การปลุกปั้นชิ้นสุดท้ายของป๋ากี้กับการรอคอยของแฟนผีแดง [Manchester United]

ช่วงนี้อะไรก็ดูไม่ดีไปเสียหมดนะครับ สำหรับพวกเรา ๆ ท่าน ๆ สาวกปีศาจแดงทั้งหลาย
ต้องบอกว่าเหนื่อยหน่อยล่ะครับ ช่วงนี้กระดิกตัวไปไหนมาไหน จะเดิน จะทำอะไรเป็นอันต้อง
มีโดนทักอยู่เสมอ ๆ จากพี่ ๆ น้อง ๆ มิตรรักทั้งหลายที่เจอตรงไหน เป็นต้องถามถึงผลงาน
อันสุดจะบรรยายได้ของผีแดงในช่วงนี้ บ้างก็ถาม "เฮ้ย จะได้ไปยูโรป้ากะเค้าไหม" บางราย
ก็ว่า "มาต้าได้ไปก็ไม่ช่วยไรเลยนะฮะ" หนักหน่อยก็บอก คงรอวันล่มสลายเหมือน ยูงทอง
ลีดส์ ยูไนเต็ด เลยทีเดียว (จริง ๆ ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้นะฮะ หากใช้เงินไปกับค่าตัว ค่าเหนื่อย
นักเตะแพง ๆ นานวันเข้าความสำเร็จก็ยังไม่มา) ที่กล่าวมาทั้งหมดที่ได้ทำให้
พวกเราแฟนผีแดงเป็นที่รักของเพื่อนฝูงมากขึ้นขนาดนี้ คงไม่ต้องไปขอบใจใครที่ไหนครับ
ต้องยกให้คนนี้เลยฮะ เดวิด มอยส์ คนนี้นี่เอง

                

เรียกได้ว่าหมดเวลาฮันนีมูนกับมาต้าไปเรียบร้อยแล้วสำหรับเดวิด มอยส์ หลังจากได้
มาต้ามาปลุกชีวิตให้ทีมทั้งทีมคึกคักกันไปก่อนหน้า แต่ดูเหมือนนั่นจะเป็นดาบสองคมที่
บังคับให้มอยส์ต้องปลุกเสกปลุกปั้นฟอร์มทีมให้ออกมาสวยหรูสมกับค่าตัวที่จ่ายไป
เรียกได้ว่าซื้อมาสองคน แต่จ่ายไปแล้วถึง 65 ล้านปอนด์โดยประมาณ แถมคนก่อนหน้า
อย่างเฟลลายนี่ยังไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งที่เคยทำได้เลยด้วยซ้ำไป ยิ่งทำให้
ความคาดหวังทั้งหลายทั้งมวลมาตกที่มอยส์กับการรีดฟอร์มเก่งให้กับทีม ให้สมกับ
ค่าตัวที่เสียไปกันเป็นธรรมดา



ซึ่งการวางหมากจัดตัวผู้เล่นในนัดที่แพ้ต่อสโต๊ค ซิตี้
เมื่อดูรายชื่อ 11 ตัวจริงแล้ว ค่อนข้างถูกอกถูกใจแฟนานุแฟนผีแดงกันเลยทีเดียว
จะเสียอย่างตรงที่ไม่มีเจ้าหนูฟอร์มเยี่ยม ยานาไซ นักเตะยอดเยี่ยมประจำ
เดือนมกราคมของปีศาจแดงก็เท่านั้นเอง เริ่มเกมมาอะไร ๆ ก็ดูจะเข้าที่เข้าทาง
ทั้งการเริ่มทำเกมรุกโดยมี มาต้า ยืนหนุนอยู่หลังคู่กองหน้าอย่างรูนีย์และโรบิ้น



แถมยังมี คาร์ริค มายืนรองบอลจากมาต้าอีกต่างหาก เรียกได้ว่า แฟน ๆ ผีแดง
อย่างน้อยก็ผมคนนึงล่ะ ที่คิดแล้วว่าเกมนี้ทีมคงครองเกมบุกไว้ได้เป็นแน่แท้ ยิ่งเห็น
การสัมผัสบอลของคาร์ริคที่ดูโดดเด่นจากการใส่รองเท้าแดงในเกมนี้ ยิ่งทำให้
การเชียร์ทีมดูคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะแค่นึกถึงฟอร์มอันยอดเยี่ยมปีที่แล้วของ
คาร์ริคที่เวนเกอร์ยังเคยชมไว้ว่าเป็นผู้เล่นที่เหมาะกับการยืนกลางของบาร์ซ่ามาก
จะมาจับคู่กับมาต้าประสานเกมให้แมนยูในเกมนี้ แค่คิดก็ร้องซี้ดดด กันเป็นแถวแล้วครับ
                                    


แต่ที่ไหนได้ ต้องเรียกว่าเป็นวันที่โชคไม่เข้าข้างทีมปีศาจแดงและคาร์ริคเอาซะเลย
เมื่อจังหวะที่สมอลลิ่งไปทำฟาวล์ และเสียลูกฟรีคิกให้สโต๊ค ซึ่งชาร์ลี อดัม อดีต
กองกลางจอมยิงไกลของทีมหงส์แดง จะอาสารับหน้าที่นี้ เมื่อวิถีบอลถูกปล่อยออก
จากเท้า ดูแล้วไม่เหลือบ่ากว่าแรงเดเกอาแน่นอน แต่กลับกลายเป็นคาร์ริคยกขา
พยายามสกัดไว้ ทำให้ลูกบอลเปลี่ยนทางไปอีกด้านของประตู ทำให้สโต๊คขึ้นนำ
อย่างมีโชคนิด ๆ หลังจากเสียประตูนี้ ผมไม่ตกใจ ไม่วิตกเท่าใดนักครับ เพราะ
อาวุธหนักทีมเราวันนี้มีเพียบฮะ มั่นใจว่ายิงคืนได้แน่นอน แต่กว่าจะไล่ยิงคืนมาได้
ก็ไปช่วงต้นครึ่งหลังนู่นเลยครับ ที่เป็นมาต้าเลือกช่องในการจ่ายที่มีทั้งยัง กับเพอร์ซี่
และมาต้าเลือกจ่ายอย่างชาญฉลาดมาให้เพอร์ซี่ หลุดโล่งเข้าไปยิงอย่างใจเย็น สวนตัว
เบโกวิชเข้าไปครับ บอกตรง ๆ วินาทีนี้ ยิ่งมั่นใจว่า ทีมกลับมาแน่ แนวรุกลงตัว กองหน้า
ก็ดี กองกลางตัวจ่ายก็ครบ



นั่นล่ะครับเป็นความประมาทอย่างแท้จริง เมื่อในไม่กี่นาที
ต่อมาอดัม คนเดิมมายิงอย่างสุดสวยเสียบใต้คานเข้าไป ชนิดที่เดเกอาบินรับแล้วก็ยัง
ปัดไปไม่ได้ พอโดนลูกนี้ยอมรับเลยครับว่าในใจที่เชียร์เริ่มหวั่นไหวและมีเป๋บ้าง
แล้วว่า เกมนี้ชักจะไม่หมูและไม่แน่ว่าจะชนะได้หรือไม่ ประกอบทั้งก่อนหน้านี้ใน
ช่วงครึ่งแรกทีมต้องมาเสียเซ็นเตอร์ตัวหลักทั้งอีแวนส์และโจนส์ไป ทำให้ยิ่งเป็นกังวล
มากขึ้นจริง ๆ และนั่นถือเป็นส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญที่นำไปสู่ Moyes Mission
ในเกมค่ำคืนนี้ครับ มอยส์จัดการแก้เกมได้อย่าง ........ ฮึ่มมม ขัดใจแฟน ๆ มากเลย
ทั้งให้เวลเบ็คลงมาเล่น หรือการที่ให้รูนีย์ถอยต่ำลงมายืนเป็นกองกลาง แทนที่คาร์ริค
ที่พอเข้าใจได้ว่า จำเป็นต้องขยับไปคุมหลังแทนเซ็นเตอร์สองคนที่เจ็บไป แต่การแก้เกม
เหล่านี้ ส่งผลให้การเล่นของทีมดูแย่ จากที่ไม่ค่อยมีทรงอยู่แล้ว กลายเป็นเละเทะหาทาง
กลับไม่เจอเลย ไม่รู้ว่าใครจะเล่นตำแหน่งไหน ใครควรยืนตรงไหน ทำให้ในช่วงเวลาที่เหลือ
ทีมไม่สามารถกดดันสโต๊คได้มากเท่าที่ควรจะเป็นเลย หนำซ้ำช่วงท้ายเกมยังถอด ฟาน
เพอร์ซี่ความหวังสำคัญออกไปอีก (หลายฝ่ายคาดว่ายังฟิตไม่พอ) ก็ยิ่งทำให้รู้สึกห่อเหี่ยว
ในการเชียร์มากจริง ๆ ครับตอนนั้น



อย่างที่บอกไปข้างต้นครับ การใช้เงินซื้อตัวผู้เล่นดี ๆ แพง ๆมา แล้วผู้จัดการทีมปรุงแต่ง
ให้มีรสชาติที่อร่อยมีความลงตัวไม่ได้แล้วล่ะก็ เสียงสะท้อนมันจะกลับมาหาไวมากขึ้นเท่านั้น
ทำให้ตอนนี้กระแสความไม่พอใจต่อเดวิด มอยส์ในการคุมทีมเริ่มมีมากขึ้น ๆ จริง ๆ ครับ
แม้พักหลัง ๆ มอยส์จะแสดงสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นว่าทำได้ดีมากขึ้นเล็กน้อย นั่นก็คือ การออกมา
กระตุ้นนักเตะในทีมข้างสนาม ดูแกขึงขังจริงจังมากขึ้น ดูเด็ดขาดมากขึ้น แต่ผมว่ายังขาด
การกดดันกรรมการครับ สิ่งนี้ผู้จัดการทีมสมควรมีมาก ๆ เลย ผมว่าทั้งมูรินโญ่ เฟอร์กี้ ล้วน
แต่มีสิ่งนี้ทั้งนั้น กดดันกรรมการที่ว่าก็เป็นรายละเอียดการแสดงออกเล็กน้อยทั่ว ๆ ไปครับ
เช่น การดูนาฬิกา การให้สัมภาษณ์ต่าง ๆ พวกนี้ป๋าไม่เคยกลัวการถูก FA ลงโทษเลย กล้า
ทำเพื่อทีมเสมอ ๆ นั่นก็เป็นสิ่งสำคัญที่มอยส์ควรเรียนรู้ไว้ครับ รวมไปถึงการสัมภาษณ์ท้ายเกม
ที่มอยส์แกบอกไม่รู้ทำอย่างไรจึงจะชนะได้นี่ แฟนบอลฟังแล้วคงอยากจะบ้าครับ ในเมื่อ
ผู้จัดการพูดแบบนี้แล้ว แถมฟอร์มทีมยังไม่แสดงให้เห็นเลยว่าเล่นได้ดีมาก ๆ ๆ สมควรกับ
การพูดว่าทำดีแล้วแต่แพ้ หรือไม่รู้ต้องทำอย่างไรจึงจะชนะ ถ้าเป็นอย่างนี้ไปนาน ๆ ทีมคง
วิกฤติครับ ล่าสุดกัปตันวิดิชของพวกเราก็มาหนีไปซะแล้ว เมื่อประกาศแยกทางกับทีม
หลังจบฤดูกาลนี้อย่างแน่นอน



ดังนั้นมอยส์ในฐานะที่เป็นผู้จัดการทีมควรจะพลิกสถานการณ์ให้ทีมได้เลยในทันที
ไม่งั้นทีมลำบากแน่ครับ และมอยส์คงได้รับโอกาสนั้นแน่นอน เพราะมอยส์เองคงเป็น
มรดกชิ้นสุดท้ายที่ป๋ากี้ต้องการปลุกปั้นทิ้งไว้ให้ปีศาจแดงต่อไป และจากการที่เรา ๆ
ท่าน ๆ รู้จักเฟอร์กี้กันดีในการที่จะผลักดันใคร ต่อให้ฟอร์มไม่ดีแค่ไหน ป๋าก็หนุนหลัง
ให้ลงเล่นเสมอมา จนได้ดีกันแทบทั้งนั้น ทั้งเฟลทเชอร์ โรนัลโด้ หรือแม้แต่เบคแฮมในช่วง
หลังบอลโลก’98 เป็นต้น เพราะฉะนั้นพวกเราในฐานะแฟนปีศาจแดงคงทำอะไรไปไม่ได้
มากกว่าการลุ้นให้มรดกการปั้นชิ้นสุดท้ายของป๋าเฟอร์กี้  สำแดงเดชในเร็ววัน …



ปล. ครบรอบเหตุการณ์ 56 ปี มิวนิค ครับ ขอไว้อาลัยให้เกียรติกับบัสบี้เบบส์ที่สูญเสีย
ในเหตุการณ์ครั้งนั้นทุกคนครับ



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่