เครดิต stormclub
http://www.stormclub.com/scoops/index.php?section=1200&x=10&y=4&p=1
http://www.youtube.com/watch?v=Stmu0PEUQX4
*** การแบนโค้ง มากน้อยแค่ไหน ท่าทางการควบคุมรถ การขับขี่เวลาเข้าโค้ง
ด้วยความเร็วต่างๆกัน มีผลมาก เป็น Basic ที่ไม่ควรลืม ***
ทำให้เกิดเทคนิคการเข้าโค้งเพื่อรักษาสมดุลและเพื่อความปลอดภัยในการเข้าโค้ง แต่ก่อนที่จะพูดถึงเทคนิคการเข้าโค้งนั้น เราจะพูดถึงลักษณะและท่าทางในการเข้าโค้งกันก่อน
นี่คือท่าทางในการควบคุมรถในการขับขี่เวลาเข้าโค้งด้วยความเร็วต่างๆกัน
เนื่องจากท่าทางการขับขี่ขณะเข้าโค้งนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ แต่ละแบบให้ความปลอดภัยและมีจุดเด่นจุดด้อยต่างกัน โดยจะแบ่งตามลักษณะท่านั่ง
ของผู้ขับขี่ที่เป็นส่วนสำคัญในการบังคับควมคุมรถแบ่งออกเป็น 4 แบบคือ
1. แบบ Lean-out การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะถ่วงน้ำหนักตัวค่อนไปทางด้านนอกโค้ง โดย
ตัวรถจะเอียงเข้าไปด้านในโค้งเล็กน้อย ซึ่งจะเหมาะสำหรับสภาพผิวทางโค้งที่ลื่นไถลได้ง่าย การเข้าโค้งในลักษณะ Lean-out จึงพบมากในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์วิบาก
เนื่องจากสามารถควบคุมรถแม้เมื่อเกิดการลื่นไถลได้ดี
2. แบบ Lean-with การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวรถ กล่าวคือทั้งรถและผู้ขับขี่จะเอียงไปเท่าๆกัน ซึ่งเหมาะสำหรับ
การใช้งานปกติเพราะผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนทิศทางและควบคุมรถได้ง่าย มือและเท้ายังคงทำงานได้อย่างสะดวก เป็นท่าทางการเข้าโค้งแบบมาตรฐานของการขับขี่
แบบปลอดภัยในชีวิตประจำวัน
3. แบบ Lean-in การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะถ่วงน้ำหนักไปทางด้านในโค้งโดยเอียงมากกว่าตัวรถเล็กน้อย เหมาะสำหรับการเข้าโค้ง
ที่ต้องการความเร็วและมั่นใจในการยึดเกาะของรถได้ การเข้าโค้งแบบนี้จะให้ความคล่องตัวในการบังคับควบคุมน้อยกว่าแบบ Lean-with
4. แบบ Hang-on การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะถ่วงน้ำหนักตัวไปด้านในโค้งมากจนอยู่ในลักษณะโหนรถ เพื่อเอาชนะแรงเหวี่ยงมากๆ
จากการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะสามารถควบคุมรถได้ยากไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานปกติส่วนมากแล้วจะใช้เฉพาะในสนามแข่งทางเรียบเท่านั้น
จากท่าทางการเข้าโค้ง 4 แบบที่กล่าวมา เราจะพบว่าการขับขี่เข้าโค้งแบบ Lean-with เป็นท่าที่เหมาะสมและให้ความปลอดภัยมากที่สุด
ตลอดจนเป็นท่าทางที่ต่อเนื่องมาจากท่าทางการขับขี่ปกติ ผู้ขับขี่จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนท่าก่อนหรือในขณะเข้าโค้ง กล่าวคือ เท้าทั้งสองอยู่บนพักเท้า หัวเข่าแนบกระชับถังน้ำมัน
แต่ที่แตกต่างออกไปก็คือจากที่รถอยู่ในลักษณะตั้งตรงมาอยู่ในลักษณะเอียงและที่สำคัญก็คือไม่ว่าจะเอียงมากน้อยแค่ไหน ศีรษะจะต้องตั้งตรงเท่านั้น การที่ศีรษะตั้งตรงนี้ทำให้เรา
สามารถอ่านเหตุการณ์ข้างหน้าและรักษาสมดุลของร่างกายกับตัวรถได้
ในการเข้าโค้งแต่ละโค้งนั้นเทคนิคสำคัญก็คือ “ไลน์” หรือทางวิ่งที่เหมาะสมเพื่อให้รัศมีของการเข้าโค้งกว้างขึ้น จึงต้องมีการกำหนด “ไลน์” ของโค้งก่อนเสมอ ซึ่งวิธีกำหนดไลน์
ที่นิยมและได้ผลดีที่สุดก็คือ ไลน์out-in-out กล่าวคือสมมติเราเข้าโค้งด้านซ้ายเราจะชิดขวาก่อนเข้าโค้งค่อยๆเอียงรถเข้าด้านในโค้ง และเร่งออกจากโค้งช้าๆ ทั้งนี้ผู้ขับขี่จะต้อง
ใช้ความเร็วที่เหมาะสมตลอดจนสังเกตความกว้าง , แคบของโค้งจึงจะสามารถเข้าโค้งได้อย่างราบรื่นสม่ำเสมอ เพราะถึงแม้ว่าจะมีความชำนาญมากแต่ถ้าใช้ความเร็วสูงเกินไป
ก็จะทำให้เกิดอันตรายได้ง่าย
การเข้าโค้งอย่างปลอดภัย มีองค์ประกอบหลักสำคัญอยู่ 3 ประการคือ ความเร็ว , การเตรียมตัวก่อนเข้าโค้ง (เบาเครื่อง , เบรก , เปลี่ยนเกียร์ และการใช้สายตา) ประการสุดท้ายก็คือ การเร่งเครื่องออกจากโค้ง ซึ่งสรุปเทคนิคการเข้าโค้งโดยย่อได้เป็นขั้นตอนดังนี้
1.ลดความเร็วให้เหมาะสมตั้งแต่อยู่ในทางตรงก่อนเข้าโค้ง ถ้าเป็นโค้งที่ไม่เคยผ่านมาก่อนต้องลดความเร็วมากเพื่อความปลอดภัย (ยิ่งเร็วก็ต้องยิ่งเอียงรถมากด้วย)
2.ใช้สายตามองเข้าไปในโค้งเพื่อดูสภาพผิวทางให้แน่ใจก่อนที่จะเอียงรถเข้าไป
3.เมื่อเอียงรถเข้าไปแล้วพยายามรักษาลักษณะท่านั่งและความสมดุลของแรงเหวี่ยงเอาไว้ และใช้คันเร่งช่วยเบาๆเมื่อทำท่าจะเสียสมดุลพับลงในโค้ง (แสดงว่าใช้ความเร็วน้อยไป) สายตามองไกลออกจากโค้งอย่าก้มหน้ามองอยู่ในโค้งหรือหน้ารถ อย่าเกร็งหรือปล่อยตัวตามสบายจนเกินไปเพราะจะทำให้การบังคับควบคุมไม่ดีพอ อาจจะแหกโค้ง หรือเสียการทรงตัวอยู่ในโค้ง
4.เมื่อกำลังจะผ่านโค้งหรือมองเห็นทางข้างหน้าแล้วจึงค่อยๆเร่งเครื่องเพื่อเพิ่มความเร็วและเพื่อให้ตัวรถตั้งตรงขึ้น หลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องยนต์รวดเร็วเพราะจะทำให้เกิดการลื่นไถลได้ง่าย และรักษาขอบเขตของความปลอดภัยในขณะเข้าโค้งอย่างสม่ำเสมอ (รู้ขีดความสามารถของตัวเองและรถ) ที่สำคัญห้ามบีบคลัทช์ขณะเข้าโค้งโดยเด็ดขาด
เทคนิคอีกอย่างในการขับขี่ที่ถูกต้องและปลอดภัย คือการคาดคะเนระยะทางการใช้ความเร็ว และการตัดสินใจ
ซึ่งทั้งสามอย่างสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันโดยตลอด
ท่าทางในการควบคุมรถในการขับขี่เวลาเข้าโค้งด้วยความเร็วต่างๆกัน
เพื่อให้สามารถควบคุมรถอยู่ได้ แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ได้ถือว่าปลอดภัยไปทั้งหมด เพราะต้องเรียนรู้
ในการใช้เบรค ใช้คลัตช์ ใช้คันเร่ง ในโค้งด้วย เพื่อประกอบในในการเข้าโค้งได้ดี...
ในความเร็วต่ำๆ คงไม่เท่าไรครับ แต่ถ้ารถใหญ่ๆและใช้ความเร็วสูงๆ
ต้องเรียนรู้ การใช้ เบรค คลัตช์ คันเร่ง Engine Brake ให้แม่นๆ ไม่งั้นมีเก็บเห็ดข้างทางแน่ๆ...
http://www.youtube.com/watch?v=ZfYAokYX6p0
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=fPnkDd0cepg
http://www.youtube.com/watch?v=Z5_Zc2mpBX0
ก่อนเข้าโค้ง ประเมินความโค้งว่ามากน้อยแค่ไหน สภาพถนนเป็นอย่างไร
และจัดการ แต่งความเร็วรถก่อนถึงโค้งให้เสร็จก่อนเข้าโค้ง ทั้งการผ่อนคันเร่ง และแตะเบรค
การเปลี่ยนความเร็วในโค้ง มีผลต่อสมดุลย์ของตัวรถ การทรงตัวของรถอย่างมากพยายามเลี่ยงให้มากที่สุด
โดยเฉพาะที่สำคัญ คือ ห้ามเปลี่ยนเกียร์ หรือ บีบ คลัตช์ ในโค้ง ซึ่งจะทำให้รถกระตุกเสียการทรงตัว
แม้แต่การใช้เบรค ก็ควรใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ใช้เมื่อมันคุมความเร็วไม่ได้จริงๆ และทำอย่างนุ่มนวล
ห้ามเบรครุนแรงการเลือกใช้ Engine Brake ช่วยได้แน่ ทั้งการ ควบคุม รถและการทรงตัว
อยู่ที่การใช้ ว่าคุณใช้ได้ดี ถูก...ที่ ถูก...เวลา ถูกต้อง นุ่มๆ ... ไม่กระชาก การฝึก ฝน จนชำนาญ ได้ใช้แน่
http://www.youtube.com/watch?v=nywcpgiXw5A
http://www.youtube.com/watch?v=hKKSiYo-GNI
เมื่อเข้าถึงโค้ง ต้องมองข้ามโค้งไปข้างหน้าและหันหน้ามองไปตามทางโค้ง
ซึ่งการมองจะทำให้ท่าทางการขับขี่ เราจะบังคับรถให้ไปตามโค้ง
*** ถ้าไม่มองตามโค้งมีสิทธิ์ แหก หลุดโค้ง ... ***
เวลาอยู่ในโค้ง อย่ายุ่งกับเกียร์ครับ ให้ชะลอรถด้วยการ เบรค / ตบเกียร์ลง ให้เรียบร้อยก่อนเข้าโค้ง
พออยู่ในโค้งก็คอยประคองคันเร่ง หรืออาจใช้เบรคเท้าตกแต่งความเร็วเล็กน้อย
แล้วก็ให้หันมองไปปลายโค้ง อย่าก้มมองแต่หน้ารถ
จากคอร์ส basic bigbike
***** ครูฝึกจะให้สูตรว่า เอ้า.... เบรค... ปล่อยไหล... หันมอง... ******
//// การเข้าโค้ง เข้าให้ช้า .... ออกให้ไว ... ////
ส่วนเรื่องการแบนโค้งมากน้อยแค่ไหน นั่น ก็แล้ว แต่ประสบการณ์แต่ละคนที่จะบอกได้ว่า . . . . แค่ไหนพอดีเอาอยู่
ประเมินความโค้งว่ามากน้อยแค่ไหน สภาพถนนเป็นอย่างไร
**** ที่สำคัญสุดคือสภาพถนนบริเวณโค้ง
มีผลต่อการยึดเกาะ ของยาง ถ้าถนนมีฝุ่น เปียก ลื่น คราบน้ำมัน ยางดีแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ ******
***** แชร์เป็นประสบการณ์กันครับ เพื่อให้เพื่อนสมาชิก ระมัดระวังกัน ******
จังหวะการขี่ที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่สำคัญ บางคนมีความเชื่อว่าขี่รถช้าจะปลอดภัย ในขณะที่บางคน
เชื่อว่าขี่รถเร็วจะปลอดภัย สิ่งที่จะบอกได้ว่าขี่ช้าหรือเร็วจะปลอดภัยกว่ากันคือ สภาพแวดล้อมในการขี่รถ
เช่น การจราจร สภาพถนน สภาพอากาศ สภาพรถที่เราขี่อยู่ เป็นต้น
การที่จะขี่รถได้ปลอดภัยเราควรคำนึงถึงสิ่งรอบตัวเป็นหลัก รู้จักใช้จังหวะในการขี่รถที่เหมาะสม,
ใช้ความเร็วที่เหมาะสม เช่น ขี่ช้าในเมืองที่มีสภาพการจราจรที่ติดขัด ขี่เร็วขึ้นเมื่อถนนโล่ง
แต่ไม่เร็วเกินความสามารถของเรา
ซึ่งในสถาพถนนปกติ การที่เราใช้ความเร็วมากกว่าสภาพการจราจรโดยรอบเล็กน้อย
จะช่วยให้เราปลอดภัยกว่าการใช้ความเร็วเท่ากัน หรือ ช้ากว่า
นอกจากนี้เราสมควรที่จะมองหา “ทางออกฉุกเฉิน” เผื่อไว้ด้วยตลอดเวลา เช่น กรณีที่มีการเบรกกระทันหัน
นอกจากเราจะต้องกะระยะและน้ำหนักกดเบรกแล้วเรายังต้องเผื่อหาพื้นที่ในการหลบด้วย เพื่อกรณีที่เรา
กดเบรกตามแผนแล้วแต่ระยะทางไม่พอ จะได้ไม่ต้องใช้กันชนคันหน้าในการหยุดรถ
*** พยายามมองกระจกหลังบ่อยๆๆ มีเหตุการณ์ข้างหน้าจะได้มีช่องทางหลบหลีก ***
http://www.youtube.com/watch?v=YTilNolxNx4
http://www.youtube.com/watch?v=C6Pl-KZtzac
http://www.youtube.com/watch?v=-YAiXqOwkmE
**** ที่สำคัญสุดคือสภาพถนนบริเวณโค้ง มีผลต่อการยึดเกาะ ของยาง
ถ้าถนนมีฝุ่น เปียก ลื่น คราบน้ำมัน ยางดีแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ รวมทั้งสภาพยางของรถเราด้วย
ถ้ายางเสื่อมสภาพ *** เน้นว่าเสื่อมสภาพ .. คือยางตายที่ไม่มีความยืดหยุ่น ยางเก่าเก็บ
ซึ่งไม่ใช่ยางหมดดอก ยางหมดดอก มีผลกับการวิ่งบนถนนที่มีน้ำขัง ฝนตก ดอกยางช่วยในการรีดน้ำ
ถ้ายางปกติถึงขั้นหมดดอก ควรจะเปลี่ยน ดีกว่า สำคัญมาก ยาง การเติมลมยาง มีผลต่อการเข้าโค้งอย่างมาก ***
http://www.youtube.com/watch?v=iCVHxcRmH4c
http://www.youtube.com/watch?v=Stmu0PEUQX4
เทคนิคการเลี้ยวโดยใช้วิธี Counter Steering
http://www.cbr650f.com/forum/index.php/topic,109.0.html
มิติโลกหลังเที่ยงคืน (เจาะลึก...รู้รอบตัว - มอเตอร์ไซค์) 9 ธันวาคม 2554... คลิป...ทฤษฎี และอื่นๆๆ
http://music.ohozaa.com/my/thaiTVPlayer.jsp?guid=20111212014040
( ดูนาทีที่ 37.5-39.5 เรื่อง Counter Steering )
Counter Steering ก็คือการเลี้ยวโดยหักแฮนด์สวนทางกับทางที่จะเลี้ยว เช่น จะเลี้ยวไปทางซ้ายให้หักแฮนด์ไปทางขวา จะเลี้ยวไปทางขวาให้หักแฮนด์ไปทางซ้าย อ่านแล้วคงคิดในใจว่าคนเขียนมันบ้าไปแล้วแน่ จะเป็นไปได้ยังไง จะเลี้ยวไปทางไหนก็ต้องหันแฮนด์ไปทางนั้นสิ ใช่ครับ เลี้ยวทางไหนก็หันแฮนด์ไปทางนั้นแหละ แต่ความจริงคือ จังหวะก่อนที่เราจะเลี้ยวเพียงเสี้ยววินาทีนั้น แฮนด์รถจะหักสวนทางเสมอ แค่นิดเดียวและแป๊บเดียวเองครับ ใครขี่จักรยานเก่งๆ ลองทดสอบง่ายๆ ให้ขี่จักรยานแล้วปล่อยมือครับ แล้วลองเอียงตัวไปด้านซ้ายเพื่อบังคับให้รถเลี้ยวไปทางซ้าย จังหวะก่อนรถจะเลี้ยวนั้น แฮนด์จะสะบัดไปทางขวาแล้วรถก็จะเอียงมาทางซ้าย จากนั้นแฮนด์จะสะบัดกลับมาตั้งตรงเหมือนเดิม ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดจะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที และจริงๆ แล้วทุกคนก็ทำโดยธรรมชาติอยู่แล้วเพียงแต่ไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง
:10: เหตุการณ์นี้อธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ง่ายๆ คือ วัตถุวงกลม (ซึ่งก็คือล้อรถ) จะรักษาสภาพการเคลื่อนที่ไว้เสมอตราบใดที่ยังมีแรงเคลื่อนที่อยู่ เช่น เหรียญบาทที่กำลังกลิ้ง เมื่อหมดแรงถ้ามันบิดไปทางขวาก็จะล้มซ้าย ถ้าบิดซ้ายจะล้มขวา พอนึกภาพออกไหมครับ รถมอเตอร์ไซค์ก็เป็นเช่นเดียวกัน
เก็บมาฝากครับ ///// การแบนโค้ง ท่าทางการขี่เข้าโค้ง (เพิ่มคู่มือ) //////
http://www.stormclub.com/scoops/index.php?section=1200&x=10&y=4&p=1
http://www.youtube.com/watch?v=Stmu0PEUQX4
*** การแบนโค้ง มากน้อยแค่ไหน ท่าทางการควบคุมรถ การขับขี่เวลาเข้าโค้ง
ด้วยความเร็วต่างๆกัน มีผลมาก เป็น Basic ที่ไม่ควรลืม ***
ทำให้เกิดเทคนิคการเข้าโค้งเพื่อรักษาสมดุลและเพื่อความปลอดภัยในการเข้าโค้ง แต่ก่อนที่จะพูดถึงเทคนิคการเข้าโค้งนั้น เราจะพูดถึงลักษณะและท่าทางในการเข้าโค้งกันก่อน
นี่คือท่าทางในการควบคุมรถในการขับขี่เวลาเข้าโค้งด้วยความเร็วต่างๆกัน
เนื่องจากท่าทางการขับขี่ขณะเข้าโค้งนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ แต่ละแบบให้ความปลอดภัยและมีจุดเด่นจุดด้อยต่างกัน โดยจะแบ่งตามลักษณะท่านั่ง
ของผู้ขับขี่ที่เป็นส่วนสำคัญในการบังคับควมคุมรถแบ่งออกเป็น 4 แบบคือ
1. แบบ Lean-out การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะถ่วงน้ำหนักตัวค่อนไปทางด้านนอกโค้ง โดย
ตัวรถจะเอียงเข้าไปด้านในโค้งเล็กน้อย ซึ่งจะเหมาะสำหรับสภาพผิวทางโค้งที่ลื่นไถลได้ง่าย การเข้าโค้งในลักษณะ Lean-out จึงพบมากในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์วิบาก
เนื่องจากสามารถควบคุมรถแม้เมื่อเกิดการลื่นไถลได้ดี
2. แบบ Lean-with การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวรถ กล่าวคือทั้งรถและผู้ขับขี่จะเอียงไปเท่าๆกัน ซึ่งเหมาะสำหรับ
การใช้งานปกติเพราะผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนทิศทางและควบคุมรถได้ง่าย มือและเท้ายังคงทำงานได้อย่างสะดวก เป็นท่าทางการเข้าโค้งแบบมาตรฐานของการขับขี่
แบบปลอดภัยในชีวิตประจำวัน
3. แบบ Lean-in การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะถ่วงน้ำหนักไปทางด้านในโค้งโดยเอียงมากกว่าตัวรถเล็กน้อย เหมาะสำหรับการเข้าโค้ง
ที่ต้องการความเร็วและมั่นใจในการยึดเกาะของรถได้ การเข้าโค้งแบบนี้จะให้ความคล่องตัวในการบังคับควบคุมน้อยกว่าแบบ Lean-with
4. แบบ Hang-on การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะถ่วงน้ำหนักตัวไปด้านในโค้งมากจนอยู่ในลักษณะโหนรถ เพื่อเอาชนะแรงเหวี่ยงมากๆ
จากการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะสามารถควบคุมรถได้ยากไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานปกติส่วนมากแล้วจะใช้เฉพาะในสนามแข่งทางเรียบเท่านั้น
จากท่าทางการเข้าโค้ง 4 แบบที่กล่าวมา เราจะพบว่าการขับขี่เข้าโค้งแบบ Lean-with เป็นท่าที่เหมาะสมและให้ความปลอดภัยมากที่สุด
ตลอดจนเป็นท่าทางที่ต่อเนื่องมาจากท่าทางการขับขี่ปกติ ผู้ขับขี่จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนท่าก่อนหรือในขณะเข้าโค้ง กล่าวคือ เท้าทั้งสองอยู่บนพักเท้า หัวเข่าแนบกระชับถังน้ำมัน
แต่ที่แตกต่างออกไปก็คือจากที่รถอยู่ในลักษณะตั้งตรงมาอยู่ในลักษณะเอียงและที่สำคัญก็คือไม่ว่าจะเอียงมากน้อยแค่ไหน ศีรษะจะต้องตั้งตรงเท่านั้น การที่ศีรษะตั้งตรงนี้ทำให้เรา
สามารถอ่านเหตุการณ์ข้างหน้าและรักษาสมดุลของร่างกายกับตัวรถได้
ในการเข้าโค้งแต่ละโค้งนั้นเทคนิคสำคัญก็คือ “ไลน์” หรือทางวิ่งที่เหมาะสมเพื่อให้รัศมีของการเข้าโค้งกว้างขึ้น จึงต้องมีการกำหนด “ไลน์” ของโค้งก่อนเสมอ ซึ่งวิธีกำหนดไลน์
ที่นิยมและได้ผลดีที่สุดก็คือ ไลน์out-in-out กล่าวคือสมมติเราเข้าโค้งด้านซ้ายเราจะชิดขวาก่อนเข้าโค้งค่อยๆเอียงรถเข้าด้านในโค้ง และเร่งออกจากโค้งช้าๆ ทั้งนี้ผู้ขับขี่จะต้อง
ใช้ความเร็วที่เหมาะสมตลอดจนสังเกตความกว้าง , แคบของโค้งจึงจะสามารถเข้าโค้งได้อย่างราบรื่นสม่ำเสมอ เพราะถึงแม้ว่าจะมีความชำนาญมากแต่ถ้าใช้ความเร็วสูงเกินไป
ก็จะทำให้เกิดอันตรายได้ง่าย
การเข้าโค้งอย่างปลอดภัย มีองค์ประกอบหลักสำคัญอยู่ 3 ประการคือ ความเร็ว , การเตรียมตัวก่อนเข้าโค้ง (เบาเครื่อง , เบรก , เปลี่ยนเกียร์ และการใช้สายตา) ประการสุดท้ายก็คือ การเร่งเครื่องออกจากโค้ง ซึ่งสรุปเทคนิคการเข้าโค้งโดยย่อได้เป็นขั้นตอนดังนี้
1.ลดความเร็วให้เหมาะสมตั้งแต่อยู่ในทางตรงก่อนเข้าโค้ง ถ้าเป็นโค้งที่ไม่เคยผ่านมาก่อนต้องลดความเร็วมากเพื่อความปลอดภัย (ยิ่งเร็วก็ต้องยิ่งเอียงรถมากด้วย)
2.ใช้สายตามองเข้าไปในโค้งเพื่อดูสภาพผิวทางให้แน่ใจก่อนที่จะเอียงรถเข้าไป
3.เมื่อเอียงรถเข้าไปแล้วพยายามรักษาลักษณะท่านั่งและความสมดุลของแรงเหวี่ยงเอาไว้ และใช้คันเร่งช่วยเบาๆเมื่อทำท่าจะเสียสมดุลพับลงในโค้ง (แสดงว่าใช้ความเร็วน้อยไป) สายตามองไกลออกจากโค้งอย่าก้มหน้ามองอยู่ในโค้งหรือหน้ารถ อย่าเกร็งหรือปล่อยตัวตามสบายจนเกินไปเพราะจะทำให้การบังคับควบคุมไม่ดีพอ อาจจะแหกโค้ง หรือเสียการทรงตัวอยู่ในโค้ง
4.เมื่อกำลังจะผ่านโค้งหรือมองเห็นทางข้างหน้าแล้วจึงค่อยๆเร่งเครื่องเพื่อเพิ่มความเร็วและเพื่อให้ตัวรถตั้งตรงขึ้น หลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องยนต์รวดเร็วเพราะจะทำให้เกิดการลื่นไถลได้ง่าย และรักษาขอบเขตของความปลอดภัยในขณะเข้าโค้งอย่างสม่ำเสมอ (รู้ขีดความสามารถของตัวเองและรถ) ที่สำคัญห้ามบีบคลัทช์ขณะเข้าโค้งโดยเด็ดขาด
เทคนิคอีกอย่างในการขับขี่ที่ถูกต้องและปลอดภัย คือการคาดคะเนระยะทางการใช้ความเร็ว และการตัดสินใจ
ซึ่งทั้งสามอย่างสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันโดยตลอด
ท่าทางในการควบคุมรถในการขับขี่เวลาเข้าโค้งด้วยความเร็วต่างๆกัน
เพื่อให้สามารถควบคุมรถอยู่ได้ แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ได้ถือว่าปลอดภัยไปทั้งหมด เพราะต้องเรียนรู้
ในการใช้เบรค ใช้คลัตช์ ใช้คันเร่ง ในโค้งด้วย เพื่อประกอบในในการเข้าโค้งได้ดี...
ในความเร็วต่ำๆ คงไม่เท่าไรครับ แต่ถ้ารถใหญ่ๆและใช้ความเร็วสูงๆ
ต้องเรียนรู้ การใช้ เบรค คลัตช์ คันเร่ง Engine Brake ให้แม่นๆ ไม่งั้นมีเก็บเห็ดข้างทางแน่ๆ...
http://www.youtube.com/watch?v=ZfYAokYX6p0
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=fPnkDd0cepg
http://www.youtube.com/watch?v=Z5_Zc2mpBX0
ก่อนเข้าโค้ง ประเมินความโค้งว่ามากน้อยแค่ไหน สภาพถนนเป็นอย่างไร
และจัดการ แต่งความเร็วรถก่อนถึงโค้งให้เสร็จก่อนเข้าโค้ง ทั้งการผ่อนคันเร่ง และแตะเบรค
การเปลี่ยนความเร็วในโค้ง มีผลต่อสมดุลย์ของตัวรถ การทรงตัวของรถอย่างมากพยายามเลี่ยงให้มากที่สุด
โดยเฉพาะที่สำคัญ คือ ห้ามเปลี่ยนเกียร์ หรือ บีบ คลัตช์ ในโค้ง ซึ่งจะทำให้รถกระตุกเสียการทรงตัว
แม้แต่การใช้เบรค ก็ควรใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ใช้เมื่อมันคุมความเร็วไม่ได้จริงๆ และทำอย่างนุ่มนวล
ห้ามเบรครุนแรงการเลือกใช้ Engine Brake ช่วยได้แน่ ทั้งการ ควบคุม รถและการทรงตัว
อยู่ที่การใช้ ว่าคุณใช้ได้ดี ถูก...ที่ ถูก...เวลา ถูกต้อง นุ่มๆ ... ไม่กระชาก การฝึก ฝน จนชำนาญ ได้ใช้แน่
http://www.youtube.com/watch?v=nywcpgiXw5A
http://www.youtube.com/watch?v=hKKSiYo-GNI
เมื่อเข้าถึงโค้ง ต้องมองข้ามโค้งไปข้างหน้าและหันหน้ามองไปตามทางโค้ง
ซึ่งการมองจะทำให้ท่าทางการขับขี่ เราจะบังคับรถให้ไปตามโค้ง
*** ถ้าไม่มองตามโค้งมีสิทธิ์ แหก หลุดโค้ง ... ***
เวลาอยู่ในโค้ง อย่ายุ่งกับเกียร์ครับ ให้ชะลอรถด้วยการ เบรค / ตบเกียร์ลง ให้เรียบร้อยก่อนเข้าโค้ง
พออยู่ในโค้งก็คอยประคองคันเร่ง หรืออาจใช้เบรคเท้าตกแต่งความเร็วเล็กน้อย
แล้วก็ให้หันมองไปปลายโค้ง อย่าก้มมองแต่หน้ารถ
จากคอร์ส basic bigbike
***** ครูฝึกจะให้สูตรว่า เอ้า.... เบรค... ปล่อยไหล... หันมอง... ******
//// การเข้าโค้ง เข้าให้ช้า .... ออกให้ไว ... ////
ส่วนเรื่องการแบนโค้งมากน้อยแค่ไหน นั่น ก็แล้ว แต่ประสบการณ์แต่ละคนที่จะบอกได้ว่า . . . . แค่ไหนพอดีเอาอยู่
ประเมินความโค้งว่ามากน้อยแค่ไหน สภาพถนนเป็นอย่างไร
**** ที่สำคัญสุดคือสภาพถนนบริเวณโค้ง
มีผลต่อการยึดเกาะ ของยาง ถ้าถนนมีฝุ่น เปียก ลื่น คราบน้ำมัน ยางดีแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ ******
***** แชร์เป็นประสบการณ์กันครับ เพื่อให้เพื่อนสมาชิก ระมัดระวังกัน ******
จังหวะการขี่ที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่สำคัญ บางคนมีความเชื่อว่าขี่รถช้าจะปลอดภัย ในขณะที่บางคน
เชื่อว่าขี่รถเร็วจะปลอดภัย สิ่งที่จะบอกได้ว่าขี่ช้าหรือเร็วจะปลอดภัยกว่ากันคือ สภาพแวดล้อมในการขี่รถ
เช่น การจราจร สภาพถนน สภาพอากาศ สภาพรถที่เราขี่อยู่ เป็นต้น
การที่จะขี่รถได้ปลอดภัยเราควรคำนึงถึงสิ่งรอบตัวเป็นหลัก รู้จักใช้จังหวะในการขี่รถที่เหมาะสม,
ใช้ความเร็วที่เหมาะสม เช่น ขี่ช้าในเมืองที่มีสภาพการจราจรที่ติดขัด ขี่เร็วขึ้นเมื่อถนนโล่ง
แต่ไม่เร็วเกินความสามารถของเรา
ซึ่งในสถาพถนนปกติ การที่เราใช้ความเร็วมากกว่าสภาพการจราจรโดยรอบเล็กน้อย
จะช่วยให้เราปลอดภัยกว่าการใช้ความเร็วเท่ากัน หรือ ช้ากว่า
นอกจากนี้เราสมควรที่จะมองหา “ทางออกฉุกเฉิน” เผื่อไว้ด้วยตลอดเวลา เช่น กรณีที่มีการเบรกกระทันหัน
นอกจากเราจะต้องกะระยะและน้ำหนักกดเบรกแล้วเรายังต้องเผื่อหาพื้นที่ในการหลบด้วย เพื่อกรณีที่เรา
กดเบรกตามแผนแล้วแต่ระยะทางไม่พอ จะได้ไม่ต้องใช้กันชนคันหน้าในการหยุดรถ
*** พยายามมองกระจกหลังบ่อยๆๆ มีเหตุการณ์ข้างหน้าจะได้มีช่องทางหลบหลีก ***
http://www.youtube.com/watch?v=YTilNolxNx4
http://www.youtube.com/watch?v=C6Pl-KZtzac
http://www.youtube.com/watch?v=-YAiXqOwkmE
**** ที่สำคัญสุดคือสภาพถนนบริเวณโค้ง มีผลต่อการยึดเกาะ ของยาง
ถ้าถนนมีฝุ่น เปียก ลื่น คราบน้ำมัน ยางดีแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ รวมทั้งสภาพยางของรถเราด้วย
ถ้ายางเสื่อมสภาพ *** เน้นว่าเสื่อมสภาพ .. คือยางตายที่ไม่มีความยืดหยุ่น ยางเก่าเก็บ
ซึ่งไม่ใช่ยางหมดดอก ยางหมดดอก มีผลกับการวิ่งบนถนนที่มีน้ำขัง ฝนตก ดอกยางช่วยในการรีดน้ำ
ถ้ายางปกติถึงขั้นหมดดอก ควรจะเปลี่ยน ดีกว่า สำคัญมาก ยาง การเติมลมยาง มีผลต่อการเข้าโค้งอย่างมาก ***
http://www.youtube.com/watch?v=iCVHxcRmH4c
http://www.youtube.com/watch?v=Stmu0PEUQX4
เทคนิคการเลี้ยวโดยใช้วิธี Counter Steering
http://www.cbr650f.com/forum/index.php/topic,109.0.html
มิติโลกหลังเที่ยงคืน (เจาะลึก...รู้รอบตัว - มอเตอร์ไซค์) 9 ธันวาคม 2554... คลิป...ทฤษฎี และอื่นๆๆ
http://music.ohozaa.com/my/thaiTVPlayer.jsp?guid=20111212014040
( ดูนาทีที่ 37.5-39.5 เรื่อง Counter Steering )
Counter Steering ก็คือการเลี้ยวโดยหักแฮนด์สวนทางกับทางที่จะเลี้ยว เช่น จะเลี้ยวไปทางซ้ายให้หักแฮนด์ไปทางขวา จะเลี้ยวไปทางขวาให้หักแฮนด์ไปทางซ้าย อ่านแล้วคงคิดในใจว่าคนเขียนมันบ้าไปแล้วแน่ จะเป็นไปได้ยังไง จะเลี้ยวไปทางไหนก็ต้องหันแฮนด์ไปทางนั้นสิ ใช่ครับ เลี้ยวทางไหนก็หันแฮนด์ไปทางนั้นแหละ แต่ความจริงคือ จังหวะก่อนที่เราจะเลี้ยวเพียงเสี้ยววินาทีนั้น แฮนด์รถจะหักสวนทางเสมอ แค่นิดเดียวและแป๊บเดียวเองครับ ใครขี่จักรยานเก่งๆ ลองทดสอบง่ายๆ ให้ขี่จักรยานแล้วปล่อยมือครับ แล้วลองเอียงตัวไปด้านซ้ายเพื่อบังคับให้รถเลี้ยวไปทางซ้าย จังหวะก่อนรถจะเลี้ยวนั้น แฮนด์จะสะบัดไปทางขวาแล้วรถก็จะเอียงมาทางซ้าย จากนั้นแฮนด์จะสะบัดกลับมาตั้งตรงเหมือนเดิม ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดจะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที และจริงๆ แล้วทุกคนก็ทำโดยธรรมชาติอยู่แล้วเพียงแต่ไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง
:10: เหตุการณ์นี้อธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ง่ายๆ คือ วัตถุวงกลม (ซึ่งก็คือล้อรถ) จะรักษาสภาพการเคลื่อนที่ไว้เสมอตราบใดที่ยังมีแรงเคลื่อนที่อยู่ เช่น เหรียญบาทที่กำลังกลิ้ง เมื่อหมดแรงถ้ามันบิดไปทางขวาก็จะล้มซ้าย ถ้าบิดซ้ายจะล้มขวา พอนึกภาพออกไหมครับ รถมอเตอร์ไซค์ก็เป็นเช่นเดียวกัน