ประสาทสัมผัสทั้งห้า เป็น ความหลากหลายของการรับรู้
และคนส่วนใหญ่ มักใช้ตาเป็นด้านหลักในการรับรู้โลก ช่องทางอื่นๆเป็นรอง
หูยังใช้ยินเสียง ผิวใช้สัมผัสต้อง จมูกรู้กลิ่น ลิ้นใช้รู้รส และยังมีใจที่มองไม่เห็นแต่รวมศูนย์สัมผัสต่างๆเข้าด้วยกัน
ช่องทางทั้งห้า คือ ประตูของความหลากหลาย ที่ไปสถาปนาฐานข้อมูล และกำหนดความหมายขึ้น
และความช่ำชองในการใช้ ก็แตกต่างกัน อีกทั้งการรู้ตัวว่าได้ใช้ หรือฝึกฝนใช้ ก็แตกต่างกัน
ดังนั้น โลกจึงเป็นดังที่การรับรู้และช่องทางรับรู้ของเราไปกำหนดมันขึ้น
ในขณะที่ตัวเรา โดยช่องทางการรับรู้เหล่านี้เอง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นจริงของโลกด้วย คือ ความหลากหลาย
ความหลากหลายจึงมีหลายมุมอง หลายมิติ หลายจุดยืน แต่ก็มีมูลฐานของก้อนเนื้อเดียวกันของความจริง
และเนื่องจาก มนุษย์ต้องเคลื่อนไหวในฐานะวัตถุของโลก
ดังนั้น เจตจำนงจึงเป็นการคืนความหลากหลาย กลับสู่ต้นกำเนิดภายนอกตัวเรา
มันจึงได้ลากเอา ตัวเราทั้งหมด เข้าปฏิสัมพันธ์กับโลก เพื่อ เจตจำนงของธรรมชาติ หรือสัญชาตญาณเพื่อการความอยู่รอด
สภาพทับซ้อนของความหลากหลาย จึงมีประกอบด้วยการเคลือนตัวอย่างมีระเบียบบนความไร้ระเบียบของการปลดปล่อยพลังงาน
และนี่ คือ ชีวิต และทำให้สิ่งต่างๆขับเคลื่อนไปข้างหน้า ประกอบด้วย ความร่วมมือบ้าง การขัดแย้งบ้าง และการทำลายสลายสูญบ้าง
ความร่วมมือก็ปรากฏในรูปข่ายใยของชีวิต ที่เห็นในป่าสมบูรณ์ องค์รวมขององคาพยพของสิ่งมีชีวิต สภาพสังคมที่อยู่เย็นเป็นสุข
การขัดแย้งและการทำลายก็ปรากฏในมุมมองของการคัดสรรจากธรรมชาติ เช่น ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้ล่ากับเหยื่อ และการผ่าเหล่า
หรือ ความขัดแย้งในสังคม การปฏิวัติสังคม การปฏิรูปสังคมที่มาจากการเห็นพ้องร่วมกัน
ในสังคมสมัยใหม่ที่มีความซับซ้อน ความหลากหลายมักถูกสร้างครอบโดยสื่อ ที่มีทั้งจริงและลวง จึงยากจะแยกแยะ แถมเป็นข้อมูลฑุติยภูมิอีกด้วย
เรื่องราวทั้งหลายถูกบริโภคเข้าไปในสนามการรับรู้ของปัจเจก จนกลายเป็น ความจริงที่เชื่ออันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่มีการสื่อสารกัน
แต่ละปัจเจกที่สื่อสารกันรวดเร็วผ่านสื่อออนไลน์ ทำให้เกิดกระแสที่ผันผวน แปรเปลี่ยน ประดุจไฟไหม้ฟาง ไปขับเคลื่อนสังคม
ช่องทางการรับรู้ จึงเป็นกระแสธารการไหลของข้อมูล ที่สะท้อนความจริงหลายแง่มุมของก้อนความจริงเดียวที่ปรากฏต่าง ไม่เท่ากัน
ช่องทางการรับรู้ คือ ความหลากหลายของความจริง
และคนส่วนใหญ่ มักใช้ตาเป็นด้านหลักในการรับรู้โลก ช่องทางอื่นๆเป็นรอง
หูยังใช้ยินเสียง ผิวใช้สัมผัสต้อง จมูกรู้กลิ่น ลิ้นใช้รู้รส และยังมีใจที่มองไม่เห็นแต่รวมศูนย์สัมผัสต่างๆเข้าด้วยกัน
ช่องทางทั้งห้า คือ ประตูของความหลากหลาย ที่ไปสถาปนาฐานข้อมูล และกำหนดความหมายขึ้น
และความช่ำชองในการใช้ ก็แตกต่างกัน อีกทั้งการรู้ตัวว่าได้ใช้ หรือฝึกฝนใช้ ก็แตกต่างกัน
ดังนั้น โลกจึงเป็นดังที่การรับรู้และช่องทางรับรู้ของเราไปกำหนดมันขึ้น
ในขณะที่ตัวเรา โดยช่องทางการรับรู้เหล่านี้เอง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นจริงของโลกด้วย คือ ความหลากหลาย
ความหลากหลายจึงมีหลายมุมอง หลายมิติ หลายจุดยืน แต่ก็มีมูลฐานของก้อนเนื้อเดียวกันของความจริง
และเนื่องจาก มนุษย์ต้องเคลื่อนไหวในฐานะวัตถุของโลก
ดังนั้น เจตจำนงจึงเป็นการคืนความหลากหลาย กลับสู่ต้นกำเนิดภายนอกตัวเรา
มันจึงได้ลากเอา ตัวเราทั้งหมด เข้าปฏิสัมพันธ์กับโลก เพื่อ เจตจำนงของธรรมชาติ หรือสัญชาตญาณเพื่อการความอยู่รอด
สภาพทับซ้อนของความหลากหลาย จึงมีประกอบด้วยการเคลือนตัวอย่างมีระเบียบบนความไร้ระเบียบของการปลดปล่อยพลังงาน
และนี่ คือ ชีวิต และทำให้สิ่งต่างๆขับเคลื่อนไปข้างหน้า ประกอบด้วย ความร่วมมือบ้าง การขัดแย้งบ้าง และการทำลายสลายสูญบ้าง
ความร่วมมือก็ปรากฏในรูปข่ายใยของชีวิต ที่เห็นในป่าสมบูรณ์ องค์รวมขององคาพยพของสิ่งมีชีวิต สภาพสังคมที่อยู่เย็นเป็นสุข
การขัดแย้งและการทำลายก็ปรากฏในมุมมองของการคัดสรรจากธรรมชาติ เช่น ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้ล่ากับเหยื่อ และการผ่าเหล่า
หรือ ความขัดแย้งในสังคม การปฏิวัติสังคม การปฏิรูปสังคมที่มาจากการเห็นพ้องร่วมกัน
ในสังคมสมัยใหม่ที่มีความซับซ้อน ความหลากหลายมักถูกสร้างครอบโดยสื่อ ที่มีทั้งจริงและลวง จึงยากจะแยกแยะ แถมเป็นข้อมูลฑุติยภูมิอีกด้วย
เรื่องราวทั้งหลายถูกบริโภคเข้าไปในสนามการรับรู้ของปัจเจก จนกลายเป็น ความจริงที่เชื่ออันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่มีการสื่อสารกัน
แต่ละปัจเจกที่สื่อสารกันรวดเร็วผ่านสื่อออนไลน์ ทำให้เกิดกระแสที่ผันผวน แปรเปลี่ยน ประดุจไฟไหม้ฟาง ไปขับเคลื่อนสังคม
ช่องทางการรับรู้ จึงเป็นกระแสธารการไหลของข้อมูล ที่สะท้อนความจริงหลายแง่มุมของก้อนความจริงเดียวที่ปรากฏต่าง ไม่เท่ากัน