ยิ่งอ่านยิ่งได้ยินยิ่งหน่ายใจ กับความไม่รู้ของเหล่าไอ้มดแดง พวกสลิ่มกับยักษ์เขียวมันคงหัวเราะชอบใจกันใหญ่ จะค้นอากู๋เล่าให้ฟังเกี่ยวกับละครเรื่องนี้ เตรียมป๊อบคอนแบบหลักฉี่ใส่ถุงไว้กินเล่นตอนอ่านไปด้วยจะได้รสชาดมากมาย....
ณ ดินแดนกรุงลงกา ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ฝ่ายปกป้องเมืองถืออาวุธ เขาจะมียศตำแหน่ง สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น คือ บ้านไหนเป็นตาหัน ลูกหลานก็จะได้รับการสนับสนุนให้เป็นตาม เนื่องจากหน่วยดังกล่าวนี้มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองบ้านเมืองและนายระดับสูง จึงไม่อาจที่จะให้ไส้ศึกแห่งเมืองอื่นแอบแฝงตัวเข้ามา แล้วมาสมัครเป็นคนถืออาวุธเนียนๆแอบเอาความรับทางราชเกิน ไปบอกศัตรู เปิดประตูเมืองให้ข้าศึกเข้าตีได้
ดังนั้นจึงมีกฏในการรับเข้าเป็นตะขาบเขียว ตะพาบน้ำ และนกกระจอก โดยต้องมีทั้งเชื้อชาติและสัญชาติเดียวกันเท่านั้น ในอดีตจะเห็นได้เลยว่าเหล่าผู้ปกป้องกรุงลงกาจะมีหน้าตาไปทางโบราณตามปู่ยายตายาย แต่ปัจจุบันเกิดลูกเสี้ยวขึ้นมากจากเชื้อชาติอื่นอาจกลายเป็นเชื้อชาติเดียวกันโดยง่าย ปัญหาจึงเริ่มเกิดขึ้น เพราะสมัยก่อนบุคคลเหล่านี้จะอยู่กันใน "วง" เดียวกันเท่านั้น แต่เมื่อมีกลุ่มอื่นเข้ามาเป็นผู้ถืออาวุธด้วย ทำให้ "วงเดิม" นั้นแยกออกเป็น "วงอื่น" ทันที
สำหรับผู้ที่สืบทอดอาชีพนี้มาแต่ดั้งเดิม บรรพชนมักจะมีตำแหน่งสำคัญในทัพลงกา อาจจะเป็นถึงผบตะขาบเขียว แม่ทัพ ผู้การ โดยส่วนมากคนใหญ่โตๆที่เป็นที่นับถือก็ต้องมีดีกรีระดับพนตีขึ้นไป และอยู่หน่วยคุมกำลังเท่านั้นถึงจะเป็นที่เกรงใจกับลูกน้องในทัพลงกา เพราะสมัยก่อนมีศึกสงครามรอบบ้านบ่อยๆ บรรดาแม่ทัพนายกองนำลูกน้องออกรบ ชนะมาได้หรือมีชีวิตรอดกลับมา ก็จะตอบแทนเลี้ยงดูอุ้มชูลูกน้องและครอบครัวกันอย่างดี ให้ยศตำแหน่งเติบโตอยู่ในสายเดียวกัน สืบต่อไปจนถึงลูกหลานเหลนโหลน ลูกน้องเองก็จะดูแลนายและครอบครัวลูกหลานนายจนแก่เฒ่าเช่นเดียวกัน
เนื่องด้วยระบบในการคัดเลือกเข้าเป็นเด็กหัดถืออาวุธนั้นจะมีคะแนนพิเศษช่วยสำหรับผู้ที่มีพ่อรับราชเกินในทัพลงกาอยู่ บรรดาลูกหลานจึงเข้ามาในทัพได้ต่อเนื่อง คนนอกจะเข้ามาได้ต้องทำคะแนนดีกว่าลูกหลานคนมีสี เมื่อเข้ามาได้เด็กพวกนี้จะตั้งใจเรียนมากกว่าลูกคนมีสีด้วยกันเอง เพราะความกดดัน เกิดเป็นพลังเพื่อเอาชนะลูกนาย เพราะมีระบบในการดำรงตำแหน่งสูงในทัพได้นั้นจะต้องผ่านด่านที่ยุติธรรม 2 ด่านด้วยกันคือ
ด่านแรกต้องสอบจบชั้นนายฮ้อยด้วยเกรดดีๆ เพราะใครได้คะแนนสูงสุดมีสิทธิ์เลือกหน่วยดีๆพวกหน่วยคุมกำลังหลักไปลงก่อน เรียงตามลำดับคะแนน ใครเรียนห่วยสอบได้ไม่ดีก็ต้องเลือกทีหลังส่วนมากจะไปอยู่ตามตะเข็บชายแดนใครสอบได้ดีมักจะไปอยู่ตามหัวเมืองใหญ่หรือในกรุงลงกา แต่ยังมีด่านสองอีกคือการสอบชั้นนายพัน ก็สามารถเลือกหน่วยดีๆไปลงได้ หรืออาจย้ายหน่วยได้เพราะใช้หลักคะแนนสอบเช่นเดิม ที่ผ่านมาคนเก่งยังไงก็มักที่จะสอบได้คะแนนดีทั้งชั้นนายร้อยและนายพัน มีทั้งลูกนายและคนทั่วไปปะปนกันไป ดังนั้นปัญหาภายในจึงเกิดขึ้น
ถึงจะใช้คะแนนเป็นตัวตัดสินการเลือกหน่วยดีๆในการทำงานไต่เต้าไปสู่จุดสูงสุดในอาชีพก็ตามที เมื่อบบรจุในหน่วยนั้นๆแล้วก็ใช่ว่าเส้นทางจะราบรื่นเพราะคนที่ไม่ได้เป็น"ลูกนาย" มักจะทำงานไม่เข้าขากับคนอื่นๆ เพราะบ่อยครั้งการทำงานที่ต้องประสานงานและเจรจากับคนร่วมงานเมื่อครอบครัวไม่ได้เป็นอาชีพนี้ จะไม่ค่อยรู้จักใครในสายนี้ อาจไปเหยียบตาปลาของลูกนายเข้าได้ จึงมักไม่ได้ดี ไม่เหมือนลูกนายที่เชื่อมเครือข่ายกันได้หมด มาด้วยกันไปด้วยกันเลือดตะขาบเขียว...จงได้ปกครองทัพลงกาสืบต่อจากบรรพชน จนเป็นมาของคำว่า "วงเทพ1" หมายถึงเสพสุขเหมือนเทพเจ้าไม่มีใครกล้ายุ่งมีพลังอำนาจพิเศาคอยช่วยตลอดไม่มีตกอับในชีวิตราชเกิน
เมื่อยมือพักก่อนเดี๋ยวมาต่อ
กลุ้มใจเหล่าไอ้มดแดงเฮกันมั่วไม่รู้จักวงตาวัน/บูรพาไม่แพ้ มาดูจะสอนให้ อายสลิ่มมัน
ณ ดินแดนกรุงลงกา ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ฝ่ายปกป้องเมืองถืออาวุธ เขาจะมียศตำแหน่ง สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น คือ บ้านไหนเป็นตาหัน ลูกหลานก็จะได้รับการสนับสนุนให้เป็นตาม เนื่องจากหน่วยดังกล่าวนี้มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองบ้านเมืองและนายระดับสูง จึงไม่อาจที่จะให้ไส้ศึกแห่งเมืองอื่นแอบแฝงตัวเข้ามา แล้วมาสมัครเป็นคนถืออาวุธเนียนๆแอบเอาความรับทางราชเกิน ไปบอกศัตรู เปิดประตูเมืองให้ข้าศึกเข้าตีได้
ดังนั้นจึงมีกฏในการรับเข้าเป็นตะขาบเขียว ตะพาบน้ำ และนกกระจอก โดยต้องมีทั้งเชื้อชาติและสัญชาติเดียวกันเท่านั้น ในอดีตจะเห็นได้เลยว่าเหล่าผู้ปกป้องกรุงลงกาจะมีหน้าตาไปทางโบราณตามปู่ยายตายาย แต่ปัจจุบันเกิดลูกเสี้ยวขึ้นมากจากเชื้อชาติอื่นอาจกลายเป็นเชื้อชาติเดียวกันโดยง่าย ปัญหาจึงเริ่มเกิดขึ้น เพราะสมัยก่อนบุคคลเหล่านี้จะอยู่กันใน "วง" เดียวกันเท่านั้น แต่เมื่อมีกลุ่มอื่นเข้ามาเป็นผู้ถืออาวุธด้วย ทำให้ "วงเดิม" นั้นแยกออกเป็น "วงอื่น" ทันที
สำหรับผู้ที่สืบทอดอาชีพนี้มาแต่ดั้งเดิม บรรพชนมักจะมีตำแหน่งสำคัญในทัพลงกา อาจจะเป็นถึงผบตะขาบเขียว แม่ทัพ ผู้การ โดยส่วนมากคนใหญ่โตๆที่เป็นที่นับถือก็ต้องมีดีกรีระดับพนตีขึ้นไป และอยู่หน่วยคุมกำลังเท่านั้นถึงจะเป็นที่เกรงใจกับลูกน้องในทัพลงกา เพราะสมัยก่อนมีศึกสงครามรอบบ้านบ่อยๆ บรรดาแม่ทัพนายกองนำลูกน้องออกรบ ชนะมาได้หรือมีชีวิตรอดกลับมา ก็จะตอบแทนเลี้ยงดูอุ้มชูลูกน้องและครอบครัวกันอย่างดี ให้ยศตำแหน่งเติบโตอยู่ในสายเดียวกัน สืบต่อไปจนถึงลูกหลานเหลนโหลน ลูกน้องเองก็จะดูแลนายและครอบครัวลูกหลานนายจนแก่เฒ่าเช่นเดียวกัน
เนื่องด้วยระบบในการคัดเลือกเข้าเป็นเด็กหัดถืออาวุธนั้นจะมีคะแนนพิเศษช่วยสำหรับผู้ที่มีพ่อรับราชเกินในทัพลงกาอยู่ บรรดาลูกหลานจึงเข้ามาในทัพได้ต่อเนื่อง คนนอกจะเข้ามาได้ต้องทำคะแนนดีกว่าลูกหลานคนมีสี เมื่อเข้ามาได้เด็กพวกนี้จะตั้งใจเรียนมากกว่าลูกคนมีสีด้วยกันเอง เพราะความกดดัน เกิดเป็นพลังเพื่อเอาชนะลูกนาย เพราะมีระบบในการดำรงตำแหน่งสูงในทัพได้นั้นจะต้องผ่านด่านที่ยุติธรรม 2 ด่านด้วยกันคือ
ด่านแรกต้องสอบจบชั้นนายฮ้อยด้วยเกรดดีๆ เพราะใครได้คะแนนสูงสุดมีสิทธิ์เลือกหน่วยดีๆพวกหน่วยคุมกำลังหลักไปลงก่อน เรียงตามลำดับคะแนน ใครเรียนห่วยสอบได้ไม่ดีก็ต้องเลือกทีหลังส่วนมากจะไปอยู่ตามตะเข็บชายแดนใครสอบได้ดีมักจะไปอยู่ตามหัวเมืองใหญ่หรือในกรุงลงกา แต่ยังมีด่านสองอีกคือการสอบชั้นนายพัน ก็สามารถเลือกหน่วยดีๆไปลงได้ หรืออาจย้ายหน่วยได้เพราะใช้หลักคะแนนสอบเช่นเดิม ที่ผ่านมาคนเก่งยังไงก็มักที่จะสอบได้คะแนนดีทั้งชั้นนายร้อยและนายพัน มีทั้งลูกนายและคนทั่วไปปะปนกันไป ดังนั้นปัญหาภายในจึงเกิดขึ้น
ถึงจะใช้คะแนนเป็นตัวตัดสินการเลือกหน่วยดีๆในการทำงานไต่เต้าไปสู่จุดสูงสุดในอาชีพก็ตามที เมื่อบบรจุในหน่วยนั้นๆแล้วก็ใช่ว่าเส้นทางจะราบรื่นเพราะคนที่ไม่ได้เป็น"ลูกนาย" มักจะทำงานไม่เข้าขากับคนอื่นๆ เพราะบ่อยครั้งการทำงานที่ต้องประสานงานและเจรจากับคนร่วมงานเมื่อครอบครัวไม่ได้เป็นอาชีพนี้ จะไม่ค่อยรู้จักใครในสายนี้ อาจไปเหยียบตาปลาของลูกนายเข้าได้ จึงมักไม่ได้ดี ไม่เหมือนลูกนายที่เชื่อมเครือข่ายกันได้หมด มาด้วยกันไปด้วยกันเลือดตะขาบเขียว...จงได้ปกครองทัพลงกาสืบต่อจากบรรพชน จนเป็นมาของคำว่า "วงเทพ1" หมายถึงเสพสุขเหมือนเทพเจ้าไม่มีใครกล้ายุ่งมีพลังอำนาจพิเศาคอยช่วยตลอดไม่มีตกอับในชีวิตราชเกิน
เมื่อยมือพักก่อนเดี๋ยวมาต่อ