคนนัดไม่ใช่เหรอว่าวันนี้(ตอนนั้นไม่รู้จะพูดยังไงแล้วค่ะ) เขาก็พูดประโยคเดิมเลยค่ะว่าไม่ว่าง จะให้ทำไง แล้วก็บอกว่าถ้าว่างจะโอนให้ ..วันนั้นเรายังคุยกันไม่รู้เรื่องค่ะเขาตัดสายไปก่อน

และวันที่ 7 ก.พ ก็ไม่มีการโอนเงินที่เหลือมาให้เหมือนเดิม เมื่อวานดิฉันโทรไปก็ไม่รับสาย วันนี้โทรไปอีกก็ไม่รับสายเหมือนเดิม..

ดิฉันอยากจะขอคำปรึกษาจากทุกคนว่าดิฉันควรทำอย่างไรดี มีทางไหนเอาผิดกับเขาได้บ้างคะ? หรือได้เงินคืนมาสักนิดก็ยังดีค่ะ
ขอคำปรึกษาด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่