ผมมีโอกาสไปต่างแดน เลยอยากแบ่งประสบการณ์และอยากหัดเขียนหนังสือครับ

ผมได้มีโอกาสไปประเทศแคนาดา
เลยอยากลองเล่าเรื่องราวต่างๆ
ผ่านสไตลการเขียนของตัวเองดูบ้าง
เลยตั้งชื่อเรื่องในการเขียนครั้งนี้ว่า

" นอกเรื่อง "

มันมีที่มาที่ไปยังไงของชื่อเรื่องนี้
ต้องลองอ่านๆ กันไป

นอกเรื่อง ตอนที่ หนึ่ง “ ก้าวไป ”

ผมได้มีโอกาสครั้งหนึ่ง
ในช่วงปิดเทอมใหญ่

เพื่อไปเรียนต่อที่ประเทศแคนาดา
เมืองแวนคูเวอร์ เป็นเวลา 3 เดือน
กับเอเย่น EF Education First

บอกตรงๆ ครับ
ก่อนจะเลือกเมือง Vancouver
ผมได้เลือกประเทศ Germany เมือง Munich
เพราะอยากได้ภาษาใหม่ เเละ
( ความลับๆ ครับ รอเล่มต่อไป เนอะ )

แต่แล้วโชคชะตาเป็นใจ
ให้ผมที่เป็นคนหน้าตาน่าสงสาร
ไม่ผ่านสถานทูตเยอรมัน

เนื่องจากผมพูดภาษาเยอรมันไม่เป็นเลยสักนิด
แถมไปแค่สามเดือนมันน้อยเกินไป

พวกเขาคิดว่า
“ ผมจะไปเป็นอาชญากรอันโหดร้าย ”
( สงสัยหน้าตาเราน่ากลัว !! )

ผมเลยตัดสินใจถามพี่เก่ง
พี่เก่งเป็นเจ้าหน้าที่
ที่คอยดูแลเอกสารให้ผม


" เมืองอะไร ที่สวยที่สุด " ผมถาม
" เมืองนี้เลย Vancouver " พี่เก่งตอบ

ผมก็เลือกเมือง Vancouver นี้เลย

ง่ายๆ ครับ ง่ายๆ

ก่อนที่จะขึ้นเครื่องไปเรียน
พี่ผมสองคนใจดีอย่างมาก
ชื่อ “ พี่หนิง ” และ “ พี่ตั้ง ”
พี่ตั้งเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการเดินทางอย่างโชกโชน
เขาสอนว่าเราต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนขึ้นเครื่อง

ตอนนั้น ตื่นเต้นสุดๆ
เพราะต้องจำทุกอย่าง
กลัวจะลืม ถ้าผมลืมมีหวัง....

พี่ผมสองคน
สอนผมอยู่ในร้านอาหารที่สนามบินสุวรรณภูมิ
การกินอาหารของประเทศไทยครั้งสุดท้าย
ก่อนออกเดินทางนั้น มันน่าจดจำยิ่งนัก

" ข้าวไข่เจียวกับน้ำพริกปลาทู "

อร่อย สุดๆ

กินไป นั่งฟังพี่เล่าเรื่องต่างๆไป
และสอนวิธีการเตรียมตัวทุกอย่าง
เวลาอยู่บนเครื่องว่าต้องทำอะไรบ้าง


ผมเป็นคนไม่ค่อยเก่งอังกฤษเท่าไหร่
พอถูๆ ไถๆ ได้

แต่อย่าถูไถเยอะ นะ ครับ
" เดี๋ยวแสบ "

แต่ถ้าให้ผมไปพูดแถๆ คงจะสบายใจกว่า
ผมว่า การพูดแถเป็นศิลปะอย่างหนึ่งนะ
ที่คุณต้องคิดและสร้างสรรค์ออกมา
ว่าจะพูดออกมาเป็นอย่างไร
( นี่ก็เป็นการแถนะ )

การเดินทางของผมจะเริ่มจาก
การนั่งเครื่องบินจากสุวรรณภูมิ
ไปลงที่สนามบินอินชอน
และตบท้ายด้วยการบินตรงไปเมือง Vancouver
โดยขึ้นเครื่องของสายการบิน Korean Air

สายการบินนี้

ขอบอกเลยนะครับ

แจ่ม จริงๆ

ทำให้ผมนั่งตาโตตลอดทางเลยครับ
ไม่ใช่เพราะแอร์โฮสเตสนะ

" กาแฟ " ครับ " กาแฟ " ช่างนุ่มจริงๆ
( อันที่จริงเป็นไปอย่างที่คุณคิดนั่นแหละ )


แอร์โฮสเตสทุกคนหน้าตาดีมากๆ
อย่างกับไปคัดตัวนางสาวไทยมา

แหมะ !!

อยากจะเก็บไว้สักคนจริงๆ

หลังจากผมโบกลาพี่ๆ ของผมเพื่อที่จะไปขึ้นเครื่อง
ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันช่างนิ่งเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อ !!

หลังจากนั้น
ผมได้พบเพื่อนร่วมเดินทางคนใหม่
เราเจอกันบนเครื่องบิน
ตอนนั้น นั่งจาก สุวรรณภูมิไปอินชอน
เพื่อนคนนี้ชื่อ “ Ken Casler ” ชาว America
อยู่เมือง Seattle เป็นคนใจดีมากๆ

เขามาประเทศไทย
เพื่อมาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่
เป็นคนที่ยิ้มตลอดๆ

ยิ้มเยอะๆ ไม่บ้า นะ ครับ
แต่มันหมายถึง
คนที่สามารถทำให้โลกสวยด้วย “ รอยยิ้ม ”

" รอยยิ้ม " เป็นหน้าต่างของ " หัวใจ "

ตอนเราเจอกันบนเครื่องบิน
“ เค็น “ คอยพูดคุย กับ
ชาวต่างชาติแทนผมเกือบทุกอย่าง

“ เค็น “ ยังบอกก่อนจะถึงสนามบินอินชอนว่า
เราสามารถออกไปพักผ่อน
ในโรงแรมของเพื่อนเขาได้
ซึ่งอยู่ในตัวเมืองเกาหลี

....ทุกอย่างฟรีครับ.....

แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เมื่อ “ เค็น “ไม่สามารถออกไปพักข้างนอกได้
เนื่องจากตั๋วของ “ เค็น “ ใช้เวลาพักเครื่องประมาณ 8 ชั่วโมง
ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกตัวสนามบินได้
เพราะการที่จะออกไปพักในตัวเมืองได้
จะต้องพักเครื่องมากกว่าหรือเท่ากับ 9 ชั่วโมง

ส่วนของผมเจ้าหน้าที่ของประเทศเกาหลี
บอกกับผมว่า

“ เนื่องจากผมต้องพักเครื่องอยู่ที่อินชอนถึง 9 ชั่วโมง
ผมสามารถออกไปพักโรงแรมข้างนอกได้
และเราจะมีรถรับส่งให้ ”

“ เค็น “ ก็ถามผมว่า
“ ผมอยากจะออกไปพักข้างนอกหรือไปกับเขา ? ”

ผมตอบว่า
" มาด้วยกันไปด้วยกันดีกว่า "

พวกเราเลยไปพักอยู่ที่แผนก Prestige class แทน
แผนกนี้จะเป็นที่พักให้กับนักท่องเที่ยวที่รอจะไปจุดหมายต่อไป

" เค็น " บอกกับผมว่า
“ ผมเนี่ย ต่างจากคนอื่นๆ นะ
เพราะคุณมีโอกาสไปพักในโรงแรมข้างนอกได้อย่างสบายๆ
แต่คุณเลือกที่จะมากับฉัน
คุณเป็นคนน่าสนใจจริงๆ ”


ผมได้ฟังก็รู้สึก
ขออนุญาตคุณผู้อ่าน
เพื่อที่ผมจะขอ

เขินนิดๆ เนอะ !!!

คนไทยทุกคนน่ารักครับ น่ารัก

....To Be Continue.....

2
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่