ตัวเลขจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 45.84 % ในวันนี้...บอกอะไรแก่เราบ้าง...
1.บอกว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการผู้แทนที่มาจากระบอบประชาธิปไตยภายใต้กฎหมายตามรัฐธรรมนูญ
(อ้างอิงตัวเลข 45.84% จากในเว็บนี้แหละครับ ซึ่งผมก็ยืนยันความถูกต้องไม่ได้ แต่คิดว่าถึงผิดไปก็ไม่มาก)
ผมไม่สนใจเสื้อเหลือง เสื้อแดง ไม่สนใจทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์
แต่ผมมองในภาพรวมว่า ตัวเลข 45.84 % ( 20 ล้านคน จาก 44 ล้านคน)
ไม่ว่าจะเป็นคะแนนของฝ่ายไหน เพื่อไทย พรรคเล็ก บัตรเสีย ผู้ไม่ประสงค์เลือกใคร
ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่า
ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการผู้แทนที่มาโดยวิธีที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย
ท้ายที่สุด...ไม่ว่าเพื่อไทยจะได้เท่าไหร่ พรรคเล็กจะได้เท่าไหร่ ผู้ไม่ประสงค์เลือกใครจะมีเท่าไหร่ บัตรเสียจะมากน้อยแค่ไหน
มันก็คือความชอบธรรมของ ผู้แทนที่มาจากประชาธิปไตย สมควรได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลและทำการปฏิรูปภายใต้กฎกติกา
ผมสมมติง่ายๆ ว่า คะแนนที่ยังไม่ได้เลือกทั้งหมด (ประมาณ 4 ล้านคน) เลือกประชาธิปัตย์ (แสดงออกโดยการไม่มาเลือกตั้งทั้งหมด)
ทำให้เปอร์เซ็นต์ตัวเลขผู้มาเลือกตั้ง เปลี่ยนเป็น 20 ล้านคน จาก 48 ล้านคน คิดเป็น 41 % โดยประมาณ
สมมติฐานว่าจำนวนผู้ไม่มาเลือกตั้งกรณีเหตุการณ์ปกติเท่ากับปี 2554 คือ 25%
ทำให้ประมาณได้ว่าเป็นคะแนนของประชาธิปัตย์ รวมกับผู้นิยมปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง = 100-41-25 = 34 %
ถือเป็นตัวเลขที่สูงทีเดียว...แต่ก็ไม่สูงไปกว่า 41%
ชี้วัดได้ว่า...ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการการเลือกผู้แทนฯ แบบถูกต้องตามกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ
ประชาธิปัตย์และผู้นิยมการปฎิรูปก่อนเลือกตั้งจึงไม่สามารถนำตัวเลขนี้ไปกล่าวอ้างความชอบธรรมในการเป็นคณะปฏิรูปได้
เพราะ...แม้ท่านจะมีคะแนนถึง 34 % แต่...นั่นเป็นคะแนนที่ไม่ถูกนำมาใช้วัดผลตามกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ
ส่วนเพื่อไทย…แม้จะได้เสียงข้างมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าบอบช้ำไม่น้อย
2.บอกให้เพื่อไทยทราบว่า...แม้จะได้คะแนนเสียงมากที่สุดตามวิธีประชาธิปไตย แต่ก็ต้องตระหนักว่า ยังมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจกับนโยบาย และวิธีการบริหารของท่าน...ท่านจึงควรรับฟังและปรับปรุงวิธีการบริหารให้ดีกว่าที่ผ่านมาโดยเร่งด่วน และ...ท่านมีโอกาสตลอดเวลาที่จะถูกตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงาน หรือถูกยื่นเรื่องถอดถอน
ที่สำคัญการปฏิรูปฯ ที่สัญญาไว้กับประชาชนต้องได้รับการดำเนินการทันที...และจะดีมากหากท่านให้โอกาสตัวแทนจากฝ่ายประชาธิปัตย์มีส่วนร่วมในการปฏิรูปด้วย
3.บอกให้พรรคเล็กที่มีโอกาสร่วมเป็นพรรครัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ตาม ทราบว่า...เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของท่านที่จะแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ เน้นความจริงใจ โปร่งใส และยุติธรรม ในภาวะที่การเมืองในบ้านเรามีความเปราะบางและพร้อมที่จะแตกหัก เพื่อไทยได้รับความนิยมน้อยลง ประชาธิปัตย์แพ้การเดินเกมของตัวเอง...พรรคเล็กๆของท่านจะมีส่วนสร้างสรรค์ และจรรโลงระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงต่อไปได้...ประชาชนกำลังมองหา “ทางเลือกที่ 3”...ผมอยากให้ท่านเป็นทางเลือกใหม่ๆที่ดี สำหรับประชาชนที่ทำอะไรไม่ได้ (นอกจากลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง) อย่างผม และคาดหวังอย่างสูงสุดว่าท่านจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง
สุดท้าย...ภายใต้ภาวะที่บ้านเมืองวิกฤติหนัก ประชาชนเสื่อมศรัทธากับระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ ท่ามกลางความแตกแยกของประชาชนสองฝั่งที่เห็นต่างกันอย่างสุดขั้ว และประชาชนถูกบังคับให้เลือกข้าง แถมยังไม่มีการรณรงค์เพื่อให้ไปเลือกตั้งใดๆทั้งสิ้น (แต่มีการรณรงค์ไม่ให้ไปเลือกตั้งกันอย่างมากมาย)......มีผู้มาใช้สิทธิขนาดนี้...ผมว่าก็น่าพอใจแล้วนะครับ สำหรับประชาธิปไตยไม่เต็มใบของเรา
แต่...ผมก็ยังเชื่อมั่นในประชาธิปไตยเสมอ ถึงแม้มันจะแหว่งๆวิ่นๆ หรือยับยู่ยี่ไปบ้าง
ท้ายที่สุด...ประชาธิปไตยจะชนะเสมอ (ไม่ใช่แค่เพื่อไทย หรือประชาธิปัตย์)
.
.
.
.
เว้นแต่ว่า...จะมีวิธีพิเศษมาทำให้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ
หรือ...ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งเสียก่อน
...ตัวเลข 45.84 % ในวันนี้ บอกอะไรแก่เราบ้าง...
1.บอกว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการผู้แทนที่มาจากระบอบประชาธิปไตยภายใต้กฎหมายตามรัฐธรรมนูญ
(อ้างอิงตัวเลข 45.84% จากในเว็บนี้แหละครับ ซึ่งผมก็ยืนยันความถูกต้องไม่ได้ แต่คิดว่าถึงผิดไปก็ไม่มาก)
ผมไม่สนใจเสื้อเหลือง เสื้อแดง ไม่สนใจทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์
แต่ผมมองในภาพรวมว่า ตัวเลข 45.84 % ( 20 ล้านคน จาก 44 ล้านคน)
ไม่ว่าจะเป็นคะแนนของฝ่ายไหน เพื่อไทย พรรคเล็ก บัตรเสีย ผู้ไม่ประสงค์เลือกใคร
ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการผู้แทนที่มาโดยวิธีที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย
ท้ายที่สุด...ไม่ว่าเพื่อไทยจะได้เท่าไหร่ พรรคเล็กจะได้เท่าไหร่ ผู้ไม่ประสงค์เลือกใครจะมีเท่าไหร่ บัตรเสียจะมากน้อยแค่ไหน
มันก็คือความชอบธรรมของ ผู้แทนที่มาจากประชาธิปไตย สมควรได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลและทำการปฏิรูปภายใต้กฎกติกา
ผมสมมติง่ายๆ ว่า คะแนนที่ยังไม่ได้เลือกทั้งหมด (ประมาณ 4 ล้านคน) เลือกประชาธิปัตย์ (แสดงออกโดยการไม่มาเลือกตั้งทั้งหมด)
ทำให้เปอร์เซ็นต์ตัวเลขผู้มาเลือกตั้ง เปลี่ยนเป็น 20 ล้านคน จาก 48 ล้านคน คิดเป็น 41 % โดยประมาณ
สมมติฐานว่าจำนวนผู้ไม่มาเลือกตั้งกรณีเหตุการณ์ปกติเท่ากับปี 2554 คือ 25%
ทำให้ประมาณได้ว่าเป็นคะแนนของประชาธิปัตย์ รวมกับผู้นิยมปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง = 100-41-25 = 34 %
ถือเป็นตัวเลขที่สูงทีเดียว...แต่ก็ไม่สูงไปกว่า 41%
ชี้วัดได้ว่า...ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการการเลือกผู้แทนฯ แบบถูกต้องตามกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ
ประชาธิปัตย์และผู้นิยมการปฎิรูปก่อนเลือกตั้งจึงไม่สามารถนำตัวเลขนี้ไปกล่าวอ้างความชอบธรรมในการเป็นคณะปฏิรูปได้
เพราะ...แม้ท่านจะมีคะแนนถึง 34 % แต่...นั่นเป็นคะแนนที่ไม่ถูกนำมาใช้วัดผลตามกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ
ส่วนเพื่อไทย…แม้จะได้เสียงข้างมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าบอบช้ำไม่น้อย
2.บอกให้เพื่อไทยทราบว่า...แม้จะได้คะแนนเสียงมากที่สุดตามวิธีประชาธิปไตย แต่ก็ต้องตระหนักว่า ยังมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจกับนโยบาย และวิธีการบริหารของท่าน...ท่านจึงควรรับฟังและปรับปรุงวิธีการบริหารให้ดีกว่าที่ผ่านมาโดยเร่งด่วน และ...ท่านมีโอกาสตลอดเวลาที่จะถูกตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงาน หรือถูกยื่นเรื่องถอดถอน
ที่สำคัญการปฏิรูปฯ ที่สัญญาไว้กับประชาชนต้องได้รับการดำเนินการทันที...และจะดีมากหากท่านให้โอกาสตัวแทนจากฝ่ายประชาธิปัตย์มีส่วนร่วมในการปฏิรูปด้วย
3.บอกให้พรรคเล็กที่มีโอกาสร่วมเป็นพรรครัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ตาม ทราบว่า...เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของท่านที่จะแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ เน้นความจริงใจ โปร่งใส และยุติธรรม ในภาวะที่การเมืองในบ้านเรามีความเปราะบางและพร้อมที่จะแตกหัก เพื่อไทยได้รับความนิยมน้อยลง ประชาธิปัตย์แพ้การเดินเกมของตัวเอง...พรรคเล็กๆของท่านจะมีส่วนสร้างสรรค์ และจรรโลงระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงต่อไปได้...ประชาชนกำลังมองหา “ทางเลือกที่ 3”...ผมอยากให้ท่านเป็นทางเลือกใหม่ๆที่ดี สำหรับประชาชนที่ทำอะไรไม่ได้ (นอกจากลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง) อย่างผม และคาดหวังอย่างสูงสุดว่าท่านจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง
สุดท้าย...ภายใต้ภาวะที่บ้านเมืองวิกฤติหนัก ประชาชนเสื่อมศรัทธากับระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ ท่ามกลางความแตกแยกของประชาชนสองฝั่งที่เห็นต่างกันอย่างสุดขั้ว และประชาชนถูกบังคับให้เลือกข้าง แถมยังไม่มีการรณรงค์เพื่อให้ไปเลือกตั้งใดๆทั้งสิ้น (แต่มีการรณรงค์ไม่ให้ไปเลือกตั้งกันอย่างมากมาย)......มีผู้มาใช้สิทธิขนาดนี้...ผมว่าก็น่าพอใจแล้วนะครับ สำหรับประชาธิปไตยไม่เต็มใบของเรา
แต่...ผมก็ยังเชื่อมั่นในประชาธิปไตยเสมอ ถึงแม้มันจะแหว่งๆวิ่นๆ หรือยับยู่ยี่ไปบ้าง
ท้ายที่สุด...ประชาธิปไตยจะชนะเสมอ (ไม่ใช่แค่เพื่อไทย หรือประชาธิปัตย์)
.
.
.
.
เว้นแต่ว่า...จะมีวิธีพิเศษมาทำให้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ
หรือ...ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งเสียก่อน