วันพุธที่แล้วเราจะไปตัดผมที่ร้านนึงค่ะ แต่บังเอิญว่าร้านประจำปิด (ขอท้าวความถึงร้านประจำนะคะ...เรียกว่าประจำได้มั๊ย ไปปีละครั้ง 555 แต่ก็จะฝากผมไว้ร้านนี้ตลอดค่ะ ไม่ว่าจะตัดหรือดัด ซึ่งเราประทับใจร้านนี้มากเพราะพอเข้าไปทุกครั้งอาจารย์ที่เป็นสไตลลิสต์จะมาสอบถามก่อนค่ะว้าจะตัดทรงไหน เอาแบบมารึเปล่า ถ้าตัดแล้วจะเซทยากมั๊ย บอกข้อดีและข้อเสีย และแจ้งราคาก่อนล่วงหน้าค่ะ และถ้าเป็นการตัดอาจารย์จะถามลูกค้าก่อนลงมือตัดทุกครั้งค่ะว่าสั้นขนานนี้พอมั๊ย หรือสั้นไป)
แต่อย่างที่บอกค่ะว่าร้านนี้ปิดวันพุธ พอเราไปก็แอบเงิบเล็กน้อยเพราะอยากตัดผมมากค่ะ ก็เลยเอาวะลองหาร้านอื่นๆที่น่าเชื่อถือแถวนั้น
เดินไปเดินมาก็เจอร้าน More Hair Shop ภาพลักษณ์ดูดีมีสไตล์ค่ะ กว้างขวางค่ะ
พอเข้าไปพนักงานก็ถามว่าทำอะไรคะ พอเราบอกว่าตัดเท่านั้นพนักงานก็แจ้งว่าสระผมได้เลยค่ะ
งงสิคะ...เราเลยถามว่าไม่ดูแบบก่อนเหรอ เค้าบอกว่าเดี๋ยวค่อยดูก็ได้ค่ะ ---
ตกใจขั้นที่หนึ่ง เพราะไม่มีการสอบถามความต้องการของลูกค้าก่อน ซึ่งปกติควรมีการพูดคุยกับลูกค้าในเบื้องต้นก่อน
ระหว่างสระผมก็สระแค่รอบเดียวค่ะ เหมือนสระเองที่บ้าน แล้วก็เสร็จ
ตกใจขั้นที่สอง ทำไมสระเร็วจัง รอบเดียวแล้วนวดเลยค่ะ...ขณะนั้นไม่มีลูกค้าคนอื่นค่ะ ไม่สมควรต้องรีบขนาดนั้นค่ะ มาตรฐานการสระผมให้สะอาดตามร้านควรสระ 2 รอบแล้วค่อยนวดผมค่ะ
แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ หยวนๆเราไม่เรื่องมาก
พอมานั่งที่เก้าอี้ตัดผม ก็มีอาจารย์เกาหลีท่านนึงค่ะเข้ามาทักทายว่าจะเอาทรงอะไร เค้าก็บอกว่าทำได้ค่ะ (ข้อดีคือนาง friendly ค่ะ)
ปัดผม ปัดไปปัดมา นางจับผมด้านหลังแล้วตัดฉึบ คือตัดจากท้ายทอยค่ะ......(คือเรามองไม่เห็นค่ะแต่รู้สึกได้ว่ามันใกล้ต้นคอมากกกกก แต่ใจก็เริ่มไม่ดีแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ช่คนโวยวาย...คิดว่าเราคงทำบุญมาบ้าง มันคงไม่แย่มาก) ร้านนี้จะต่างจากร้านอื่นค่ะ ถ้าเป็นร้านอื่นจะตัดข้างๆก่อน แต่ร้านนี้เริ่มจากด้านหลังค่ะ...แต่ก็ถือเป็นเทคนิกค่ะ ไม่ว่ากัน แต่ผลลัพท์ที่ได้คือ....มันกุดมากค่ะ ทรงเด็กม.ต้นค่ะ ความยาวเลยติ่งหูมา 1.5 นิ้ว...แต่แบบที่เราให้ดูคือยาวถึงบ่าค่ะ...และที่สำคัญตัดเร็วมากค่ะ แล้วไม่ค่อยเนี๊ยบเท่าไหร่นัก
ตกใจขั้นที่สาม ทำไมสั้นเกินความคาดหมาย เราไม่ mind เรื่องความสั้นค่ะ ก็อาจจะแค่อายซักสองสัปดาห์เพราะอาจโดยเพื่อนแซวว่าทรงเดียวกับเด็กม.ต้น แต่ก็โอเคค่ะรับได้ แต่สิ่งที่อยากแนะนำคือควรสื่อสารกับลูกค้าให้ชัดเจนก่อนลงมือตัดค่ะ เพราะถ้าเจอลูกค้าที่จริงจังกับเส้นผมอาจทำให้ลูกค้าช้ำใจมากค่ะ
พอตัดจนสั้นแล้วเราก็เงิบเล็กน้อยค่ะตรงที่สั้นเกินคาด แต่เริ่มไม่ชอบใจจุดนี้ค่ะ เนื่องจากว่าถ้าผมเราสั้นด้านหลังจะกระเดิดนิดนึงค่ะ (ปีที่แล้วเราก็ตัดแบบนี้ที่ร้านเดิม แต่เค้าก็ไม่ได้เซ้าซี้ค่ะ..คือเราอยากตัดเค้าก็ตัดให้) แต่พอเป็นร้านนี้จะเริ่มมีการพูดให้เสียเซลฟ์นิดนึง เพราะเค้าบอกว่ารียบถ้าจะทำทรงนี้ต้องดัด (คือแบบเป็นผมสั้นประบ่า ดูเซอร์ๆฟูๆ สไตล์น้องนางเอกเกาหลี) ถึงจะดูดี ต้องดัด...คือเซทผมไปแล้วก็บอกว่าต้องดัดไป แล้วก็หันไปเปิดโทรศัพท์แล้วโชว์ให้ดูว่าดัดแล้วจะเป็นแบบนี้ค่ะ
ตกใจขั้นที่สี่ ทำไมต้องดัด? และทำไมแพงจัง? คือไม่เข้าใจค่ะ เพราะมันไม่ใช่ทรงที่จำเป็นต้องดัดค่ะ เราก็เลยตัดบทบอกว่าจะใช้ที่ม้วนเอา...เค้าตอบว่าเดี๋ยวผมเสีย...เราก็เลยปฏิเสธว่ายังไงก็ไม่ดัด แต่ก็ถามราคาเผื่อไว้สำหรับครั้งต่อไป ปรากฎว่าดัดผมสั้น....4,000บาท ไม่รวม Treatment และตัด
สุดท้ายเดินไปจ่ายเงินค่ะ ราคา 700 บาท...คือถ้าเทียบเป็นราคาเกาหลีก็ราว 25,000 วอนซึ่งเป็นราคาปกติ แต่ระดับความพึงพอใจยังไม่เหมาะสมกับ 700 บาทค่ะ
สะเทือนใจอยู่สามวันแต่ว่าตอนนี้กลับไปร้านประจำแล้วค่ะ อาจารย์แก้ผมให้เยอะเลยค่ะ จนรู้สึกประทับใจร้านเดิมแล้วก็ดัดออกมาเก๋ๆเรียบร้อยแล้วค่ะ ร้านเดิมราคา 3,000 บาทค่ะ Treatment อีก 1,000 บาท รวมเบ็ดเสร็จ 4,000 บาทค่ะ เนี๊ยบมากกกก ใช้เวลาดัดตั้งแต่เที่ยงจนถึงห้าโมงอ่ะค่ะ นานแต่เนี๊ยบค่ะ)
ด้วยความปรารถนาดีต่อ More Hair Shop นะคะ ขอแนะนำดังต่อไปนี้ค่ะ
1. อยากให้มีการสื่อสารกับลูกค้าให้มากกว่านี้ทั้งก่อนการปฏิบัติการใดๆ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างช่างกับลูกค้าค่ะ โดยเฉพาะเรื่องการตัด เพราะเชื่อว่าผู้หญิงหลายคนค่อนข้าง sensitive กับเรื่องระดับความสั้นของผมค่ะ
2. หากต้องการแนะนำอะไร ควรแนะนำก่อนเริ่มปฏิบัติการค่ะ และระหว่างปฏิบัติการก็ไม่ควรเชิญชวนลูกค้าอีก เพราะหากชักชวนมากเกินไปจะกลายเป็นการตื้อค่ะ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของลูกค้าที่จะมาใช้บริการครั้งต่อๆไป
3. ราคาสูงต่ำเป็นเรื่องปกติที่แต่ละร้านสามารถกำหนดได้เองค่ะเพราะมีต้นทุนที่แตกต่างกัน แต่เมื่อราคาสูงก็ควรมีสิ่งอื่นชักจูงจิตใจของลูกค้า เช่น บริการที่ดีกว่าที่อื่น หรือโปรโมชั่นต่างๆ เป็นต้นค่ะ
More Hair Shop เกือบจะประทับใจ แต่ยังไฉไลไม่พอค่ะ
แต่อย่างที่บอกค่ะว่าร้านนี้ปิดวันพุธ พอเราไปก็แอบเงิบเล็กน้อยเพราะอยากตัดผมมากค่ะ ก็เลยเอาวะลองหาร้านอื่นๆที่น่าเชื่อถือแถวนั้น
เดินไปเดินมาก็เจอร้าน More Hair Shop ภาพลักษณ์ดูดีมีสไตล์ค่ะ กว้างขวางค่ะ
พอเข้าไปพนักงานก็ถามว่าทำอะไรคะ พอเราบอกว่าตัดเท่านั้นพนักงานก็แจ้งว่าสระผมได้เลยค่ะ
งงสิคะ...เราเลยถามว่าไม่ดูแบบก่อนเหรอ เค้าบอกว่าเดี๋ยวค่อยดูก็ได้ค่ะ ---
ตกใจขั้นที่หนึ่ง เพราะไม่มีการสอบถามความต้องการของลูกค้าก่อน ซึ่งปกติควรมีการพูดคุยกับลูกค้าในเบื้องต้นก่อน
ระหว่างสระผมก็สระแค่รอบเดียวค่ะ เหมือนสระเองที่บ้าน แล้วก็เสร็จ
ตกใจขั้นที่สอง ทำไมสระเร็วจัง รอบเดียวแล้วนวดเลยค่ะ...ขณะนั้นไม่มีลูกค้าคนอื่นค่ะ ไม่สมควรต้องรีบขนาดนั้นค่ะ มาตรฐานการสระผมให้สะอาดตามร้านควรสระ 2 รอบแล้วค่อยนวดผมค่ะ
แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ หยวนๆเราไม่เรื่องมาก
พอมานั่งที่เก้าอี้ตัดผม ก็มีอาจารย์เกาหลีท่านนึงค่ะเข้ามาทักทายว่าจะเอาทรงอะไร เค้าก็บอกว่าทำได้ค่ะ (ข้อดีคือนาง friendly ค่ะ)
ปัดผม ปัดไปปัดมา นางจับผมด้านหลังแล้วตัดฉึบ คือตัดจากท้ายทอยค่ะ......(คือเรามองไม่เห็นค่ะแต่รู้สึกได้ว่ามันใกล้ต้นคอมากกกกก แต่ใจก็เริ่มไม่ดีแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ช่คนโวยวาย...คิดว่าเราคงทำบุญมาบ้าง มันคงไม่แย่มาก) ร้านนี้จะต่างจากร้านอื่นค่ะ ถ้าเป็นร้านอื่นจะตัดข้างๆก่อน แต่ร้านนี้เริ่มจากด้านหลังค่ะ...แต่ก็ถือเป็นเทคนิกค่ะ ไม่ว่ากัน แต่ผลลัพท์ที่ได้คือ....มันกุดมากค่ะ ทรงเด็กม.ต้นค่ะ ความยาวเลยติ่งหูมา 1.5 นิ้ว...แต่แบบที่เราให้ดูคือยาวถึงบ่าค่ะ...และที่สำคัญตัดเร็วมากค่ะ แล้วไม่ค่อยเนี๊ยบเท่าไหร่นัก
ตกใจขั้นที่สาม ทำไมสั้นเกินความคาดหมาย เราไม่ mind เรื่องความสั้นค่ะ ก็อาจจะแค่อายซักสองสัปดาห์เพราะอาจโดยเพื่อนแซวว่าทรงเดียวกับเด็กม.ต้น แต่ก็โอเคค่ะรับได้ แต่สิ่งที่อยากแนะนำคือควรสื่อสารกับลูกค้าให้ชัดเจนก่อนลงมือตัดค่ะ เพราะถ้าเจอลูกค้าที่จริงจังกับเส้นผมอาจทำให้ลูกค้าช้ำใจมากค่ะ
พอตัดจนสั้นแล้วเราก็เงิบเล็กน้อยค่ะตรงที่สั้นเกินคาด แต่เริ่มไม่ชอบใจจุดนี้ค่ะ เนื่องจากว่าถ้าผมเราสั้นด้านหลังจะกระเดิดนิดนึงค่ะ (ปีที่แล้วเราก็ตัดแบบนี้ที่ร้านเดิม แต่เค้าก็ไม่ได้เซ้าซี้ค่ะ..คือเราอยากตัดเค้าก็ตัดให้) แต่พอเป็นร้านนี้จะเริ่มมีการพูดให้เสียเซลฟ์นิดนึง เพราะเค้าบอกว่ารียบถ้าจะทำทรงนี้ต้องดัด (คือแบบเป็นผมสั้นประบ่า ดูเซอร์ๆฟูๆ สไตล์น้องนางเอกเกาหลี) ถึงจะดูดี ต้องดัด...คือเซทผมไปแล้วก็บอกว่าต้องดัดไป แล้วก็หันไปเปิดโทรศัพท์แล้วโชว์ให้ดูว่าดัดแล้วจะเป็นแบบนี้ค่ะ
ตกใจขั้นที่สี่ ทำไมต้องดัด? และทำไมแพงจัง? คือไม่เข้าใจค่ะ เพราะมันไม่ใช่ทรงที่จำเป็นต้องดัดค่ะ เราก็เลยตัดบทบอกว่าจะใช้ที่ม้วนเอา...เค้าตอบว่าเดี๋ยวผมเสีย...เราก็เลยปฏิเสธว่ายังไงก็ไม่ดัด แต่ก็ถามราคาเผื่อไว้สำหรับครั้งต่อไป ปรากฎว่าดัดผมสั้น....4,000บาท ไม่รวม Treatment และตัด
สุดท้ายเดินไปจ่ายเงินค่ะ ราคา 700 บาท...คือถ้าเทียบเป็นราคาเกาหลีก็ราว 25,000 วอนซึ่งเป็นราคาปกติ แต่ระดับความพึงพอใจยังไม่เหมาะสมกับ 700 บาทค่ะ
สะเทือนใจอยู่สามวันแต่ว่าตอนนี้กลับไปร้านประจำแล้วค่ะ อาจารย์แก้ผมให้เยอะเลยค่ะ จนรู้สึกประทับใจร้านเดิมแล้วก็ดัดออกมาเก๋ๆเรียบร้อยแล้วค่ะ ร้านเดิมราคา 3,000 บาทค่ะ Treatment อีก 1,000 บาท รวมเบ็ดเสร็จ 4,000 บาทค่ะ เนี๊ยบมากกกก ใช้เวลาดัดตั้งแต่เที่ยงจนถึงห้าโมงอ่ะค่ะ นานแต่เนี๊ยบค่ะ)
ด้วยความปรารถนาดีต่อ More Hair Shop นะคะ ขอแนะนำดังต่อไปนี้ค่ะ
1. อยากให้มีการสื่อสารกับลูกค้าให้มากกว่านี้ทั้งก่อนการปฏิบัติการใดๆ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างช่างกับลูกค้าค่ะ โดยเฉพาะเรื่องการตัด เพราะเชื่อว่าผู้หญิงหลายคนค่อนข้าง sensitive กับเรื่องระดับความสั้นของผมค่ะ
2. หากต้องการแนะนำอะไร ควรแนะนำก่อนเริ่มปฏิบัติการค่ะ และระหว่างปฏิบัติการก็ไม่ควรเชิญชวนลูกค้าอีก เพราะหากชักชวนมากเกินไปจะกลายเป็นการตื้อค่ะ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของลูกค้าที่จะมาใช้บริการครั้งต่อๆไป
3. ราคาสูงต่ำเป็นเรื่องปกติที่แต่ละร้านสามารถกำหนดได้เองค่ะเพราะมีต้นทุนที่แตกต่างกัน แต่เมื่อราคาสูงก็ควรมีสิ่งอื่นชักจูงจิตใจของลูกค้า เช่น บริการที่ดีกว่าที่อื่น หรือโปรโมชั่นต่างๆ เป็นต้นค่ะ