*** ช่วงนี้หนุ่มสาวชาวสยามกำลังอ่านหนังสืออะไรกันอยู่จ๊ะ ***

เราเองเป็นคนที่จัดว่าชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก โตมาแบบไม่มีเพื่อนเล่นละแวกบ้าน ไม่มีพี่น้องไวไล่ๆกัน สิ่งที่เราทำคือเปิดหนังสือนั่งอ่านคนเดียวในบ้าน ทำให้กลายเป็นเด็กรู้มากและแก่แดด ฮ่าๆ จนโตมาก็เลยยังชอบอ่านหนังสืออยู่ ซื้อหนังสือไว้เยอะแยะมากมายจนหาที่เก็บไม่ไหว หลังๆเลยตัดใจซื้อ Kindle มาใช้ซะเลย เพราะไม่เปลืองที่เก็บและไม่ต้องกลัวปลวกแดรก กร๊ากกก

สำหรับปี 2014 นี้ new year resolution เพียงข้อเดียวของเราก็คือตั้งใจจะอ่านหนังสือให้ได้มากขึ้นและเคลียร์ของเก่าที่ดองไว้ให้หมดด้วย อาจจะเป็นเพราะด้วยงานที่ทำมันบังคับให้เราต้องอ่านเยอะอยู่แล้ว กลายเป็นว่าเรามีเวลาให้หนังสือรอบตัวเราน้อยลงมาก อย่างปีที่แล้วอ่านจบไปแค่ 3-4 เล่มเท่านั้นเอง นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับความเป็นนักอ่านในสมัยก่อนของเรา ย่างเข้าปีนี้เราเลยรีบอ่านตุนไว้ตั้งแต่ต้นปีเลยทีเดียว เริ่มจากเล่มที่ยังค้างคามาจากปีที่แล้วนี่ละ จะมีอะไรบ้างตามมาดูกันดีกว่า

Letters To A Young Poet - Rainer Maria Rilke

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจให้เราอย่างมากเลยก็ว่าได้ เป็นเหมือนชีวิตของเรา เรื่องมันเริ่มมาจากว่าเราชอบดูหนังเรื่อง Sister Act 2 มาก เราชอบเอาแผ่นมาเปิดดูบ่อยๆและอินไปกับเพลง gospel จนในคืนนึงของปี 2009 ที่เราเปิดดูถึงตอนที่ซิสเตอร์ Marie-Clarence พูดกับ Rita ไม่ให้เด็กคนนี้ล้มเลิกความฝันในการเป็นนักร้อง ซิสเตอร์เอาหนังสือเล่มนี้ให้อ่าน พร้อมกับบอกเรื่องราวย่อๆว่ามีเด็กหนุ่มคนนึงที่อยากเป็นนักเขียนมาก ได้เขียนจดหมายไปหา Rilke เพื่อถามว่าทำยังไงถึงจะได้เป็นนักเขียน Rikle จึงตอบเด็กคนนั้นไปว่า ถ้าคุณตื่นขึ้นมาแล้วคิดถึงแต่การเขียน แค่นั้นคุณก็เป็นนักเขียนแล้ว จากเนื้อหาตรงนั้นทำให้เราตอบตัวเองได้ว่าชีวิตนี้เราอยากทำอะไรมากที่สุด ความจริงเราซื้อหลังจากที่หันมาใช้ Kindle แล้ว แต่เรายอมสั่งเป็นเล่มมาเลย เพราะมันควรค่าแก่การเก็บมากๆ

The Reader - Bernhard Schlink

นวนิยายที่ถูกนำไปทำเป็นหนังอีกเรื่องที่เราชอบมากๆ ทันทีที่หนังเรื่องนี้เข้าโรงเราก็รีบไปดูเลย ตัวหนังมีปมให้เราวิพากษ์กันมากมายและหนังสือก็เช่นกัน จัดว่าเป็นหนังที่อาจจะดูยากสำหรับบางคน รวมทั้งหนังสือด้วยที่อาจจะอ่านเข้าใจยาก เราซื้อไว้ก่อนช่วงอีสเตอร์ในปี 2009 กะว่าตอนหยุดเทอมจะอ่านรวดเดียวให้จบ แต่งานก็ยุ่งซะจนไม่มีเวลา ทุกวันนี้อ่านไปแค่ครึ่งเล่มเอง

Norwegian Wood - Haruki Murakami

เป็นนิยายเล่มแรกที่ซื้อตามคำคะยั้นคะยอของเพื่อน ปกติเป็นคนที่ไม่เคยฟังคำแนะนำใครเลยในการเลือกหนังสือ เซลฟ์จัดมากว่าตัวเองชอบอะไร แต่ด้วยความที่เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนสนิทมาก มันยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเนื้อหา post modern แบบนี้เมิงต้องชอบ ตอนนั้นในใจคิดว่าแล้วไอ่ post modern มันคือเชรี่ยไรกรูไม่รู้จักวุ้ย แต่ก็ค้นคว้าดูว่าคนเขียนคือใคร พอเห็นว่าค่อนข้างมีกระแสในหมู่เด็กแนวบ้านเราก็ชักไม่อยากอ่านเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่เชื่อมั่นว่าเพื่อนคนนี้รู้จักเราดี ในที่สุดก็ไปตามหาซื้อมาจนได้ ผลคือถึงวันนี้ยังอ่านไปไม่ถึงไหนเลยจ้า จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าถึงตรงไหน ถ้าเปิดอ่านอีกทีคงต้องเริ่มตั้งแต่บทที่สองที่สามเลยแหละ ทั้งๆที่เราตามอ่านเล่มอื่นๆของลุงมูไปได้อีก 3-4 เล่มแล้วด้วยซ้ำ เหลือแค่เล่มนี้ที่ยังค้างเติ่งไม่ถึงไหน

Bringing Home the Birkin - Michael Tonello

หนังสือเล่มนี้เหมือนเป็นหนังสือเม้าท์มอยวงการอาชีพก็ว่าได้ อาชีพหา Birkin มาให้คนรวยซื้อสะสม ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อใช่มั้ยว่าเราจะอ่านอะไรแนวนี้ แต่ความจริงๆแล้วเราเป็นคนชอบหนังสือที่ว่าด้วยการตลาดของแวดวงแฟชั่นมากเลยนะ มีหนังสือที่ซื้อไว้หลายเล่มมาก จำได้ว่าไปต่อคิวซื้อที่ร้านในวันวางแผงเลยละ ซื้อมาแล้วก็ตะลุยอ่านจนเกือบจบนะ จากนั้นก็มีเรื่องวุ่นวายกับชีวิตนิดหน่อยก็เลยยังค้างๆคาๆอยู่ เมื่อเช้าเปิดอ่านอีกที ได้ไปหลายหน้าเหมือนกัน คิดว่าคงจะจบภายในพรุ่งนี้ ถ้าไม่ขี้เกียจซะก่อนอะนะ

The Prophet - Kahlil Gibral

หนังสือที่เปรียบเหมือนคู่มือชีวิตเล่มนี้ยังไงเราก็ไม่พลาดที่จะซื้อหาไว้อ่านอย่างแน่นอน ถึงแม้จะเคยซื้อฉบับไทยมาอ่านเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นเราอายุ 15 เองมั้ง ยังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่คาลิลเขียนเท่าไหร่ อายุแค่นั้นซื้อนิยายเรื่องปีกหักจากผู้เขียนคนเดียวกันมาอ่านนี่ก็ถือว่าแก่กล้ามากแล้ว พอโตขึ้น เริ่มมีมุมมองชีวิตมากขึ้น กลับมาอ่านอีกทีรู้สึกเข้าใจขึ้นกว่าเดิมมาก ถึงจะยังไม่เข้าใจได้ทั้งหมดก็ตาม และทุกทีที่เปิดอ่านก็จะรู้สึกว่าคนเราต่อให้อายุมากแค่ไหนก็คงไม่สามารถเข้าใจชีวิตอย่างทะลุปรุโปร่งได้เลย

The Philosophy of Andy Warhol - Andy Warhol

ศิลปินคนโปรดเขียนหนังสือไว้แล้วทั้งที มีเหรอที่เราจะพลาด เราตามผลงานของ Andy Warhol มานาน ขนาดน้ำหอมยังซื้อไว้ขวดนึง นับประสาอะไรกับหนังสือ ความจริงมันจะดีมากถ้าเราหาแบบที่หน้าปกเป็นงานออกแบบของแกได้ แต่ด้วยความที่สำนักพิมพ์ Penguin มันจัดโปรโมชั่นแบบ 3 for 10$ เราก็เลยซื้อพร้อมกับอย่างอื่นอีกสองเล่มซะเลย คุ้มกว่ามาก นิยายเล่มไหนๆที่ว่าอ่านยากแล้ว มาเจอเล่มนี้ต้องชิดซ้ายอะ อ่านไปสามหน้าก็ยังไม่เก็ทว่าป๋าแกจะสื่ออะไรกับคนอ่าน ทุกวันนี้ก็ยังคงอยู่ที่สิบหน้าอย่างงั้นไม่มีเปลี่ยน และไม่รู้ว่าชาตินี้จะอ่านจบหรือเปล่าด้วย

The Fifty Shades of Grey - E.L. James

นิยายโป๊ระดับโลกที่ไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน ฮ่าๆ ผู้เขียนได้แรงบันดาลใจมาจากนิยาย Twilight ที่โด่งดัง ตอนแรกนางเป็นเหมือนพวกแต่งแฟนฟิคลงในเวบบอร์ดคนบ้า Twilight แต่สุดท้ายแล้วผลงานนางเข้าตาสำนักพิมพ์ เขาก็เลยพิมพ์นิยายอีโรติคแนว BDSM ของนางออกมา ความจริงเราไม่ใช่แฟน Twilight หรือนิยายโป๊แนวนี้เลยนะ เคยเปิดอ่านของที่เด็กไทยแต่งในเนทดูบ้าง แต่อ่านแล้วแบบ เอิ่มมม กรูเข้าเวบ Passion HD แล้วดูหนังเป็นเรื่องเป็นราวเลยดีกว่าเถอะ อ่านเอาเสียเวลา ฮ่าๆ คนที่ยุให้ซื้อไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นแฟนเราเอง นางบอกว่ามันดังขนาดนี้ต้องมีติดตู้ไว้นะ หึหึ ในเมื่อเป็นเงินนางเราก็ไม่ทัดทาน อ้ะ ซื้อก็ซื้อ อ่านไปครึ่งเล่มแรกพบว่าอ่านพวกเล่าเรื่องเสียวตามบอร์ดยังได้อรรถรสกว่าเป็นกองเลย ดีนะว่าซื้อแบบดิจิตอล ถ้าแบบเล่มละคงขายต่อไปแล้ว ไม่เก็บไว้รอปลวกแดรกหรอก ฮ่าๆ

ทั้งหมดที่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องอ่านให้จบก็มี 7 เล่มตามนี้เลย จะว่าเยอะก็เยอะ น้อยก็น้อยนะ บางเล่มอ่านยากมาก อ่านแต่ละประโยคต้องคิดนานเลยว่ามันแปลว่าอะไรหว่า กว่าจะเข้าใจ กว่าจะเข้าสมอง ทำให้อ่านไปได้ช้ามาก บางเล่มก็สนุกน้อย ฮ่าๆ เลยไม่ค่อยอยากจับอีก แต่ยังไงก็ต้องเอาให้จบจนได้ เพราะซื้อมาแล้วไม่อยากเสียของ

แชร์ลิสท์หนังสือที่อ่านในช่วงนี้ของตัวเองแล้ว ก็เลยอยากรู้ของเพื่อนๆชาวสยามว่ากำลังอ่านอะไรกันอยู่บ้าง เผื่อจะได้ไอเดียมาเพิ่มลิสท์การอ่านของตัวเองให้ยาวขึ้นไปอีก ฮ่าๆ 7 เล่มที่ค้างอยู่นี่คงไม่เข็ด มาแชร์กันนะจ๊ะ เรารออ่านอยู่

ป.ล. รูปจากเนทนะ ของจริงอยู่ในตู้ ดึกละ ขี้เกียจรื้อมาถ่าย บางเล่มก็อยู่ใน Kindle เป็นแห้งๆแลดูไม่สวยงามเบย เราเลยพยายามหารูปสวยๆมาแทน อิอิ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่