ช่วงวันเลือกตั้งกับวัน “ปิกนิกแห่งชาติ” ที่ผ่านมา เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งถามผมว่า “อีก 3-5 ปีข้างหน้าประเทศไทยเราจะเป็นอย่างไรครับ?”
เขาบอกว่า ที่ถามอย่างนี้เพราะมองไม่เห็นทางออกให้กับบ้านเมืองวันนี้ แต่สำหรับเขาและเพื่อนรุ่นเดียวกัน อนาคตยังมีอีกยาวไกล พวกเขาต้องการเห็นภาพไกลกว่าที่เห็นอยู่ในวันนี้
ผมบอกเขาว่า “อีก 3-5 ปี ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร อยู่ที่คนรุ่นพวกคุณจะเริ่มการปฏิรูปบ้านเมืองตั้งแต่วันนี้อย่างไร”
ผมบอกพวกเขาว่า อีก 3-5 ปี ตัวละครที่มีความขัดแย้งกันอยู่ในวันนี้จะหมดสภาพ แม้ว่าจะมีชีวิตอยู่ก็จะไม่สามารถมีอำนาจปกครองบ้านเมืองอย่างที่เป็นอยู่ และหากแกนนำฝ่ายต่อต้านวันนี้ ไม่สามารถ “ปฏิรูปประเทศ” อย่างจริงจัง ตามที่ประชาชนเรียกร้องต้องการ พวกเขาก็จะหมดสภาพไปเช่นกัน
เรียกว่า ทุกฝ่ายที่ยื้อเกมการเมืองกันอยู่ในวันนี้ จะหมดสิทธิที่จะอ้าง “ประชาชน” อีกต่อไป หากไม่มีการปฏิรูปประเทศชาติ อย่างแท้จริง
วันนี้ คนรุ่นใหม่มองไม่เห็นว่าฝ่ายต่างๆ ที่ติดกับดักอยู่กับความขัดแย้ง จะมีสติปัญญาที่จะพาประเทศออกจากห้วงเหวแห่งวิกฤติได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ หากมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหา และไม่พาบ้านเมืองเข้ารกเข้าพงอย่างที่เห็นอยู่ในวันนี้แล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรยากเย็นเกินกว่าการที่จะแสวงหาทางออกร่วมกันได้เลย
มีข้อเสนอมากมายหลายข้อจากฝ่ายต่างๆ ที่ไม่ได้อยู่ในความขัดแย้ง ซึ่งควรจะเป็นแนวทางของการยุติความสับสนวุ่นวาย แต่คู่กรณียังยืนกระต่ายขาเดียวว่าฝ่ายตนต้องเป็นหลักในโครงสร้างอำนาจ ไม่ยอมเจรจา ไม่ยอมถอย ไม่ยอมลดทอนอำนาจของตนเลย แม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้ มีการรับปากรับคำว่า “เลือกตั้งกับปฏิรูปเป็นคู่ขนานกัน” แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ก็เป็นเพียงลมปากเท่านั้น เป้าหมายจริงๆ ก็คือ การเกาะกุมอำนาจต่อไป เพื่อต่อรองกับอีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่สนใจว่าเมื่อเผชิญหน้ากันยืดเยื้อเช่นนี้แล้ว บ้านเมืองก็เดินหน้าไม่ได้ รัฐบาลรักษาการก็กลายเป็น “เป็ดง่อย” ไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้
ข้อเสนอที่จะผ่าทางตันนั้น หมายความว่า คู่กรณีจะต้องยอมลดเงื่อนไขของตน แสวงหาจุดร่วมและสงวนจุดต่าง แต่ฝ่ายรัฐบาลรักษาการอ้างว่าเมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว ไม่ว่าจะพิกลพิการเพียงใด อำนาจรัฐก็อยู่ในมือตนเอง ขณะที่ฝ่าย กปปส. ก็อ้างว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ รัฐบาลไม่อาจอ้างความชอบธรรมใดๆ ได้เลย แล้วไงต่อ? รัฐบาลไปต่อไม่ได้ เลือกตั้งใหม่กี่รอบก็ยังจะทุลักทุเล และความ “ผิดปกติ” ก็จะหลอกหลอนรัฐบาลต่อไป ฝ่าย กปปส. ก็ยังไม่อาจจะระบุว่า “ชัยชนะ” ที่แสวงหานั้นมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร และจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร
ทั้งสองฝ่ายไม่พูดเรื่อง “ปฏิรูป” แล้ว ข้อเสนอให้ “เดินหน้าปฏิรูป” ของหลายฝ่ายในสังคม ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้รับความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลรักษาการ หรือ กปปส. เพราะต่างฝ่ายต่างมุ่งหวัง “ชัยชนะเฉพาะหน้า” ไม่ได้ตอบคำถามว่าจะบรรลุเป้าหมาย “ปฏิรูป” ได้อย่างไร
คำถามของคนรุ่นใหม่ ว่าอีก 3-5 ปี บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ก็มาจากความเชื่อที่ว่าสิ่งที่เห็นอยู่วันนี้ในสังคมไทยนั้น ไม่สามารถตอบโจทย์ใหญ่ได้ เพราะว่าคุณภาพนักการเมืองที่เห็นอยู่ ไม่สามารถให้ความหวังกับพวกเขาได้ และกระบวนการของสังคมที่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงและปฏิรูป เพื่อสร้าง “ประเทศไทยในอนาคต” ก็ยังไม่มีพลังเพียงพอที่จะสร้างศรัทธาให้กับพวกเขาได้เลย
ผมตอบวัยรุ่นคนที่ถามผม ว่า อย่าได้สิ้นหวัง อย่าหมกมุ่นอยู่กับตัวละครที่เป็นพระเอก/ผู้ร้ายในสายตาของพวกเขาวันนี้ เพราะว่าอีกไม่นานพวกเขาจะก็จากไป อนาคตอันใกล้นี้คือจุดเริ่มต้นสร้างสังคมใหม่ของคนรุ่นเขา
ขอให้เริ่มเขียน “แผนที่เดินทาง” สำหรับ “ประเทศไทยอันพึงปรารถนา” ของพวกเขาเถิด... คนรุ่นเก่าที่กำลังฟาดฟันกันอยู่ขณะนี้ คือ สัญลักษณ์ของความล้มเหลวในการสร้างชาติ...อย่างแน่แท้
ที่มา
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/suthichaiyoon/20140206/561216/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-:-%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81-3-5-%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3-.html
คนรุ่นใหม่อยากรู้ : อีก 3-5 ปีข้างหน้า บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร? ผมก็อยากรู้เหมือนกัน
เขาบอกว่า ที่ถามอย่างนี้เพราะมองไม่เห็นทางออกให้กับบ้านเมืองวันนี้ แต่สำหรับเขาและเพื่อนรุ่นเดียวกัน อนาคตยังมีอีกยาวไกล พวกเขาต้องการเห็นภาพไกลกว่าที่เห็นอยู่ในวันนี้
ผมบอกเขาว่า “อีก 3-5 ปี ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร อยู่ที่คนรุ่นพวกคุณจะเริ่มการปฏิรูปบ้านเมืองตั้งแต่วันนี้อย่างไร”
ผมบอกพวกเขาว่า อีก 3-5 ปี ตัวละครที่มีความขัดแย้งกันอยู่ในวันนี้จะหมดสภาพ แม้ว่าจะมีชีวิตอยู่ก็จะไม่สามารถมีอำนาจปกครองบ้านเมืองอย่างที่เป็นอยู่ และหากแกนนำฝ่ายต่อต้านวันนี้ ไม่สามารถ “ปฏิรูปประเทศ” อย่างจริงจัง ตามที่ประชาชนเรียกร้องต้องการ พวกเขาก็จะหมดสภาพไปเช่นกัน
เรียกว่า ทุกฝ่ายที่ยื้อเกมการเมืองกันอยู่ในวันนี้ จะหมดสิทธิที่จะอ้าง “ประชาชน” อีกต่อไป หากไม่มีการปฏิรูปประเทศชาติ อย่างแท้จริง
วันนี้ คนรุ่นใหม่มองไม่เห็นว่าฝ่ายต่างๆ ที่ติดกับดักอยู่กับความขัดแย้ง จะมีสติปัญญาที่จะพาประเทศออกจากห้วงเหวแห่งวิกฤติได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ หากมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหา และไม่พาบ้านเมืองเข้ารกเข้าพงอย่างที่เห็นอยู่ในวันนี้แล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรยากเย็นเกินกว่าการที่จะแสวงหาทางออกร่วมกันได้เลย
มีข้อเสนอมากมายหลายข้อจากฝ่ายต่างๆ ที่ไม่ได้อยู่ในความขัดแย้ง ซึ่งควรจะเป็นแนวทางของการยุติความสับสนวุ่นวาย แต่คู่กรณียังยืนกระต่ายขาเดียวว่าฝ่ายตนต้องเป็นหลักในโครงสร้างอำนาจ ไม่ยอมเจรจา ไม่ยอมถอย ไม่ยอมลดทอนอำนาจของตนเลย แม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้ มีการรับปากรับคำว่า “เลือกตั้งกับปฏิรูปเป็นคู่ขนานกัน” แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ก็เป็นเพียงลมปากเท่านั้น เป้าหมายจริงๆ ก็คือ การเกาะกุมอำนาจต่อไป เพื่อต่อรองกับอีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่สนใจว่าเมื่อเผชิญหน้ากันยืดเยื้อเช่นนี้แล้ว บ้านเมืองก็เดินหน้าไม่ได้ รัฐบาลรักษาการก็กลายเป็น “เป็ดง่อย” ไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้
ข้อเสนอที่จะผ่าทางตันนั้น หมายความว่า คู่กรณีจะต้องยอมลดเงื่อนไขของตน แสวงหาจุดร่วมและสงวนจุดต่าง แต่ฝ่ายรัฐบาลรักษาการอ้างว่าเมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว ไม่ว่าจะพิกลพิการเพียงใด อำนาจรัฐก็อยู่ในมือตนเอง ขณะที่ฝ่าย กปปส. ก็อ้างว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ รัฐบาลไม่อาจอ้างความชอบธรรมใดๆ ได้เลย แล้วไงต่อ? รัฐบาลไปต่อไม่ได้ เลือกตั้งใหม่กี่รอบก็ยังจะทุลักทุเล และความ “ผิดปกติ” ก็จะหลอกหลอนรัฐบาลต่อไป ฝ่าย กปปส. ก็ยังไม่อาจจะระบุว่า “ชัยชนะ” ที่แสวงหานั้นมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร และจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร
ทั้งสองฝ่ายไม่พูดเรื่อง “ปฏิรูป” แล้ว ข้อเสนอให้ “เดินหน้าปฏิรูป” ของหลายฝ่ายในสังคม ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้รับความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลรักษาการ หรือ กปปส. เพราะต่างฝ่ายต่างมุ่งหวัง “ชัยชนะเฉพาะหน้า” ไม่ได้ตอบคำถามว่าจะบรรลุเป้าหมาย “ปฏิรูป” ได้อย่างไร
คำถามของคนรุ่นใหม่ ว่าอีก 3-5 ปี บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ก็มาจากความเชื่อที่ว่าสิ่งที่เห็นอยู่วันนี้ในสังคมไทยนั้น ไม่สามารถตอบโจทย์ใหญ่ได้ เพราะว่าคุณภาพนักการเมืองที่เห็นอยู่ ไม่สามารถให้ความหวังกับพวกเขาได้ และกระบวนการของสังคมที่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงและปฏิรูป เพื่อสร้าง “ประเทศไทยในอนาคต” ก็ยังไม่มีพลังเพียงพอที่จะสร้างศรัทธาให้กับพวกเขาได้เลย
ผมตอบวัยรุ่นคนที่ถามผม ว่า อย่าได้สิ้นหวัง อย่าหมกมุ่นอยู่กับตัวละครที่เป็นพระเอก/ผู้ร้ายในสายตาของพวกเขาวันนี้ เพราะว่าอีกไม่นานพวกเขาจะก็จากไป อนาคตอันใกล้นี้คือจุดเริ่มต้นสร้างสังคมใหม่ของคนรุ่นเขา
ขอให้เริ่มเขียน “แผนที่เดินทาง” สำหรับ “ประเทศไทยอันพึงปรารถนา” ของพวกเขาเถิด... คนรุ่นเก่าที่กำลังฟาดฟันกันอยู่ขณะนี้ คือ สัญลักษณ์ของความล้มเหลวในการสร้างชาติ...อย่างแน่แท้
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/suthichaiyoon/20140206/561216/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-:-%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81-3-5-%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3-.html