ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์น้อยคนที่จะหลุดพ้นจากคำว่าอำนาจ...เพียงแต่จะอยู่ในรูปแบบหรือวิธีการใดก็แค่นั้น
ระบอบอำนาจนิยม...มันคงมีมาตั้งแต่ยุค ไก่ กับ ไข่ อะไรเกิดก่อนกันแล้ว..
ซึ่งในอดีตเหล่ากษัตริย์ทั้งที่ต้องการรักษาอำนาจของตนไว้ต่างก็ใช้ระบอบอำนาจนิยมในรูปแบบต่างๆ เช่นอ้างความดีเป็นเครื่องมือโดยเอาเปลือกศาสนามาผูกอำนาจของตนไว้...
หรือในยุคโรมันกษัตริย์ก็เอาเปลือกของศาสนาคริสต์มาเป็นเครื่องมือรักษาอำนาจของตน
แม้แต่ในยุคของพระพุทธเจ้า เหล่ากษัตริย์ก็เอาเปลือกของศาสนาพุทธเป็นเครื่องมือเฉกเช่นเดียวกัน...
ระบบอำมาตย์ หรือ ระบอบคณาธิปไตย หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียกซึ่งให้กลุ่มคนเพียงบางกลุ่มเป็นผู้ชี้นำประเทศแทนการฟังเสียงของคนส่วนใหญ่ในประเทศเป็นการใช้ระบอบอำนาจนิยมอย่างชัดเจนเพราะจะหาคนตรวจสอบการใช้อำนาจของกลุ่มคนเหล่านี้คงยากยิ่ง..หรือแม้แต่
ระบบหรือระบอบ ทุนนิยม คือระบอบอำนาจนิยมชนิดหนึ่ง ที่มีการเปลี่ยนรูปแบบของอำนาจโดยใช้เงินตราเป็นตัวบ่งชี้..ซึ่งมักจะแอบแฝงมาในรูปแบบของระบอบประชาธิปไตย..
ทุกระบอบในโลกนี้ไม่มีระบอบใดที่ไม่ใช้ระบอบอำนาจนิยมเพียงแต่เปลี่ยนวิธีการหรือรูปแบบการใช้ของตัวมันเอง...
มันคงไม่ต่างกับ พลังงานศักย์ กับ พลังงานจล...ในวิชาฟิสิกส์
ถ้าในความคิดของผม ระบอบที่จะสามารถคานระบอบอำนาจนิยมได้..ที่เห็นชัดเจนที่สุดคงมีระบอบประชาธิไตยเท่านั้นที่พอจะคานระบอบนี้ได้...
ในสมัยพระพุทธศาสดา พระองค์ท่านเคยนำระบอบที่เรียกได้ว่าพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยเอามาใช้อย่างเช่นในวันออกพรรษา คือในภาษาทางพระ เรียกกันว่า วันปวารณา....พระองค์ทรงให้พระสาวกสงฆ์แต่ละรูปสามารถตำหนิติเตียนซึ่งกันและกันได้ต่อให้เป็นพระผู้น้อยก็ตาม ไม่เว้นแม้แต่ตัวของพระองค์เอง...เหมือนเตือนสติว่าไม่ได้มีใครดีไปกว่าใคร....
ผมว่าระบอบอำนาจนิยม ไม่ว่าจะพวกระบบอำมาตย์ หรือ พรรครัฐบาล ก็ต่างใช่ระบอบอำนาจนิยม เพื่อให้กลุ่มตนได้ผลประโยชน์พอๆกัน เพียงแต่ระบบอำมาตย์ชอบยกสถาบันมาใช้เป็นเครื่องมือ....ส่วนระบบพรรครัฐบาลถือภาษีดีกว่าตรงที่เดินเกมตามกติกาของกฏหมาย...แต่ในเรื่องของการใช้ระบอบอำนาจนิยมก็มีกันทั้งสองฝ่าย
อย่างเช่น กลุ่มคนเสื้อแดง,กลุ่มคนเสื้อเหลืองที่ หิวเงินบ้าอำนาจที่หวังว่าจะได้ผลประโยชน์จากพวกพ้องของตนเมื่องานสำเร็จ และพร้อมโยกย้ายทีมได้เสมอเมื่อมีเงินมีอำนาจมาเข้าล่อหรือต่อรอง...
...คนพวกนี้คือพวกที่ไม่มีอุดมการณ์ทางประชาธิปไตยที่แท้จริง
เพราะถ้าจะพูดตามจริงคนที่เข้าใจในระบอบประชาธิปไตยจริงๆ ก็คือ เสื้อแดงกลุ่มใหญ่ ,เหลืองบางส่วน ที่ศึกษาระบบการปกครองของไทยอย่างเข้าใจและไม่มีอคติ พร้อมยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อประโยชน์ของคนในชาติจริงๆ
คำนึงถึงประชาชนส่วนใหญ่ ให้ความรู้แก่ประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่ตกเป็นเบี้ยให้พวกอำมาตย์หรือพรรคการเมืองหลอกใช้....
ปล. นี้คือตัวอย่างของระบอบอำนาจนิยม ที่แบ่งผลประโยชน์หรือแบ่งอำนาจ กันไม่ลงตัว....
ใครมีญาติที่ชอบดูบลูสกายก็เอาลิงค์นี้ให้ญาติดูเผื่อจะคิดอะไรได้บ้าง.......
http://www.youtube.com/watch?v=PUB3jMQS8ho
ผมว่าลิ้งค์นี้อาจจะเก่าไป ...แต่สามารถตอบโจทย์ปัญหาบ้านเมืองได้ดีพอสมควร...
http://www.zertube.com/watch-xRuSseKhOIQ-ดร+สมศักดิ์+เจียมฯ+v+ส+ศิวรักษ์+part2+ตอบโจทย์ประเทศไทย+thaipbs+18+03+2013
ระบอบอำนาจนิยม (Authoritarianism) ระบอบแท้จริงของสังคมโลก
ระบอบอำนาจนิยม...มันคงมีมาตั้งแต่ยุค ไก่ กับ ไข่ อะไรเกิดก่อนกันแล้ว..
ซึ่งในอดีตเหล่ากษัตริย์ทั้งที่ต้องการรักษาอำนาจของตนไว้ต่างก็ใช้ระบอบอำนาจนิยมในรูปแบบต่างๆ เช่นอ้างความดีเป็นเครื่องมือโดยเอาเปลือกศาสนามาผูกอำนาจของตนไว้...
หรือในยุคโรมันกษัตริย์ก็เอาเปลือกของศาสนาคริสต์มาเป็นเครื่องมือรักษาอำนาจของตน
แม้แต่ในยุคของพระพุทธเจ้า เหล่ากษัตริย์ก็เอาเปลือกของศาสนาพุทธเป็นเครื่องมือเฉกเช่นเดียวกัน...
ระบบอำมาตย์ หรือ ระบอบคณาธิปไตย หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียกซึ่งให้กลุ่มคนเพียงบางกลุ่มเป็นผู้ชี้นำประเทศแทนการฟังเสียงของคนส่วนใหญ่ในประเทศเป็นการใช้ระบอบอำนาจนิยมอย่างชัดเจนเพราะจะหาคนตรวจสอบการใช้อำนาจของกลุ่มคนเหล่านี้คงยากยิ่ง..หรือแม้แต่
ระบบหรือระบอบ ทุนนิยม คือระบอบอำนาจนิยมชนิดหนึ่ง ที่มีการเปลี่ยนรูปแบบของอำนาจโดยใช้เงินตราเป็นตัวบ่งชี้..ซึ่งมักจะแอบแฝงมาในรูปแบบของระบอบประชาธิปไตย..
ทุกระบอบในโลกนี้ไม่มีระบอบใดที่ไม่ใช้ระบอบอำนาจนิยมเพียงแต่เปลี่ยนวิธีการหรือรูปแบบการใช้ของตัวมันเอง...
มันคงไม่ต่างกับ พลังงานศักย์ กับ พลังงานจล...ในวิชาฟิสิกส์
ถ้าในความคิดของผม ระบอบที่จะสามารถคานระบอบอำนาจนิยมได้..ที่เห็นชัดเจนที่สุดคงมีระบอบประชาธิไตยเท่านั้นที่พอจะคานระบอบนี้ได้...
ในสมัยพระพุทธศาสดา พระองค์ท่านเคยนำระบอบที่เรียกได้ว่าพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยเอามาใช้อย่างเช่นในวันออกพรรษา คือในภาษาทางพระ เรียกกันว่า วันปวารณา....พระองค์ทรงให้พระสาวกสงฆ์แต่ละรูปสามารถตำหนิติเตียนซึ่งกันและกันได้ต่อให้เป็นพระผู้น้อยก็ตาม ไม่เว้นแม้แต่ตัวของพระองค์เอง...เหมือนเตือนสติว่าไม่ได้มีใครดีไปกว่าใคร....
ผมว่าระบอบอำนาจนิยม ไม่ว่าจะพวกระบบอำมาตย์ หรือ พรรครัฐบาล ก็ต่างใช่ระบอบอำนาจนิยม เพื่อให้กลุ่มตนได้ผลประโยชน์พอๆกัน เพียงแต่ระบบอำมาตย์ชอบยกสถาบันมาใช้เป็นเครื่องมือ....ส่วนระบบพรรครัฐบาลถือภาษีดีกว่าตรงที่เดินเกมตามกติกาของกฏหมาย...แต่ในเรื่องของการใช้ระบอบอำนาจนิยมก็มีกันทั้งสองฝ่าย
อย่างเช่น กลุ่มคนเสื้อแดง,กลุ่มคนเสื้อเหลืองที่ หิวเงินบ้าอำนาจที่หวังว่าจะได้ผลประโยชน์จากพวกพ้องของตนเมื่องานสำเร็จ และพร้อมโยกย้ายทีมได้เสมอเมื่อมีเงินมีอำนาจมาเข้าล่อหรือต่อรอง...
...คนพวกนี้คือพวกที่ไม่มีอุดมการณ์ทางประชาธิปไตยที่แท้จริง
เพราะถ้าจะพูดตามจริงคนที่เข้าใจในระบอบประชาธิปไตยจริงๆ ก็คือ เสื้อแดงกลุ่มใหญ่ ,เหลืองบางส่วน ที่ศึกษาระบบการปกครองของไทยอย่างเข้าใจและไม่มีอคติ พร้อมยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อประโยชน์ของคนในชาติจริงๆ
คำนึงถึงประชาชนส่วนใหญ่ ให้ความรู้แก่ประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่ตกเป็นเบี้ยให้พวกอำมาตย์หรือพรรคการเมืองหลอกใช้....
ปล. นี้คือตัวอย่างของระบอบอำนาจนิยม ที่แบ่งผลประโยชน์หรือแบ่งอำนาจ กันไม่ลงตัว....
ใครมีญาติที่ชอบดูบลูสกายก็เอาลิงค์นี้ให้ญาติดูเผื่อจะคิดอะไรได้บ้าง.......
http://www.youtube.com/watch?v=PUB3jMQS8ho
ผมว่าลิ้งค์นี้อาจจะเก่าไป ...แต่สามารถตอบโจทย์ปัญหาบ้านเมืองได้ดีพอสมควร...
http://www.zertube.com/watch-xRuSseKhOIQ-ดร+สมศักดิ์+เจียมฯ+v+ส+ศิวรักษ์+part2+ตอบโจทย์ประเทศไทย+thaipbs+18+03+2013