เรื่อง background ก็มีอยู่ว่าผมเป็นนิสิตปี 2 อยู่ที่กำลังเรียนอยู่ที่ University Of Chicago ครับ ส่วนตัวผมเองก็เป็นคนไทยคนนึงที่เกิดเเล้วก็อาศัยอยู่ในอเมริกาใช่ภาษาไทยได้โอเค บางคนอาจจะไม่รู้ว่าที่อเมริกาเป็น Pot of Nationality ก็คือผู้คนนับหลายเชื้อชาติมาอาศัยอยู่รวมๆกันไปหมด ทั้งไทย ทั้งจีน ทั้งอเมริกันเเท้ๆ ทั้งเเม็กซิกัน เยอะเเยะไปหมด, ตอนนี้ผมก็อายุ 22 เเล้ว ที่ผ่านมาก็เที่ยวๆกับเพื่อน เเล้วก็เรียน ปาร์ตี้ ทำอะไรก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายกับเรื่องการมีเเฟนหรือความรักในวัยรุ่นเท่าไหร่ ชอบคิดว่าเอาไว้คิดตอนเรียนจบเเล้วมีงานทำซะดีกว่าเเล้วค่อยหาเเฟน ตัวผมเองก็ไม่ได้หล่ออะไรเลย สกิลการจีบสาวเเทบจะเป็น 0 ด้วยซ้ำครับ ต่างจากเพื่อนๆของผมที่มีเเฟนมาไม่รู้กี่ล้านคน ผมก็เฉยๆไม่ได้ใส่ใจอะไร (คิดว่าถ้าพยายามจีบคงจีบใครไม่คิดด้วยซ้ำไป) เเต่ส่วนตัวผมเองเป็นคนตลกๆ ร่าเริงอยู่ตลอดเวลา ชอบเป็น joker ของกลุ่มเพื่อนๆตลอดมา เพื่อนสนิทของผมก็มักจะเป็นคนไต้หวันกับจีนเเล้วก็ฮ่องกงซะมาก เพื่อนคน American จริงๆ ก็มีบ้างเเต่ไม่เยอะเท่าไหร่เนื่องจาก point of interest มันต่างกันยิ่งนัก,,,
ทีนี้เรื่องก็มีอยู่ว่า มีอยู่วันนีงผมมีการบ้านเยอะเเยะต้องปั่นให้มันเสร็จก็เลยนั่งกินข้าวในโรงอาหารไปด้วย ทำการบ้านไปด้วย จู่ๆมันก็มีผู้หญิงตัวสูงๆ ใส่เเว่นผมยาวดำ หน้าจีนๆ มานั่งข้างผมเเล้วก็เเนะนำตัวเองว่า เป็นเพื่อนของเพื่อนที่เรานั่งกินข้าวด้วยอีกที ผมก็เเนะนำตัวเองเสร็จสับผมก็ไม่สนใจเเล้วก็ไปนั่งกินข้าวทำการบ้านต่อ ผญ คนจีนคนนี้ก็หันมาหาเราเเล้วก็ยิ่มให้เเล้วก็ถามว่า ''เฮ้ยการบ้านอะไรอ่ะ ให้ช่วยป่าว'' ผมก็ตอบว่า ''ฮ่าๆๆ ขี้เกียจอยู่พอดีเลย นี่นะปากกากับกระดาษ ทด อ่ะทำช้าๆนะไม่ต้องรีบ'' (การบ้านเลข) ระหว่างเค้านั่งทำการบ้านให้เรา ผมก็ถามว่าเอ่อ นี่เธออยู่คณะอะไรเนี่ย เค้าก็ตอบว่า วิศวะ... อื้มมมม เหมือนเราเป๊ะเลย เเล้วผมก็เหลือบตาไปดูหนังสือตำราเรียนที่เค้าเอามาด้วย มันก็หนังสือตำราเรียน Class เดียวกับเราเลยนี่หว่า Wow ! เเต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย... หลังจากวันนั้นไปผมก็เห็นเค้านั่งเรียนอยู่ห้องข้างๆบ้างอะไรบ้างผมก็ทักทายเค้าเป็นบางทีโดยที่ไม่ได้คิดอะไรเลยเเม้เเต่น้อย เพราะคิดว่าก็เเค่เป็นเพื่อนกันเฉยๆ ก็ไม่ได้อะไร
หนึ่งอาทิตย์ถัดไป ผมก็ยังคุยกับเค้าคนนั้นอยู่เรื่อยๆ จนเริ่มสนิทขึ้นเรื่อยๆ จนมีอยู่วันนึงผมเบื่อๆ เห็นว่าเป็นวันศุกร์หลังเลิกเรียนผมเลยคิดว่า เห้อออ เพื่อนๆมันหายไปไหนหมดหว่า เหลือเเค่เจ้าเด็กจีนคนนี้อยู่คนเดียวในสายตาของผม ณ ตอนนั้น ผมก็เลยเดินเข้าไปถามว่า ''ไปช็อปปิ้งกันป่าว'' เค้าก็ตอบผมกลับมาเเบบเเทบไม่ลังเลว่า ''ไปสิ !'' ผมก็คิดว่าเอ่อดี อย่างน้อยก็มีเจ้าเด็กจีนคนนี้ไปช็อปปิ้งเป็นเพื่อนด้วย จากนั้นเราก็พากันขับรถบึ่งไป shopping mall หลังเลิกเรียน,,,,, ผมถึงปั้ปก็จอดรถเดินเข้าห้างไปเเล้วก็เดินดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย เเต่สิ่งที่เเปลกมากคือ ระหว่างเดินๆไปเจ้า ผญ จีนคนนี้ก็ชอบหันมายิ่มให้เราบ้าง เอาขามาสะกิดขาเราบ้าง ในใจก็งงๆว่า เอ็งทำบ้าอะไรเนี่ย เดินดีๆไม่เป็นรึไงกัน 5555+,,,, ช็อปปื้งเสร็จเราก็พากันไปกินข้าวในร้านอาหารในห้าง ระหว่างกินข้าวเด็กจีนก็ถามผมว่า ''หลังจากเสร็จจากนี้ไปดูหนังกันป่าว'' ผมก็ตอบว่า ''ไปสิ อยากไปก็ไป เดี่ยวไปด้วย'' หลังจากนั้นก็พากันไปดูหนัง เสร็จเเล้วก็กลับบ้าน ก่อนกลับเค้าก็บอกขับรถดีๆหละ ผมก็คิดว่า ผญ คนจีนคนนี้ก็สุภาพน่ารักดีนะเนี่ย อื้มมม....
วันรุ่งขึ้น ผมก็ไปโรงเรียนตามปกติเหมือนทุกๆวัน โดยที่ไปนั่งกับกลุ่มคนจีนที่เป็นเพื่อนกับคนจีนที่ไปดูหนังช็อปปิ้งกับผมเมื่อวานนั้นเเหละ เค้าก็พากันเเซวว่า เเอร๊ยยยยย เมื่อวานไปเดทมาหรอนายยยยย ! ผมก็ฮ่ะ !? รู้ได้ไงเนี่ย ปรากฏว่ามันก็มีเพื่อนคนนึงที่ไม่ค่อยสนิทด้วยไปเจอผมกับเด็กจีนเดินด้วยกันในห้างเเล้วก็มาเล่าให้เพื่อนในกลุ่มผมฟังเล่นๆ ผมก็เเบบว่า เอิ่มมมม ก็เเค่ไปช็อปปิ้งเองนะ เพื่อนก็ต่างเชียร์ผมให้คบเป็นเเฟนเลย 55555+ ทั้งผมทั้งเด็กจีนก็พากันอายเละเทะ เเต่เชื่อหรือไม่หลังจากนั้นเด็กจีนคนนั้นก็คุยกับผมมากขึ้นเรื่อยๆๆ สนืทมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเรื่องที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้คอบคลุมเพียงเวลา 2 อาทิตย์เท่านั้นเอง หลังจากนั้น ผญจีนคนนั้นก็คุยกับผมทาง facebook chat จนได้ความว่าเค้าชอบผมมากๆ เเล้วก็อยากคบกับผม เเน่นอน คนที่ไม่เคยมีเเฟนอย่างผมมาทั้งชีวิตก็ตอบตกลงเเบบไม่ได้คิดอะไรเลย พร้อมกับดีใจที่ในที่สุดก็มีเเฟนซักที เเถมเป็นคนจีนด้วย เยี่ยมเลยยยยย ! วู้ว !
หลังจากนั้นเราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดจนไม่มีเวลาให้กับเพื่อนคนจีนคนไต้หวันฮ่องกงในกลุ่มเลย เพราะวันๆเอาเเต่เรียน พอเรียนเสร็จก็พากันไปกินข้าวที่อื่นต่อ จนเพื่อนเริ่มหมั่นไส้บ้าง อะไรบ้างต่างๆนานาเนื่องจากอาจจะมีเเฟนเเล้วทิ้งเพื่อนหรืออะไรเเบบนั้น ผมเองก็ไม่ได้คิดมากมายขนาดนั้นด้วย ปัญหาด้านเพื่อนด้านนู่นนี่ก็เริ่มผุดมามากขึ้นเรื่อยๆๆๆๆๆๆ เเฟนผมเองก็ทำงาน Sat-Sun 11:00am-11:00pm ด้วย กว่าจะเสร็จก็กลับบ้านเที่ยงคืน ก็มีอยู่คืนนึง ผมก็กลับบ้านมาเพราะทำการบ้านที่มหาลัยจนดึก เเล้วก็โทรหาเเฟนว่าเป็นไงบ้าง ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เเฟนผมก็ทำหน้าเหนื่อยหน่ายโลกมาก ผมก็เลยบอกว่า เอางี้รึเปล่า ออกมาจากงานเเล้วมาเรียนหนังสือก่อนไหม เเล้วค่อยหาเวลาว่างให้ตัวเองบ้าง จะได้มีเวลาไปไหนมาไหน--->> จากที่คุณผู้อ่านเห็นเเล้ว เเฟนของผมไม่มีเวลาให้ผม หรือเเม้กระทั่งเวลาพักเลยเเม้เเต่น้อยเพราะ ทุกๆอย่างมันเป็นการเรียน การงาน อะไรเเบบนั้นไปหมด ผมก็เลย พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเเล้วก็เครียด พยายาม convince ให้เเฟนของผมออกจากงานเเล้วมาเรียนกับหาเวลาว่างมาผ่อนคลายเเล้วก็เที่ยวบ้าง เเฟนของผมในคืนนั้นก็เลยเหมือนจะโกรธผมด้วยเหตุผลบ้างอย่างเเล้วก็วางหูโทรศัพท์ใส่ผม ผมก็กลัวว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
พอมาวันรุ่งขึ้นเท่านั้นหละ..... เค้าก็มาขอเลิกกับผม บอกว่าผมจริงจังเกินไป เค้าบอกว่าเค้าโดนกดดันมากเกินไป เค้าอยากได้เวลาว่างเป็นของตัวเองบ้าง เเต่ผมก็ขอร้องว่าให้เค้าให้โอกาศผม เเล้วผมจะเปลี่ยนตัวเอง จะให้เวลาเค้ามากขึ้น เค้าก็เลยให้โอกาศผม เเต่สุดท้ายคบต่อจากนั้นได้ไม่นานก็เลิกกันจริงๆ เพราะเรื่องเดิมที่ว่าไม่อยากให้ผมทนเหงา เพราะเค้าไม่มีเวลาจริงๆ เอาเวลาไปหา ผญ คนอื่นเถอะ หลังจากนั้นผมก็ร้องไห้ลืมวันลืมคืนจนเสียการเรียนไปมากมายเพราะหยุดคิดถึงเค้าไม่ได้ ทุกๆวันผมก็ต้องเจอหน้าเค้าเพราะเรียนด้วยกัน เเต่เค้าก็พยายามอยู่เพื่อนคนในฐานะเพื่อน เเต่ก็อยู่ดีหละครับ มันก็เจ็บมากอยู่ดี ผมก็ใช่ชีวิตของผมเหมือนซากไปวันๆ จริงๆ มันอยู่ยากเหลือเกินนะ
จนมาถึง 20 Dec 2013 เป็นวันที่ผมจะต้องบินกลับเมืองไทยเป็นช่วงเดือนนี้ของทุกๆปี ที่ผมจะกลับไปหาครอบครัวที่ไทย เเล้วก็ฉลองปีใหม่ด้วย เเฟนของผมก็รู้ว่าผมจะกลับไทยเเล้ว เค้าก็เลยมาส่งผมที่สนามบิน เเล้วก็ร้องไห้ เเล้วก็ถามว่า ''เธอจะกลับมาอีกไหม'' ผมตอบว่า ''เเน่นอน ผมก็อยู่ที่นี่มาตั้งนานเเล้วนี่หน่า ทำไมหรอ ?'' เค้าก็ตอบว่า ''เค้าไม่เคยรู้เลยว่าจริงๆเเล้วพอเราจะจากเค้าไปมันรู้สึกเเบบนี้นี่เอง'' หลังจากนั้นผมก็บอกลาเค้าเเล้วก็เดินขึ้นเครื่องบิน ก่อนขึ้นเครื่องบินผมก็โทรหาเค้า ปรากฏว่าเค้านั่งร้องไห้อยู่ในรถของเค้า เเล้วก็บอกว่าไม่อยากให้ไปเลย เค้ากลัวว่าเค้าจะไม่ได้เจอเราอีก หรือไม่ก็พอเรากลับมาเราจะไม่ใช่คนเดิมเเล้ว ผมก็ตอบว่า ''เราสัญญา เราจะกลับมา รอเเล้วกัน'' จากนั้นผมก็เดินขึ้นเครื่องปิดมือถือเเล้วก็นั่งเครื่องกลับมาไทย พอถึงไทยปุ๊บผมก็เปิดมือถือขึ้นมาพร้อมกับเจอข้อความใน LINE ส่งมายาวเว่อร์ๆ ว่า เค้าขอโทษที่เค้าเคยเลิกกับเรา เค้าอยากให้เรากลับไปอยู่กับเค้าเหมือนเดิม ซึ่งผมก็ตอบตกลงไปเเบบง่ายๆ เพราะยังไงๆผมก็รักเค้า ตลอดหนึ่งเดือนที่ผมกลับไทยมาต้องโทรหาเค้าทุกวัน เฝ้ารอวันที่จะได้กลับไปอเมริกาเพื่อที่จะไปหาเค้า พอผมกลับไปอเมริกาเค้าก็ขับรถมารับผม เเล้วก็พาผมกลับบ้าน เป็นความสุขที่มากที่สุดที่ผมมีเลยหละครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็เปิดเทอมเเล้วก็ใช่ชีวิตมาซักระยะนึงจนเเฟนผมมาบอกผมว่า เนี่ยเค้ามีเรื่องลำบากใจอย่างนึงที่เค้าไม่อาจจะลืมคิดได้ก็คือ เรื่องเเม่เค้า กับพ่อเค้า ยังไม่รู้ว่า เราเป็นเเฟนกัน คนไทยกับคนจีน ซึ่งเค้าบอกว่าเเม่เค้าชอบมาถามว่ามีเเฟนรึยังเนี่ย อยู่เรื่อยๆจนเค้าไม่อยากโกหกอีกต่อไปเเล้ว เค้าบอกผมว่าเเม่เค้ามี Spec ว่าเเฟนต้อง สูง หล่อ รวย เป็นคนจีนเหมือนกัน อะไรมากมายหลายเเหล่ ซึ่งผมก็กลัวสุดๆเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป,,,,, ปรากฏว่า 28 Jan 2014 เค้าไปช็อปปิ่งกับเเม่เเล้วก็เอาเรื่องนี้ไปคุยมาเเล้วเเม่เค้าก็บอกว่า ''เป็นเเฟนกับคนไทย !? เเบบนี้ลูกเอาไปคิดเองเถอะว่ามันสมควรมั้ย'' ซึ่งอันนี้ผมก็รู้หลังจากวันรุ่งขึ้นเเฟนผมเอามาบอก สรุปเเล้วก็ต้องเเยกทางกันเดินเนื่องจากเเม่ของเค้า ผมยังเจ็บไม่หายจนถึงตอนนี้หละครับ มันเป็นรักครั้งเเรกด้วย เเล้วผมก็เป็นคนคิดตรงๆด้วย ไม่ใช่ผู้ชายนักจีบเหมือนเพื่อนๆของผม มีเเฟนเเล้วก็อยากให้อะไรๆมันราบรื่นไปเรื่อยๆ เเบบมีความสุข จากนี้ต่อไปก็อยากจะถามเพื่อนๆว่าจะทำยังไงต่อไปดี อย่างน้อยๆเเล้วนี่ก็เป็นประสบการณ์รักเเรกของผมครับ ต้องขออภัยด้วยที่กระทู้นี้มันยาวมากๆเลย สำหรับใครที่ทนอ่านจนจบก็ขอขอบพระคุณจริงๆครับ
ส่วนใครที่อยากคุยกับผมนอกเรื่องหรือว่าสนใจเรื่องประสบการณ์เรียนที่อเมริกาหรืออยากย้ายมาก็ติดต่อผมได้ทางไลน์หรือ Facebook ทางด้านล่างได้เลยครับ ลืมเเนะนำตัวไปเลยว่าผม Brook นะครับ ยินดีให้คำปรึกษาเเละช่วยเหลือตลอดครับ ขอบคุณมากๆเลยครับ เพื่อนๆชาวพันธิป,,,, (Facebook : Dolce Akarase), (Line : vsreplicant) ขอบคุณคร้าบ Have a nice day and happy valentine guys !
First love Dairy(ยาวจ้าา) (ขอคำเเนะนำจ้าา)
ทีนี้เรื่องก็มีอยู่ว่า มีอยู่วันนีงผมมีการบ้านเยอะเเยะต้องปั่นให้มันเสร็จก็เลยนั่งกินข้าวในโรงอาหารไปด้วย ทำการบ้านไปด้วย จู่ๆมันก็มีผู้หญิงตัวสูงๆ ใส่เเว่นผมยาวดำ หน้าจีนๆ มานั่งข้างผมเเล้วก็เเนะนำตัวเองว่า เป็นเพื่อนของเพื่อนที่เรานั่งกินข้าวด้วยอีกที ผมก็เเนะนำตัวเองเสร็จสับผมก็ไม่สนใจเเล้วก็ไปนั่งกินข้าวทำการบ้านต่อ ผญ คนจีนคนนี้ก็หันมาหาเราเเล้วก็ยิ่มให้เเล้วก็ถามว่า ''เฮ้ยการบ้านอะไรอ่ะ ให้ช่วยป่าว'' ผมก็ตอบว่า ''ฮ่าๆๆ ขี้เกียจอยู่พอดีเลย นี่นะปากกากับกระดาษ ทด อ่ะทำช้าๆนะไม่ต้องรีบ'' (การบ้านเลข) ระหว่างเค้านั่งทำการบ้านให้เรา ผมก็ถามว่าเอ่อ นี่เธออยู่คณะอะไรเนี่ย เค้าก็ตอบว่า วิศวะ... อื้มมมม เหมือนเราเป๊ะเลย เเล้วผมก็เหลือบตาไปดูหนังสือตำราเรียนที่เค้าเอามาด้วย มันก็หนังสือตำราเรียน Class เดียวกับเราเลยนี่หว่า Wow ! เเต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย... หลังจากวันนั้นไปผมก็เห็นเค้านั่งเรียนอยู่ห้องข้างๆบ้างอะไรบ้างผมก็ทักทายเค้าเป็นบางทีโดยที่ไม่ได้คิดอะไรเลยเเม้เเต่น้อย เพราะคิดว่าก็เเค่เป็นเพื่อนกันเฉยๆ ก็ไม่ได้อะไร
หนึ่งอาทิตย์ถัดไป ผมก็ยังคุยกับเค้าคนนั้นอยู่เรื่อยๆ จนเริ่มสนิทขึ้นเรื่อยๆ จนมีอยู่วันนึงผมเบื่อๆ เห็นว่าเป็นวันศุกร์หลังเลิกเรียนผมเลยคิดว่า เห้อออ เพื่อนๆมันหายไปไหนหมดหว่า เหลือเเค่เจ้าเด็กจีนคนนี้อยู่คนเดียวในสายตาของผม ณ ตอนนั้น ผมก็เลยเดินเข้าไปถามว่า ''ไปช็อปปิ้งกันป่าว'' เค้าก็ตอบผมกลับมาเเบบเเทบไม่ลังเลว่า ''ไปสิ !'' ผมก็คิดว่าเอ่อดี อย่างน้อยก็มีเจ้าเด็กจีนคนนี้ไปช็อปปิ้งเป็นเพื่อนด้วย จากนั้นเราก็พากันขับรถบึ่งไป shopping mall หลังเลิกเรียน,,,,, ผมถึงปั้ปก็จอดรถเดินเข้าห้างไปเเล้วก็เดินดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย เเต่สิ่งที่เเปลกมากคือ ระหว่างเดินๆไปเจ้า ผญ จีนคนนี้ก็ชอบหันมายิ่มให้เราบ้าง เอาขามาสะกิดขาเราบ้าง ในใจก็งงๆว่า เอ็งทำบ้าอะไรเนี่ย เดินดีๆไม่เป็นรึไงกัน 5555+,,,, ช็อปปื้งเสร็จเราก็พากันไปกินข้าวในร้านอาหารในห้าง ระหว่างกินข้าวเด็กจีนก็ถามผมว่า ''หลังจากเสร็จจากนี้ไปดูหนังกันป่าว'' ผมก็ตอบว่า ''ไปสิ อยากไปก็ไป เดี่ยวไปด้วย'' หลังจากนั้นก็พากันไปดูหนัง เสร็จเเล้วก็กลับบ้าน ก่อนกลับเค้าก็บอกขับรถดีๆหละ ผมก็คิดว่า ผญ คนจีนคนนี้ก็สุภาพน่ารักดีนะเนี่ย อื้มมม....
วันรุ่งขึ้น ผมก็ไปโรงเรียนตามปกติเหมือนทุกๆวัน โดยที่ไปนั่งกับกลุ่มคนจีนที่เป็นเพื่อนกับคนจีนที่ไปดูหนังช็อปปิ้งกับผมเมื่อวานนั้นเเหละ เค้าก็พากันเเซวว่า เเอร๊ยยยยย เมื่อวานไปเดทมาหรอนายยยยย ! ผมก็ฮ่ะ !? รู้ได้ไงเนี่ย ปรากฏว่ามันก็มีเพื่อนคนนึงที่ไม่ค่อยสนิทด้วยไปเจอผมกับเด็กจีนเดินด้วยกันในห้างเเล้วก็มาเล่าให้เพื่อนในกลุ่มผมฟังเล่นๆ ผมก็เเบบว่า เอิ่มมมม ก็เเค่ไปช็อปปิ้งเองนะ เพื่อนก็ต่างเชียร์ผมให้คบเป็นเเฟนเลย 55555+ ทั้งผมทั้งเด็กจีนก็พากันอายเละเทะ เเต่เชื่อหรือไม่หลังจากนั้นเด็กจีนคนนั้นก็คุยกับผมมากขึ้นเรื่อยๆๆ สนืทมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเรื่องที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้คอบคลุมเพียงเวลา 2 อาทิตย์เท่านั้นเอง หลังจากนั้น ผญจีนคนนั้นก็คุยกับผมทาง facebook chat จนได้ความว่าเค้าชอบผมมากๆ เเล้วก็อยากคบกับผม เเน่นอน คนที่ไม่เคยมีเเฟนอย่างผมมาทั้งชีวิตก็ตอบตกลงเเบบไม่ได้คิดอะไรเลย พร้อมกับดีใจที่ในที่สุดก็มีเเฟนซักที เเถมเป็นคนจีนด้วย เยี่ยมเลยยยยย ! วู้ว !
หลังจากนั้นเราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดจนไม่มีเวลาให้กับเพื่อนคนจีนคนไต้หวันฮ่องกงในกลุ่มเลย เพราะวันๆเอาเเต่เรียน พอเรียนเสร็จก็พากันไปกินข้าวที่อื่นต่อ จนเพื่อนเริ่มหมั่นไส้บ้าง อะไรบ้างต่างๆนานาเนื่องจากอาจจะมีเเฟนเเล้วทิ้งเพื่อนหรืออะไรเเบบนั้น ผมเองก็ไม่ได้คิดมากมายขนาดนั้นด้วย ปัญหาด้านเพื่อนด้านนู่นนี่ก็เริ่มผุดมามากขึ้นเรื่อยๆๆๆๆๆๆ เเฟนผมเองก็ทำงาน Sat-Sun 11:00am-11:00pm ด้วย กว่าจะเสร็จก็กลับบ้านเที่ยงคืน ก็มีอยู่คืนนึง ผมก็กลับบ้านมาเพราะทำการบ้านที่มหาลัยจนดึก เเล้วก็โทรหาเเฟนว่าเป็นไงบ้าง ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เเฟนผมก็ทำหน้าเหนื่อยหน่ายโลกมาก ผมก็เลยบอกว่า เอางี้รึเปล่า ออกมาจากงานเเล้วมาเรียนหนังสือก่อนไหม เเล้วค่อยหาเวลาว่างให้ตัวเองบ้าง จะได้มีเวลาไปไหนมาไหน--->> จากที่คุณผู้อ่านเห็นเเล้ว เเฟนของผมไม่มีเวลาให้ผม หรือเเม้กระทั่งเวลาพักเลยเเม้เเต่น้อยเพราะ ทุกๆอย่างมันเป็นการเรียน การงาน อะไรเเบบนั้นไปหมด ผมก็เลย พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเเล้วก็เครียด พยายาม convince ให้เเฟนของผมออกจากงานเเล้วมาเรียนกับหาเวลาว่างมาผ่อนคลายเเล้วก็เที่ยวบ้าง เเฟนของผมในคืนนั้นก็เลยเหมือนจะโกรธผมด้วยเหตุผลบ้างอย่างเเล้วก็วางหูโทรศัพท์ใส่ผม ผมก็กลัวว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
พอมาวันรุ่งขึ้นเท่านั้นหละ..... เค้าก็มาขอเลิกกับผม บอกว่าผมจริงจังเกินไป เค้าบอกว่าเค้าโดนกดดันมากเกินไป เค้าอยากได้เวลาว่างเป็นของตัวเองบ้าง เเต่ผมก็ขอร้องว่าให้เค้าให้โอกาศผม เเล้วผมจะเปลี่ยนตัวเอง จะให้เวลาเค้ามากขึ้น เค้าก็เลยให้โอกาศผม เเต่สุดท้ายคบต่อจากนั้นได้ไม่นานก็เลิกกันจริงๆ เพราะเรื่องเดิมที่ว่าไม่อยากให้ผมทนเหงา เพราะเค้าไม่มีเวลาจริงๆ เอาเวลาไปหา ผญ คนอื่นเถอะ หลังจากนั้นผมก็ร้องไห้ลืมวันลืมคืนจนเสียการเรียนไปมากมายเพราะหยุดคิดถึงเค้าไม่ได้ ทุกๆวันผมก็ต้องเจอหน้าเค้าเพราะเรียนด้วยกัน เเต่เค้าก็พยายามอยู่เพื่อนคนในฐานะเพื่อน เเต่ก็อยู่ดีหละครับ มันก็เจ็บมากอยู่ดี ผมก็ใช่ชีวิตของผมเหมือนซากไปวันๆ จริงๆ มันอยู่ยากเหลือเกินนะ
จนมาถึง 20 Dec 2013 เป็นวันที่ผมจะต้องบินกลับเมืองไทยเป็นช่วงเดือนนี้ของทุกๆปี ที่ผมจะกลับไปหาครอบครัวที่ไทย เเล้วก็ฉลองปีใหม่ด้วย เเฟนของผมก็รู้ว่าผมจะกลับไทยเเล้ว เค้าก็เลยมาส่งผมที่สนามบิน เเล้วก็ร้องไห้ เเล้วก็ถามว่า ''เธอจะกลับมาอีกไหม'' ผมตอบว่า ''เเน่นอน ผมก็อยู่ที่นี่มาตั้งนานเเล้วนี่หน่า ทำไมหรอ ?'' เค้าก็ตอบว่า ''เค้าไม่เคยรู้เลยว่าจริงๆเเล้วพอเราจะจากเค้าไปมันรู้สึกเเบบนี้นี่เอง'' หลังจากนั้นผมก็บอกลาเค้าเเล้วก็เดินขึ้นเครื่องบิน ก่อนขึ้นเครื่องบินผมก็โทรหาเค้า ปรากฏว่าเค้านั่งร้องไห้อยู่ในรถของเค้า เเล้วก็บอกว่าไม่อยากให้ไปเลย เค้ากลัวว่าเค้าจะไม่ได้เจอเราอีก หรือไม่ก็พอเรากลับมาเราจะไม่ใช่คนเดิมเเล้ว ผมก็ตอบว่า ''เราสัญญา เราจะกลับมา รอเเล้วกัน'' จากนั้นผมก็เดินขึ้นเครื่องปิดมือถือเเล้วก็นั่งเครื่องกลับมาไทย พอถึงไทยปุ๊บผมก็เปิดมือถือขึ้นมาพร้อมกับเจอข้อความใน LINE ส่งมายาวเว่อร์ๆ ว่า เค้าขอโทษที่เค้าเคยเลิกกับเรา เค้าอยากให้เรากลับไปอยู่กับเค้าเหมือนเดิม ซึ่งผมก็ตอบตกลงไปเเบบง่ายๆ เพราะยังไงๆผมก็รักเค้า ตลอดหนึ่งเดือนที่ผมกลับไทยมาต้องโทรหาเค้าทุกวัน เฝ้ารอวันที่จะได้กลับไปอเมริกาเพื่อที่จะไปหาเค้า พอผมกลับไปอเมริกาเค้าก็ขับรถมารับผม เเล้วก็พาผมกลับบ้าน เป็นความสุขที่มากที่สุดที่ผมมีเลยหละครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็เปิดเทอมเเล้วก็ใช่ชีวิตมาซักระยะนึงจนเเฟนผมมาบอกผมว่า เนี่ยเค้ามีเรื่องลำบากใจอย่างนึงที่เค้าไม่อาจจะลืมคิดได้ก็คือ เรื่องเเม่เค้า กับพ่อเค้า ยังไม่รู้ว่า เราเป็นเเฟนกัน คนไทยกับคนจีน ซึ่งเค้าบอกว่าเเม่เค้าชอบมาถามว่ามีเเฟนรึยังเนี่ย อยู่เรื่อยๆจนเค้าไม่อยากโกหกอีกต่อไปเเล้ว เค้าบอกผมว่าเเม่เค้ามี Spec ว่าเเฟนต้อง สูง หล่อ รวย เป็นคนจีนเหมือนกัน อะไรมากมายหลายเเหล่ ซึ่งผมก็กลัวสุดๆเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป,,,,, ปรากฏว่า 28 Jan 2014 เค้าไปช็อปปิ่งกับเเม่เเล้วก็เอาเรื่องนี้ไปคุยมาเเล้วเเม่เค้าก็บอกว่า ''เป็นเเฟนกับคนไทย !? เเบบนี้ลูกเอาไปคิดเองเถอะว่ามันสมควรมั้ย'' ซึ่งอันนี้ผมก็รู้หลังจากวันรุ่งขึ้นเเฟนผมเอามาบอก สรุปเเล้วก็ต้องเเยกทางกันเดินเนื่องจากเเม่ของเค้า ผมยังเจ็บไม่หายจนถึงตอนนี้หละครับ มันเป็นรักครั้งเเรกด้วย เเล้วผมก็เป็นคนคิดตรงๆด้วย ไม่ใช่ผู้ชายนักจีบเหมือนเพื่อนๆของผม มีเเฟนเเล้วก็อยากให้อะไรๆมันราบรื่นไปเรื่อยๆ เเบบมีความสุข จากนี้ต่อไปก็อยากจะถามเพื่อนๆว่าจะทำยังไงต่อไปดี อย่างน้อยๆเเล้วนี่ก็เป็นประสบการณ์รักเเรกของผมครับ ต้องขออภัยด้วยที่กระทู้นี้มันยาวมากๆเลย สำหรับใครที่ทนอ่านจนจบก็ขอขอบพระคุณจริงๆครับ
ส่วนใครที่อยากคุยกับผมนอกเรื่องหรือว่าสนใจเรื่องประสบการณ์เรียนที่อเมริกาหรืออยากย้ายมาก็ติดต่อผมได้ทางไลน์หรือ Facebook ทางด้านล่างได้เลยครับ ลืมเเนะนำตัวไปเลยว่าผม Brook นะครับ ยินดีให้คำปรึกษาเเละช่วยเหลือตลอดครับ ขอบคุณมากๆเลยครับ เพื่อนๆชาวพันธิป,,,, (Facebook : Dolce Akarase), (Line : vsreplicant) ขอบคุณคร้าบ Have a nice day and happy valentine guys !