[CR]Manchester National Football Museum พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลที่เป็นมากว่างานแสดง

ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาผมเองได้มีโอกาสออกทริปไปเยือนประเทศอังกฤษและระแวก UK เป็นว่าเวลา15วัน ก่อนอื่นผมไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มาก่อนเลย เจอตรงนั้นแล้วก็แวะเข้าดูเลยไหนๆก็มาแล้ว   จากเดิมคือเราจะแวะพักที่เมืองแมนเชสเตอร์แค่หนึ่งคืน ไปแอ่วสนาม Old Trafford ก่อนมุ่งหน้าไปยังจุดหมายอื่นต่อ แต่เมื่อผมได้เข้าไปดูที่พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติที่นี่ ผมเดินอยู่แต่ในนี้ได้เป็นวันๆ ผมรู้สึกได้เลยว่าทำไมผู้คนที่นี่ถึงคลั่งไคล้ฟุตบอลขนาดนั้น และได้แต่ตั้งคำถามอยู่ในใจว่า "เห้ย! ทำไมแบบนี้บ้านเราไม่มีบ้างวะ" และ "เห้ย!สุดยอดวะ" จึงเก็บภาพทั้งหมดเอามาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆในบอร์ดเราดูกัน

*ปล.นี่เป็นรีวิวครั้งแรกของผมนะครับและจะเน้นรูปภาพเป็นหลัก เน้อ ติชมกันได้เลย ปกติผมก็ใล่ๆอ่านกระทู้เอาอย่างเดียวนะครับ เป็นน้องใหม่ฝากตัวด้วยนะครับ : P


Welcome to Manchester!! เรามุ่งสู่ city centre


ระหว่างรอติดสัญญาณไฟแดงเพื่อมุ่งเข้าตัวเมืองและหาลานจอดรถ ฝนก็เทลงมาซะละ แต่เห้ย! อะไรวะ พนักงานเช็ดถูกระจกก็มีด้วยรึวะ!?   ผมตกใจมากครับเพราะไม่คิดว่าประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีปัญหาเรื่องนี้เหมือนบ้านเราเช่นกัน


สุดท้ายเราก็หาจุดจอดรถเจอจนได้ ต้องยอมเดินไกลหน่อย ค่าจอดแพงเหลือเกิน โดยเราต้องเดินจากจุดที่จอดรถผ่าน Manchester Arena แล้วตัดผ่านสถานีรถไฟ Victoria Station เข้า city centre ซึ่งไกลพอสมควร โดยจากตรงนี้เราเดินตรงไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวซ้ายเข้า Victoria Station


Manchester Arena


ใกล้ความจริงไปอีกหน่อยแหะ เจอป้าย City of Manchester(อีกแล้ว)


เดินมาจนถึงด้านหน้าของสถานีรถไฟ Victoria ก็ได้มุมถ่ายรูปสวยๆกับเขาเหมือนกันแหะ ตรงนี้เป็นจุดจอดรับผู้โดยสารพอดี เห็นแท็กซี่สีดำจอดเรียงกันสวยดี แชะซะหน่อย


จากจุดที่เราจอดรถเดินมาจนถึงตัว city centre ใช้เวลาประมาณ 15นาที เจอห้างใหญ่ เช่น Selfridges Debenham etc. อารมณ์เหมือน central Plaza บ้านเรา จุดที่ผมคิดว่าน่าสนใจคือที่นี่จะมีช็อปเล็กๆกระจัดกระจายออกไปตามตรอก  บวกกับสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างแปลกใหม่และการวางผังเมืองที่ดี ผมว่าเดินๆดูไปก็เพลินดีนะ


อ่าวเห้ยๆ!! เดินไปเดินมา เจอช็อป แมนซิตี้ เฉยเลย


City Store in the City!! เข้าไปด้านในกัน : D




ด้านในช็อปมี 2ชั้น มีทุกอย่างเกี่ยวกับสโมสรแห่งนี้ ตั้งแต่แก้วน้ำ เสื้อบอล รับอัดเบอร์ ยันตั๋วปีที่นี่ที่เดียว


จุดนี้มีการนำเสนอที่น่าสนใจจริงๆ บริเวณทางเข้าช็อปถ้ามองจากด้านใน ผมชอบประโยคนี้จริงๆ "See you at the game" เหมือนเป็นการย้ำเตือนผู้ที่เข้ามาในช็อปและกำลังจะเดินออกไปว่า "อย่าลืมหล่ะ แล้วเจอกันที่สนามนะ"


ออกจากช็อปแมนซิตี้ ผมพยายามเดินหาช็อปแมนยูไนเต็ดบ้าง แต่ก็ไม่เจอ เราก็เลยเดินชมเมืองไป และตรงจุดๆนี้เองที่ทำให้ได้เจอะกับป้ายพิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติโดยบังเอิญ เข้าไปดูมันซะหน่อยแล้วกันเปิดทุกวันซะด้วย แหม่


เดินมาอีกด้านจนเจอจุดเข้าชมพิพิธภัณฑ์ โดยที่นี่ไม่มีการเก็บค่าเข้าชมแต่อย่างได้ แต่มีประโยคนึงเขียนไว้ว่า "Please donate 4pounds to support your museum"   คือ!!มันก็เรียกเก็บค่าเข้าชมแบบมีมารยาทดีๆนั่นเอง รึนี่รึที่ว่า อังกฤษ=เมืองผู้ดี อยู่ๆไปเรียกเก็บเงินเขาเลยทั้งๆที่ยังไม่ได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศภายใน เข้าไปแล้วจะคุ้มกับเงินที่เสียไปรึปล่าว บลา บลา ตรงนี้เหมือนเป็นการเชิญชวนผู้คนที่ยังไม่เคยมาที่นี่ให้เข้าไปข้างในแบบไม่รู้ตัว
"เอาหน่า อย่างน้อยก็มาแล้ว ไม่ถูกใจ ไม่ต้องหยอดเงินก็ยังได้"


เดินเข้าไปด้านในแล้วเด้อ!! ระหว่างเดินเข้าไปมีบอร์ดอยู่สองข้างกำแพงทางเดินที่อธิบายและตอบคำถามให้เห็นถึงบรรยากาศของฟุตบอลอังกฤษ ความคลั่งใคล้ และความรักของแฟนบอลที่มอบให้แก่สโมสรอันเป็นที่รักของตนได้เป็นอย่างดี


แค่ตรงจุดนี้ก็น่าสนใจเป็นอย่างมากแล้ว ข้างในจะเป็นยังไงน้าาา อมยิ้ม01


เดินต่อเข้ามาอีกหน่อยเจอล็อบบี้มีพนักงานค่อยให้ข้อมูลของสถานที่เป็นอย่างดี มองไปด้านมุมซ้ายของรูป "Style" สื่อให้เรารู้และเข้าใจว่าทำไมนักฟุตบอลคนนึงถึงมีอิทธิพลกับผู้คนมากขนาดนนั้น เพราะแม้แต่การแต่งกายของเขาก็สามารถสื่อถึงเราได้


ภาพจากมุมสูง ด้านใน แค่ส่วนของล็อบบี้นะ มีการจัดวางรูปแบบการนำเสนอที่ดีมาก โดยที่นี่แบ่งออกเป็นสี่ชั้น แต่ละชั้นจัดแสดงเรื่องราวของฟุตบอลในแต่ละด้านออกไป ภาพนี้ถ่ายลงมาจากชั้น 1 (ชั้นล็อบบี้คือชั้น G)


เมื่อเราเจอทีมที่อยากเชียร์ เราติดตามผลงานของทีมๆนั้น เราเริ่มเชื่อมันในทีมที่เราชอบ "เราศรัทธาในสโมสร ศรัทธาในบอร์ดบริหาร ศรัทธาในตัวผู้จัดการทีม ศรัทธาในตัวนักเตะ และให้ความหวังอยู่ในใจตลอดเวลาว่า"ทีมของเรา"ทีมนี้จะประสบความสำเร็จในวันข้างหน้าไม่วันใดก็วันนึง เพราะว่าเรา"รัก" สโมสรแห่งนี้เข้าให้แล้ว"


"Drama"ฟุตบอลทำให้เรามีน้ำตา ผมยอมรับตามตรงว่าผมเคยร้องไห้เมื่อทีมที่ผมรักพ่ายต่อคู่แข่งในแมตสำคัญๆที่เราตั้งความหวังไว้มากๆ นั่นคือแมตที่อาเซน่อล พ่ายให้กับ บาเซโลน่า ในนัดชิงยูฟ่าแชมป์เปี้ยน ลีค 2006 ที่ปารีส ในขณะเดียวกันชัยชนะในวินาทีสุดท้ายก็สามารถทำให้เราหลั่งน้ำตาได้เช่นกัน David Beckham ปั่นฟรีคิกให้อังกฤษ เอาชนะ กรีก 2-1 พร้อมตีตั๋วบอลโลกรึปล่าวถ้าผมจำไม่ผิด ขอ อภัยนะครับ ฮ่าฮ่า


"Art" King Cantona ตำนานหมายเลข 7 ของแมนยูไนเต็ด เจ้าของแฟชั่นเสื้อคอปกในสนามและ Kungfu Kick อันโด่งทำที่ทำให้เจ้าตัวถูกแบนแบบลืมโลก ตอนนี้ตัวเขากลับถูกนำมาสร้างสรรค์กลายเป็นผลงานศิลป์ชิ้นหนึ่ง เป็น The King ซะเลย


แต่ก่อนที่ผมจะเดินขึ้นชมนิทรรศการชั้น 1 ดันเหลือบไปเห็นอะไรหนะ!!


นี่มันถ้วยพรีเมียร์ ลีค แบบสวยนี่หว่า   นี่เรามองไม่เห็นมันได้ยังไงเนี้ยมันอยู่ตรงจุด entrance ของล็อบบี้เล๊ยย


เหมือนจะมีบริการให้ลองชูถ้วยได้ตามใจชอบ พร้อมจ่ายค่าเสียหาย 5pounds (ช่วงนั้นปอนด์ละ47บาท คิดเป็นเงินไทยก็ตกประมาณ 230บาท) ต่อรอบ แต่ถึงกระนั้นก็เถอะเอาซะหน่อยวะ   
ถ้วยหนังอยู่เหมือนกันครับ ก่อนจะจับหูถ้วยพนักงานบังคับให้ผมสวมถุงมือด้วยนะเออ สงสัยกลัวถ้วยมีรอยนิ้วมือ   
ในส่วนของผมไม่ขอออกสื่อแล้วกันนะครับ เขิญ เอาเป็นว่าผมไปชูถ้วยที่อังกฤษมาแล้วก็แล้วกัน อมยิ้ม15


มาๆ เสียเวลามาเยอะล๊ะ ส่วนแรกของงานแสดงคือ "Hall of Fame"หอแห่งเกียรติยศ ในส่วนของห้องนี้ส่วนใหญ่จะแสดงเรื่องราวของบุคคลในวงการฟุตบอลทั่วโลกที่มีชื่อเสียง พร้อมกับประโยคคำพูดสุดคลาสิค อย่างเช่นคำพูดนี้ของ เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน ท่านกล่าวไว้ว่า "hard work will always overcome natural talent when natural talent does not work hard enough"
แปลง่ายๆ การฝึกซ้อมอย่างหนักมักจะเอาชนะพรสวรรค์เสมอ


นักเตะคนโปรดของใครกันมั่งเอ่ยยย




ปะติมากรรมเซรามิกชื่อว่า Edition Picasso เห็นเล็กแค่นี้ 40000 pounds เชียวนะ อันนี้ผมไม่แน่ใจข้อมูลเช่นกันครับ สำหรับผู้ที่สนใจอ่านเพิ่มได้ตามลิ้งค์นี้เลย http://www.manchesterconfidential.co.uk/Sport-and-Gaming/Picasso-On-The-Wing-Playing-It-Wide


ภาพเต็มๆ ของตำนานนักเตะแมนยูฯ มากันครบ


เมื่อกี้เจอประโยคสุดคลาสิคของ เซอร์ อเล็กไปแล้ว รอบนี้ถึงคิวเจ๊หน้าเหี่ยวของเรามั่งหละ "The first time I came to England, I said to myself without doubt football was created here"


นอกจากตัวบุคคลแล้ว ในส่วนนี้ยังจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวความสำเร็จของทีมในระดับสโมสรและทีมชาติด้วย


ผมขอเดินไวเลยนะครับ เพราะมีนเยอะมาก


และแล้วสิ่งที่สะดุดตาผมที่สุดในหอนี้คือ....... แท่น แท่น แท๊นนนนน!!!


The Invincibles Team! น้ำตาจะไหล


ถัดมาจะเป็นเรื่องราวของ ฟุตบอลถ้วยที่เก่าแต่ที่สุดในโลกBobby Robson ได้กล่าวไว้ว่า "นอกเหนือจากฟุตบอลโลกแล้ว ฟุตบอล FA Cup รอบชิงชนะเลิศเป็นแมตที่ยอดเยี่ยมที่สุด และมันเป็นทัวนาเมนภายในประเทศของเรา"




เดินมากลางห้องจัดแสดง ส่วนนี้จัดแสดงให้เห็นความเป็นมาของทัวนาเมนต่างๆ พร้อมโชว์ถ้วยแท้ๆและมีสเตอรี่สั้นๆได้ใจความให้อ่านกัน


ผมเดินชมภายในห้องนี้ไปเรื่อยๆ เจออะไรน่าสนใจก็แชะไปเรื่อยๆ โดยพยายามเก็บให้มากที่สุด อย่างงานแสดงชิ้นนี้ทำให้ผมเข้าใจว่าในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ การเล่นเป็นทีมเยือนนี่นรกแตกจริงๆ โดยเฉพาะในการแข่งขันดาร์บี้แมต


เก้าอี้ในสนาม Wembley เก่าก่อนได้รับการปรับปรุง ถูกนำมาจัดแสดงด้วย  


โศกอนาฏกรรมมิวนิค




แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่