อาจารย์นิติฯ มธ.ชี้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.มีโอกาสเข้าข่ายเป็นโมฆะ แต่ไม่ใช่เหตุไม่ได้จัดการเลือกตั้งในวันเดียว เชื่อการนับคะแนนที่หน่วยแล้ว ทำให้เลือกตั้งไม่เป็นความลับอีกต่อไป การลงคะแนนล่วงหน้าหลังจากนี้ ถือเป็นบัตรเสียทั้งหมด...
จากกรณีที่นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2557 เป็นโมฆะ เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 รวมทั้งมีนักกฎหมายหลายคนออกมาให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เข้าข่ายเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นในวันเดียวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 นั้น
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ไม่น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญทั้ง มาตรา 68 และมาตรา 108 เพราะแม้ว่าตามพระราชกฤษฎีกายุบสภาจะระบุว่า ให้มีวันเลือกตั้งทั่วไปเพียงวันเดียวพร้อมกัน แต่เมื่อมีเหตุจำเป็นที่มีบางเขตเลือกตั้งยังไม่สามารถรับสมัครเลือกตั้งได้ ทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งเพิ่มเติม ตรงนี้ต้องถือว่า ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.อยู่ จึงไม่จำเป็นต้องออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งในส่วนนี้เพิ่มเติมแต่อย่างใด
“ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก หากจะมีการตีความว่า การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้จัดการเลือกตั้งในวันเดียว ถ้าเป็นอย่างนั้น ต่อไป ใครอยากให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ก็ไปปิดกั้นไม่ให้มีการสมัครรับเลือกตั้งเพียงเขตเดียว ก็จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะทั้งหมด ดังนั้น การตีความเช่นนี้ จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้เกิดปัญหาตามมา” นายปริญญากล่าว
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ กล่าวอีกว่า แม้จะมองว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่อยากตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่มีการเปิดหีบนับคะแนนตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่แม้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.จะไม่ได้มีการประกาศผลการเลือกตั้งอันเนื่องมาจากว่า ยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าและการเลือกตั้งนอกเขตเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ได้ แต่ได้มีการประกาศคะแนนตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆแล้ว ทำให้หลายเขตมีการเปิดเผยคะแนนรวมของวันที่ 2 ก.พ.ออกมาแล้ว จึงจะทำให้การเลือกตั้งล่วงหน้าที่จะกระทำภายหลังวันที่ 2 ก.พ. เป็นบัตรเสียทั้งหมด เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการให้การเลือกตั้งเป็นความลับ เมื่อมีการทราบผลล่วงหน้าบางส่วนไปแล้ว หากเขตใดที่ผู้สมัครมีคะแนนสูสีกัน ก็อาจมีการไปกดดันผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนให้กับผู้สมัครรายใดรายหนึ่งได้
นายปริญญา กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งที่ล่วงหน้าที่จะจัดขึ้นหลังวันที่ 2 ก.พ.จะกลายเป็นบัตรเสียทั้งหมด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว. มาตรา 102 วรรค 2 ที่ว่า “ในกรณีที่บัตรเลือกตั้งส่งมาถึงสถานที่นับคะแนนของเขตเลือกตั้งใดหลังจากเริ่มนับคะแนนแล้วให้ถือว่าบัตรเลือกตั้งนั้นเป็นบัตรเสีย” เนื่องจากไม่ได้ส่งมานับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งก่อนเริ่มนับคะแนน และแม้ กกต.จะอ้างว่า มีการนับคะแนนไปแล้วจริง แต่ยังไม่ได้มีการประกาศคะแนน การเลือกตั้งล่วงหน้า ก็ถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 ที่ระบุว่า การเลือกตั้ง ส.ส.ให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ แต่กรณีที่เกิดขึ้น มีการทราบผลคะแนนบางส่วนไปแล้ว จึงถือว่า ไม่เป็นความลับอีกต่อไป.
โมฆะ 1000% โอกาสโมฆะสูง! ลต.ล่วงหน้า 2ก.พ.บัตรเสียทั้งหมด-ขัดหลักเลือกตั้งโดยลับ
จากกรณีที่นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2557 เป็นโมฆะ เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 รวมทั้งมีนักกฎหมายหลายคนออกมาให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เข้าข่ายเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นในวันเดียวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 นั้น
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ไม่น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญทั้ง มาตรา 68 และมาตรา 108 เพราะแม้ว่าตามพระราชกฤษฎีกายุบสภาจะระบุว่า ให้มีวันเลือกตั้งทั่วไปเพียงวันเดียวพร้อมกัน แต่เมื่อมีเหตุจำเป็นที่มีบางเขตเลือกตั้งยังไม่สามารถรับสมัครเลือกตั้งได้ ทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งเพิ่มเติม ตรงนี้ต้องถือว่า ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.อยู่ จึงไม่จำเป็นต้องออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งในส่วนนี้เพิ่มเติมแต่อย่างใด
“ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก หากจะมีการตีความว่า การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้จัดการเลือกตั้งในวันเดียว ถ้าเป็นอย่างนั้น ต่อไป ใครอยากให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ก็ไปปิดกั้นไม่ให้มีการสมัครรับเลือกตั้งเพียงเขตเดียว ก็จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะทั้งหมด ดังนั้น การตีความเช่นนี้ จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้เกิดปัญหาตามมา” นายปริญญากล่าว
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ กล่าวอีกว่า แม้จะมองว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่อยากตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่มีการเปิดหีบนับคะแนนตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่แม้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.จะไม่ได้มีการประกาศผลการเลือกตั้งอันเนื่องมาจากว่า ยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าและการเลือกตั้งนอกเขตเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ได้ แต่ได้มีการประกาศคะแนนตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆแล้ว ทำให้หลายเขตมีการเปิดเผยคะแนนรวมของวันที่ 2 ก.พ.ออกมาแล้ว จึงจะทำให้การเลือกตั้งล่วงหน้าที่จะกระทำภายหลังวันที่ 2 ก.พ. เป็นบัตรเสียทั้งหมด เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการให้การเลือกตั้งเป็นความลับ เมื่อมีการทราบผลล่วงหน้าบางส่วนไปแล้ว หากเขตใดที่ผู้สมัครมีคะแนนสูสีกัน ก็อาจมีการไปกดดันผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนให้กับผู้สมัครรายใดรายหนึ่งได้
นายปริญญา กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งที่ล่วงหน้าที่จะจัดขึ้นหลังวันที่ 2 ก.พ.จะกลายเป็นบัตรเสียทั้งหมด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว. มาตรา 102 วรรค 2 ที่ว่า “ในกรณีที่บัตรเลือกตั้งส่งมาถึงสถานที่นับคะแนนของเขตเลือกตั้งใดหลังจากเริ่มนับคะแนนแล้วให้ถือว่าบัตรเลือกตั้งนั้นเป็นบัตรเสีย” เนื่องจากไม่ได้ส่งมานับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งก่อนเริ่มนับคะแนน และแม้ กกต.จะอ้างว่า มีการนับคะแนนไปแล้วจริง แต่ยังไม่ได้มีการประกาศคะแนน การเลือกตั้งล่วงหน้า ก็ถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 ที่ระบุว่า การเลือกตั้ง ส.ส.ให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ แต่กรณีที่เกิดขึ้น มีการทราบผลคะแนนบางส่วนไปแล้ว จึงถือว่า ไม่เป็นความลับอีกต่อไป.