
เรื่องอาจจะยาวไปสักหน่อยแต่อยากให้อ่านไว้เป็นข้อคิดเตือนใจนะค่ะ
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2557 เราได้ไปซื้อตู้เย็นที่ Home...ย่านพระราม 2 เรามีนัดให้เค้ามาส่งตู้เย็นวันที่ 9 มกราคม เวลา 19.00 น. ที่นัดเวลานั่นเพราะว่าเราทำงานย่านสุขุมวิทกว่าจะมาถึงบ้านก็เวลาประมานนั้น แต่เมื่อถึงวันที่ 9 เวลาประมานก่อนเที่ยงคนส่งตู้เย็นโทรมาบอกว่าจะมาส่งของเพราะผ่านมาแถวนั้นพอดี เราบอกไปว่าไม่คนอยู่บ้านคนส่งของก็เลยวางสายไป หลังจากนั้นเวลาประมาน 17.30 น. พ่อเราโทรมาบอกว่าเค้ามาส่งตู้เย็น ตอนแรกเราเองก็บอกว่าให้เค้ารอเรากลับไปก่อน แต่อีกใจนึงเราก็คิดว่าแค่แกะกล่องแร้ววางคงไม่มีปัญหาอะไร เราเลยบอกพ่อไปว่างั้นให้เค้าส่งของเลยก็ได้เกรงใจกว่าเราจะกลับไปถึง
พอเรากลับไปถึงบ้านก็ประมาน 18.30 น. เราก็เลยไปเช็คตู้เย็นที่เค้ามาส่งปรากฎว่ามีรอยบุบใหญ่มากที่ฝาประตูและด้านข้างตู้เย็น และคนส่งของก็เอากล่องตู้เย็นเรากลับไปด้วย เราจึงรีบโทรไปหาคนส่งของแต่เค้าไม่รับสาย จากนั้นเราก็โทรไป Call Center จนท.แจ้งเราว่าให้ส่งรูปมาให้ดู จากนั้นก็แจ้งกลับมาว่าเซ็นรับของแล้วถือว่าตรวจสอบของแล้วจะไม่รับเปลี่ยนหรือคืนสินค้า แต่เราก็พยายามอธิบายไปว่าเราไม่ได้เป็นคนเซ็นรับของเอง แล้วคนส่งของก็เข้ามาก่อนเวลานัดโดยที่ไม่โทรมาก่อน แต่ทางจนท.ก็ยืนคำตอบเดิม จากนั่นเราก็ได้แจ้งกลับสาขาที่เราไปซื้อสินค้ามาผจก.ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ก็นำเรื่องไปปรึกษาผู้ใหญ่หลังจากนั้น 1 วันก็โทรกลับมาแจ้งเราว่า " ที่ช่วยเหลือได้คือจะให้เราซื้อบานตู้เย็นในราคาพิเศษ" แต่เราพึ่งจะซื้อตู้เย็นมาใช้ก็ยังไม่ได้ใช้ แถมตู้เย็นที่เราซื้อมาราคาก็แพงกว่าที่อื่นเป็นหลักพันทั้งที่ได้ส่วนลด 1000 แต่เราก็เลือกที่จะซื้อเพราะคิดว่าการบริการหลังการขายน่าจะดีกว่า แต่ไม่ใช่เลย แน่นอนคำตอบของเราคือไม่ตกลงกับข้อเสนอของทางผจก.
หลังจากนั้นเราก็ด้ายปรึกษาเพื่อนที่เป็นทนาย เพื่อนแนะนำว่าให้ฟ้องสคบ. และเพื่อนก็ได้ดำเนินการให้ แต่เราก็ต้องหาหลักฐานที่มัดตัวคนส่งของว่าเค้าเป็นคนทำหรือเห็นว่าเราไม่ได้เป็นคนทำ เราจึงโทรให้ Call Center บอกให้คนส่งของเอากล่องมาคืนเรา แล้วเราก็มีโอกาสได้คุยกับคนส่งของ คนส่งของก็ได้พูดยืนยันกับเราว่าตอนที่เซ็นรับของพ่อเราไม่ได้เช็คสินค้าก่อนเซ็น คนส่งของยกตู้เย็นไปไว้ชั้น 2 แล้วก็เอาใบเซ็นรับมาให้พ่อเราเซ็นด้านลง แถมคนส่งของยังรับปากอีกว่าจะช่วยตามเรื่องที่คลังให้ใช้เวลาประมาน 2 วัน
หลังจากนั้นเราก็โทรไปคนส่งของก็ผลัดวันออกไปเรื่อยจนกลายเป็นอาทิด เราจึงตัดสินใจโทรเข้า Call Center อีกครั้งทางจนท.แจ้งว่าเคสนี้ปิดไปแล้วไม่รับเปลี่ยนหรือคืนและไม่มีการดำเนินการใดๆ หือๆควันออกหูอีกครั้ง ครั้งนี้แหละเราได้โทรหาคนส่งของอีกครั้งพร้อมกับอัดเสียงการสนทนาเอาไว้เป็นหลักฐาน คนส่งของพูดชัดเจนว่าเราไม่ได้เป็นคนทำ และไม่ได้ตรวจเช็คสินค้าแต่อย่างใด หลังจากที่เราอัดเสียงแล้วเราก็ได้เอาคลิปเสียงที่ให้เพื่อนที่เป็นทนายเก็บไว้ใช้เป็นหลักฐาน หลักจากนั้นเพื่อนก็ได้นำคลิปเสียงเปิดให้ทาง Home...ฟัง แล้วก็มีหัวหน้าของคนส่งของติดต่อมาเพื่อเข้ามาถ่ายรูปและตรวจดูสินค้า
วันรุ่งขึ้นคนส่งของโทรหาเราน่าจะอยากสืบว่าหัวหน้าเค้ามีความเห็นเรื่องนี้ยังงัย แต่เราไม่บอกหรอกนะฝันไปเถอะ ตกเย็นหัวหน้าคนส่งของโทรมาแจ้งว่าได้ไปสืบมาแล้วน่าจะเป็นคนส่งของที่ทำบุบหลังจากที่แกะจากกล่อง และจะขอรับผิดชอบโดยให้ข้อเสนอมาคือ
จะให้บัตรกำนัลมูลค่า 10% ของมูลค่าตู้เย็น ก็แค่พันกว่าบาทฉันไม่เอาหรอก และฉันก็ได้แจ้งความต้องการชัดเจนเลยว่าต้องการตู้เย็นใหม่เท่านั้น
หัวหน้าคนส่งของก็แจ้งว่าจะเอามาเปลี่ยนให้ภายใน 2 วัน หลังจากนั้น Call Center ก็ติดต่อมาอีกครั้งว่าสินค้าที่เราจะเอาไม่มีต้องรออีก 2 อาทิต ถ้าไม่อยากรอก็เอาเป็นรุ่นอื่นไปแทน เราก็ยืนยันอีกว่าเราจะเอารุ่นเดิม ยี่ห้อเดิมเท่านั้น หลังจากนั้น 1 วัน Call Center ก็ติดต่อมาแจ้งว่าจะนำตู้เย็นมาส่งให้เราด้ายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้
เป็นการซื้อตู้เย็นที่ยุ่งยากที่สุดเท่าที่เคยซื้อมา จะจำไว้เป็นบทเรียนว่าจะดึกแค่ไหน ก็ต้องให้คนส่งของรอเรา อย่าสงสาร อย่าเกรงใจที่จะให้เค้ารอเรา
ฝากเป็นข้อคิดเตือนใจเพื่อนๆนะค่ะ อย่าให้ใครเซ็นรับของแทน ต้องตรวจเช็คและเซ็นรับของด้วยตัวเอง!!
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2557 เราได้ไปซื้อตู้เย็นที่ Home...ย่านพระราม 2 เรามีนัดให้เค้ามาส่งตู้เย็นวันที่ 9 มกราคม เวลา 19.00 น. ที่นัดเวลานั่นเพราะว่าเราทำงานย่านสุขุมวิทกว่าจะมาถึงบ้านก็เวลาประมานนั้น แต่เมื่อถึงวันที่ 9 เวลาประมานก่อนเที่ยงคนส่งตู้เย็นโทรมาบอกว่าจะมาส่งของเพราะผ่านมาแถวนั้นพอดี เราบอกไปว่าไม่คนอยู่บ้านคนส่งของก็เลยวางสายไป หลังจากนั้นเวลาประมาน 17.30 น. พ่อเราโทรมาบอกว่าเค้ามาส่งตู้เย็น ตอนแรกเราเองก็บอกว่าให้เค้ารอเรากลับไปก่อน แต่อีกใจนึงเราก็คิดว่าแค่แกะกล่องแร้ววางคงไม่มีปัญหาอะไร เราเลยบอกพ่อไปว่างั้นให้เค้าส่งของเลยก็ได้เกรงใจกว่าเราจะกลับไปถึง
พอเรากลับไปถึงบ้านก็ประมาน 18.30 น. เราก็เลยไปเช็คตู้เย็นที่เค้ามาส่งปรากฎว่ามีรอยบุบใหญ่มากที่ฝาประตูและด้านข้างตู้เย็น และคนส่งของก็เอากล่องตู้เย็นเรากลับไปด้วย เราจึงรีบโทรไปหาคนส่งของแต่เค้าไม่รับสาย จากนั้นเราก็โทรไป Call Center จนท.แจ้งเราว่าให้ส่งรูปมาให้ดู จากนั้นก็แจ้งกลับมาว่าเซ็นรับของแล้วถือว่าตรวจสอบของแล้วจะไม่รับเปลี่ยนหรือคืนสินค้า แต่เราก็พยายามอธิบายไปว่าเราไม่ได้เป็นคนเซ็นรับของเอง แล้วคนส่งของก็เข้ามาก่อนเวลานัดโดยที่ไม่โทรมาก่อน แต่ทางจนท.ก็ยืนคำตอบเดิม จากนั่นเราก็ได้แจ้งกลับสาขาที่เราไปซื้อสินค้ามาผจก.ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ก็นำเรื่องไปปรึกษาผู้ใหญ่หลังจากนั้น 1 วันก็โทรกลับมาแจ้งเราว่า " ที่ช่วยเหลือได้คือจะให้เราซื้อบานตู้เย็นในราคาพิเศษ" แต่เราพึ่งจะซื้อตู้เย็นมาใช้ก็ยังไม่ได้ใช้ แถมตู้เย็นที่เราซื้อมาราคาก็แพงกว่าที่อื่นเป็นหลักพันทั้งที่ได้ส่วนลด 1000 แต่เราก็เลือกที่จะซื้อเพราะคิดว่าการบริการหลังการขายน่าจะดีกว่า แต่ไม่ใช่เลย แน่นอนคำตอบของเราคือไม่ตกลงกับข้อเสนอของทางผจก.
หลังจากนั้นเราก็ด้ายปรึกษาเพื่อนที่เป็นทนาย เพื่อนแนะนำว่าให้ฟ้องสคบ. และเพื่อนก็ได้ดำเนินการให้ แต่เราก็ต้องหาหลักฐานที่มัดตัวคนส่งของว่าเค้าเป็นคนทำหรือเห็นว่าเราไม่ได้เป็นคนทำ เราจึงโทรให้ Call Center บอกให้คนส่งของเอากล่องมาคืนเรา แล้วเราก็มีโอกาสได้คุยกับคนส่งของ คนส่งของก็ได้พูดยืนยันกับเราว่าตอนที่เซ็นรับของพ่อเราไม่ได้เช็คสินค้าก่อนเซ็น คนส่งของยกตู้เย็นไปไว้ชั้น 2 แล้วก็เอาใบเซ็นรับมาให้พ่อเราเซ็นด้านลง แถมคนส่งของยังรับปากอีกว่าจะช่วยตามเรื่องที่คลังให้ใช้เวลาประมาน 2 วัน
หลังจากนั้นเราก็โทรไปคนส่งของก็ผลัดวันออกไปเรื่อยจนกลายเป็นอาทิด เราจึงตัดสินใจโทรเข้า Call Center อีกครั้งทางจนท.แจ้งว่าเคสนี้ปิดไปแล้วไม่รับเปลี่ยนหรือคืนและไม่มีการดำเนินการใดๆ หือๆควันออกหูอีกครั้ง ครั้งนี้แหละเราได้โทรหาคนส่งของอีกครั้งพร้อมกับอัดเสียงการสนทนาเอาไว้เป็นหลักฐาน คนส่งของพูดชัดเจนว่าเราไม่ได้เป็นคนทำ และไม่ได้ตรวจเช็คสินค้าแต่อย่างใด หลังจากที่เราอัดเสียงแล้วเราก็ได้เอาคลิปเสียงที่ให้เพื่อนที่เป็นทนายเก็บไว้ใช้เป็นหลักฐาน หลักจากนั้นเพื่อนก็ได้นำคลิปเสียงเปิดให้ทาง Home...ฟัง แล้วก็มีหัวหน้าของคนส่งของติดต่อมาเพื่อเข้ามาถ่ายรูปและตรวจดูสินค้า
วันรุ่งขึ้นคนส่งของโทรหาเราน่าจะอยากสืบว่าหัวหน้าเค้ามีความเห็นเรื่องนี้ยังงัย แต่เราไม่บอกหรอกนะฝันไปเถอะ ตกเย็นหัวหน้าคนส่งของโทรมาแจ้งว่าได้ไปสืบมาแล้วน่าจะเป็นคนส่งของที่ทำบุบหลังจากที่แกะจากกล่อง และจะขอรับผิดชอบโดยให้ข้อเสนอมาคือ
จะให้บัตรกำนัลมูลค่า 10% ของมูลค่าตู้เย็น ก็แค่พันกว่าบาทฉันไม่เอาหรอก และฉันก็ได้แจ้งความต้องการชัดเจนเลยว่าต้องการตู้เย็นใหม่เท่านั้น
หัวหน้าคนส่งของก็แจ้งว่าจะเอามาเปลี่ยนให้ภายใน 2 วัน หลังจากนั้น Call Center ก็ติดต่อมาอีกครั้งว่าสินค้าที่เราจะเอาไม่มีต้องรออีก 2 อาทิต ถ้าไม่อยากรอก็เอาเป็นรุ่นอื่นไปแทน เราก็ยืนยันอีกว่าเราจะเอารุ่นเดิม ยี่ห้อเดิมเท่านั้น หลังจากนั้น 1 วัน Call Center ก็ติดต่อมาแจ้งว่าจะนำตู้เย็นมาส่งให้เราด้ายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้
เป็นการซื้อตู้เย็นที่ยุ่งยากที่สุดเท่าที่เคยซื้อมา จะจำไว้เป็นบทเรียนว่าจะดึกแค่ไหน ก็ต้องให้คนส่งของรอเรา อย่าสงสาร อย่าเกรงใจที่จะให้เค้ารอเรา