สิ่งที่ได้เรียนรู้จนอายุป่านนี้ (ก่อนอื่น ไม่ต้องมีใครร้อนตัวนะคะ เพราะจะขอนุญาตไม่พาดพิง สิ่งที่จะพูดคือองค์รวม)
1.ไม่จำเป็นต้องอยู่นาน เพราะการทำงานมากหรือน้อยของคุณ ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าชีวิตคุณจะดีขึ้น ถ้ามันจะไม่แฟร์ คุณจะรับรู้ได้ตั้งแต่ปีแรกที่เริ่มทำงาน (จะอดทนทำนานๆเพื่ออะไร ออกมาเราก็เป็นแค่อะไรที่ไม่จำเป็น)
2.ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นเข้าใจเจ้านาย เพื่อกดดันตัวเอง เพราะเจ้านายเองไม่ได้ชื่นชมกะมัน มิหนำซ้ำเรากำลังทำให้เจ้านายเคยตัว ว่าทำแบบนี้แล้วไม่เห็นมีใครประท้วง
3.เห็นแก่ความรู้สึกตัวเองก่อนบริษัท เพราะบริษัทที่คอยบอกให้เราเข้าใจ และรักบริษัท เชื่อเถอะค่ะ บริษัทที่ดี จะไม่มีทางมานั่งบอกให้เรารักและเข้าใจบริษัท เพราะพนักงานจะรู้สึกได้เองตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานว่าอันไหนดีหรือไม่ดี
4.การประชุมที่ดี คือการ brain storm ไม่ใช่คาบโฮมรูมในห้องปกครอง เพราะเรื่องจิตพิสัยไม่ใช่อะไรที่มานั่งแฉในห้องประชุม ควรไปคุยกันส่วนตัวมากกว่า ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์ที่ได้จะกลายเป็นตรงข้าม
5.การพักร้อนจำเป็น และเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ควรจัดเวลาให้พอดี เพราะถึงคุณไม่ใช้ ปีถัดไปเค้าก็ไม่ทบให้ หรือจะเพิ่มโบนัสก็คงไม่ได้ เพราะถึงยังไง บริษัทก็คงบอกได้แค่ 'ขาดทุน'
6.หมั่นตรวจสุขภาพและออกกำลังกาย เพราะถ้าคุณไม่สบาย บริษัทจะไม่ได้เห็นใจ แต่จะตำหนิได้ว่าคุณเอาเปรียบบริษัท และถือโอกาสเอาเวลางานไปป่วย
7.มีความสุขกะทุกวันที่ทำงาน ถ้าคุณเริ่มไม่สุข ต้องลองถอยมา 1 ก้าว แล้วถามตัวเองว่าไหวป่ะ แล้วคิดดีๆว่าปัญหาอยู่ตรงไหน รู้ปัญหาเมื่อไหร่ อย่าปล่อยไว้แก้เลย เราไม่จำเป็นต้องอดทนจนทำให้ตัวเองไม่มีความสุข
ปล. ไม่ได้ว่าใคร และไม่ได้ยั่วยุให้ใครทำตาม แค่เรียนรู้ได้จากประสบการณ์ ก็แค่นั้นเอง
สิ่งที่เรียนรู้จนอายุป่านนี้
1.ไม่จำเป็นต้องอยู่นาน เพราะการทำงานมากหรือน้อยของคุณ ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าชีวิตคุณจะดีขึ้น ถ้ามันจะไม่แฟร์ คุณจะรับรู้ได้ตั้งแต่ปีแรกที่เริ่มทำงาน (จะอดทนทำนานๆเพื่ออะไร ออกมาเราก็เป็นแค่อะไรที่ไม่จำเป็น)
2.ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นเข้าใจเจ้านาย เพื่อกดดันตัวเอง เพราะเจ้านายเองไม่ได้ชื่นชมกะมัน มิหนำซ้ำเรากำลังทำให้เจ้านายเคยตัว ว่าทำแบบนี้แล้วไม่เห็นมีใครประท้วง
3.เห็นแก่ความรู้สึกตัวเองก่อนบริษัท เพราะบริษัทที่คอยบอกให้เราเข้าใจ และรักบริษัท เชื่อเถอะค่ะ บริษัทที่ดี จะไม่มีทางมานั่งบอกให้เรารักและเข้าใจบริษัท เพราะพนักงานจะรู้สึกได้เองตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานว่าอันไหนดีหรือไม่ดี
4.การประชุมที่ดี คือการ brain storm ไม่ใช่คาบโฮมรูมในห้องปกครอง เพราะเรื่องจิตพิสัยไม่ใช่อะไรที่มานั่งแฉในห้องประชุม ควรไปคุยกันส่วนตัวมากกว่า ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์ที่ได้จะกลายเป็นตรงข้าม
5.การพักร้อนจำเป็น และเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ควรจัดเวลาให้พอดี เพราะถึงคุณไม่ใช้ ปีถัดไปเค้าก็ไม่ทบให้ หรือจะเพิ่มโบนัสก็คงไม่ได้ เพราะถึงยังไง บริษัทก็คงบอกได้แค่ 'ขาดทุน'
6.หมั่นตรวจสุขภาพและออกกำลังกาย เพราะถ้าคุณไม่สบาย บริษัทจะไม่ได้เห็นใจ แต่จะตำหนิได้ว่าคุณเอาเปรียบบริษัท และถือโอกาสเอาเวลางานไปป่วย
7.มีความสุขกะทุกวันที่ทำงาน ถ้าคุณเริ่มไม่สุข ต้องลองถอยมา 1 ก้าว แล้วถามตัวเองว่าไหวป่ะ แล้วคิดดีๆว่าปัญหาอยู่ตรงไหน รู้ปัญหาเมื่อไหร่ อย่าปล่อยไว้แก้เลย เราไม่จำเป็นต้องอดทนจนทำให้ตัวเองไม่มีความสุข
ปล. ไม่ได้ว่าใคร และไม่ได้ยั่วยุให้ใครทำตาม แค่เรียนรู้ได้จากประสบการณ์ ก็แค่นั้นเอง