น้องผมขาดความเป็นประชาธิปไตยใช่หรือไม่

เรื่องมีอยู่ว่า น้องผมไปกินข้าวกับเพื่อนๆ รวมกันทั้งหมด 10 คน
มี4 คนไม่ดื่มแอลกอฮอล 2 คนกินเล็กน้อย อีก 4 คนกินเยอะมาก
ค่าแอลกอฮอลอย่างเดียวประมาณ 6000 บาท (ไม่รวมค่าอาหาร)
เพื่อน 6คนที่ดื่มเสนอว่าให้หารค่าอาหารเท่ากันหมด แต่น้องผมบอกไม่ยุติธรรม คนไม่ดื่มไม่ควรจ่าย
เพื่อนๆจึงบอกว่าไม่มีความเป็นประชาธิปไตยเลย

ตอนหลังผมจึงบอกน้องว่ามันก็เหมือนเสียภาษี, ทุกคนต้องจ่ายถึงแม้เงินจะเอาไปให้นักการเมืองเยอะ, เพราะเค้ามาจากการเลือกตั้งซึ่งเป็นประชาธิปไตย
น้องผมจึงบอกว่าการทำแบบนี้มัน "เท่าเทียม" แต่ไม่ "ยุติธรรม" เลย
ทำไม 1เสียงของคนไม่ดูโทรทัศน์/ไม่มีความรู้การเมือง จึงควรมีค่าเท่ากับ นักบริหารที่ติดตามการเมืองทุกวัน
ทำไม น้องผมจึงต้องจ่ายภาษีเพื่อให้คนบางคนเอาไปใช้ โดยคนจ่ายไม่ได้อะไร
ทำไม จึงเลือกไม่ได้ว่าน้องผมจะจ่ายให้กับโครงการไหนที่เป็นประโยชน์กับน้องผม
ทำไม คนเสียภาษีเยอะจึงมีสิทธิ์เท่าคนเสียน้อย
ทำไม ทุกคนไม่เสียให้เท่ากันล่ะ จะได้เท่าเทียม ทำไมต้องคิดเป็น %จากรายได้, ตกลงมัน "เท่าเทียม" หรือมัน "ยุติธรรม" จริงหรือ

สุดท้ายน้องจึงบอกว่าประชาธิปไตยแบบนี้ น้องไม่เอา, มันไม่รู้ว่า "เท่าเทียม" จริงรึเปล่า แต่ที่แน่ๆมัน "ไม่ยุติธรรม"
สืบเนื่องจากผมมีความรู้ไม่มากจึงอยากเรียนถามชาวพันทิพว่า

1น้องผมไม่มีความเป็นประชาธิปไตยใช่หรือไม่ (กินแล้วไม่ยอมหารเท่ากัน)
2ตามเหตุการข้างต้น ถ้าคุณไม่ดื่มแอลกอฮอล คุณจะหารเท่ากันหรือไม่ (ถ้าค่าแอลกอฮอลแพงกว่านี้แล้วคุณไม่ใช่คนบ้านรวยมากล่ะ)
3ประชาธิปไตยคืออะไร แล้วดีกับทุกๆสถานการจิงหรือ (ถ้าหมอผู้เชียวชาญ2คนบอกควรผ่าตัด, หมอไม่เชียวชาญ6คนบอกไม่ควรผ่า, สุดท้ายคนไข้เสียชีวิตเพราะไม่ได้ผ่า ตามมติประชาธิปไตย, ถ้าเป็นญาติคุณ จะรับได้มั้ย)
4ตกลง "เท่าเทียม" กับ "ยุติธรรม" คืออะไร แล้วอันไหนสำคัญกว่ากัน
5วิธีการเลือกตั้งปัจจุบันดีจิงหรือ ที่ทุกคนมีเสียงเท่ากัน ทุกคนเสียภาษี โดยคิดเป็น % จากรายได้ โดยเลือกวิธีการใช้ภาษีไม่ได้
6การปกครองปัจจุบันนี้ตกลงมันมีความ "เท่าเทียม" หรือความ "ยุติธรรม" มั้ย
7ขอถามเพิ่มว่า ทำไมปัจจุบันถึงไม่มีนักการเมืองที่ทุกคนยอบรับได้ (มันให้เลือกน้อยไปหรือไม่?, ทำไงให้เยอะขึ้น?, ถ้ามีคนดี ที่ไม่มีเงินแต่เก่งมาก เค้ามีสิทธ์ิเป็นผ้บริหารประเทศมั้ยคับ (เก่ง +ดี แตไม่มีตังโฆษนาหาเสียง ทำไงดี, รัฐควรสนับสนุนแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายมั้ยคับ?)

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำตอบที่ดีๆนะคับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ว่ากันเป็นประเด็นๆ ไปละกันนะคะ
1. อัตราเสียภาษีไม่ได้จ่ายเท่ากันนะ รายได้มากจ่ายมาก รายได้น้อยจ่ายน้อย รายได้ไม่มีหรือมีน้อยมากจนไม่ถึงเกณฑ์ก็ไม่ต้องจ่าย (เราปกติก็จ่ายแต่ละปีพอๆ กันประสามนุษย์เงินเดือน พอมาปีนึงรายได้มันไปอยู่ในอีกระดับเราต้องจ่ายในเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าเดิมเล่นเอาไม่ทันตั้งตัว!!)
2. เรื่องของการไปกินไปเที่ยวกับเพื่อนมันต่างกัน ตรงส่วนใหญ่ไม่ได้มีข้อตกลงกันเป็นที่รับรู้ไว้ก่อน เหมือนเรื่องภาษีและเรื่องอื่นๆ ที่มักมีกฏหมายกำหนดไว้ชัดเจนนะคะ จะให้ดีก่อนไปทานข้าวกับเพื่อน ควรกำหนดข้อตกลงไว้ล่วงหน้าเพื่อความยุติธรรมของทุกคนจะดีกว่าถ้าแบบนั้น อย่างถ้าบางคนดื่มวิสกี้ บางคนดื่มเบียร์ บางคนต้องไวน์เท่านั้นคงอาจจะยิ่งยุ่งไปใหญ่ก็ได้ ถ้าต้องมาพิจารณาความยุติธรรมกับทุกเรื่องแม้กระทั่งการเอนเตอร์เทนการเข้าสังคม แบบนี้เลือกว่าจะไปกับกลุ่มไหนที่เราคิดว่าแฟร์ๆ กับเราที่สุดจะดีกว่า หรือสร้างข้อตกลงไปเลยล่วงหน้า (ใครเมามากจ่ายมากเมาน้อยจ่ายน้อยก็ดีนะ จะได้แย่งกันเมาก่อนไปเลย)
3. เราว่าสิทธิเท่ากันนะ ทุกคนเท่ากัน น้องคุณไปกับเขาเอง เขาก็ไม่ได้บังคับไป ไปดื่มกับเขากินกับเขา ความจริงน้องคุณก็มีสิทธิจะปฏิเสธไม่ไปกับเขาก็ได้  อันนี้ก็มีสิทธินะ
4. คือพอเข้าใจ ว่าคุณพยายามจะสื่ออะไร แต่ตัวอย่างมันดูแปลกๆ อ่ะค่ะ มันดูไม่เข้ากันกับเรื่องสิทธิเท่าเทียมเท่าไร!!  ต้องแบ่งแยกประเด็นให้ดีๆ นะ เรื่องสิทธิเท่าเทียม เรื่องภาษี เรื่องความพอใจที่จะร่วมกับกิจกรรมในสังคม เรื่องความยุติธรรม ฯลฯ

ก็ประมาณเดียวกันกับท่าน คห. บนๆ ตอบมาหละค่ะ มันต้องแยกแยะประเด็น!!

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่