ในเดือนแห่งความรัก ได้อ่านเรื่องราวความรักของคู่รักหลายๆคน และเราเองก็ไม่มีความรักของตัวเองให้นึกถึงสักเท่าไหร่
ทำให้นึกไปถึงความรักที่แสนงดงามของ พ่อกับแม่ ที่ไม่รู้ว่าทั้งชีวิตนี้เราจะได้รับเกียรติให้มีความรักเช่นนั้นบ้างหรือเปล่า
4 ปี ในรั้วมหาวิทยาลัย กับอีก 2 ปี ในชีวิตการทำงานก่อนจะได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน เวลาทั้งหมดนั่นเป็นความทรงจำที่สวยงามจริงๆ
แม่มักเล่าถึงช่วงเวลาเหล่านั้นให้เราและพี่ฟังบ่อยๆ แม้ในวันที่พ่อจากไปแล้วเรื่องราวทั้งหมดก็ยังคงแจ่มชัดในความทรงจำ
ของแม่อยู่เสมอ แม้ในวันที่แม่สับสนหลงลืมเรื่องต่างๆ แต่มีเรื่องเดียวที่แม่ไม่เคยจำสลับกับเรื่องอื่นๆเลยก็คือเรื่องของพ่อ
แม่กับพ่อมีที่มาต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอุปสรรคใดๆเลย สำหรับคนสองคนที่มีความรักอันมั่นคง พ่อกับแม่เจอกันครั้งแรก
ในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ก่อนที่แม่จะเอนทรานซ์ใหม่ในปีถัดไป ทำให้ต้องย้ายไปเรียนที่เชียงใหม่ แต่พ่อยังคงเรียนอยู่ที่เดิม
ระยะทางที่แสนไกลระหว่าง กรุงเทพฯ กับ เชียงใหม่ อีกทั้งเส้นทางคมนาคมเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้นก็ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนในปัจจุบัน
เทคโนโลยีใดๆก็มีอย่างจำกัด
ช่องทางสื่อสารระหว่างพ่อกับแม่ ก็มีจดหมายนี่แหละเป็นหลัก เป็นเวลา 4 ปี ที่พ่อเขียนจดหมายถึงแม่วันเว้นวัน
จนนับไม่ไหวว่าจดหมายทั้งหมดนั่นรวมกันแล้วมีเท่าไหร่
เพราะเงินค่ารถมีไม่มากพอ เวลาปิดเทอม พ่อก็ต้องเลือกเอาว่าจะกลับบ้านไปหาย่าที่ชลบุรี หรือจะไปหาแม่ที่เชียงใหม่
และต่อให้รักแม่มากแค่ไหนแต่พ่อก็เลือกกับไปหาย่าก่อนทุกครั้ง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้แม่ประทับใจในตัวพ่อมากๆ
"ถ้าเธอเลือกมาหาฉันแทนที่จะกลับไปหาแม่ตัวเองฉันก็คงไม่เลือกเธอมาเป็นพ่อของลูกฉันหรอก"
ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะแปลความหมายของประโยคนี้ว่าอย่างไร แต่สำหรับฉัน มันช่างเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ
ที่ผู้หญิงคนนึงจะมีให้กับ คนรัก
พอเรียนจบ ทำงาน จนกระทั่งแต่งงานกันในที่สุด พ่อไม่เคยทำให้แม่ผิดหวัง เสียใจเลยสักครั้ง แม่ซะอีกที่ชอบเผลอบ่นๆๆ
จนต้องมานั่งสำนึกผิดเอาทีหลัง แต่พ่อก็ไม่เคยโกรธแม่เลย ฉันยังจำภาพที่พ่อยืนยิ้มๆฟังแม่บ่น แล้วก็ไปจูงมือแม่มานั่ง
หาน้ำมาให้ พ่อบอกว่า บ่นมากคอแห้งแล้วกินน้ำก่อนน่ะ เดี๋ยวค่อยบ่นต่อก็ได้ ไม่หนีไปไหนหรอก จะรอฟังจนบ่นจบนั่นแหละ
แล้วพ่อก็ไม่เคยหนีแม่ไปไหนจริงๆอย่างที่ได้พูดไว้ ไม่ว่ายามทุกข์หรือสุข พ่อก็อยู่เคียงข้าง เป็นกำลังใจ เป็นที่ปรึกษา
เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นคนรักที่แสนดีให้แม่เสมอมา....

เพลงบอกรัก ของน้าปั่นที่พ่อกับแม่ชอบ ฟังกี่ครั้งก็ยังเพราะมากมาย
เรื่องเล่าในเดือนแห่งความรัก "เพราะเรารักกัน"
ในเดือนแห่งความรัก ได้อ่านเรื่องราวความรักของคู่รักหลายๆคน และเราเองก็ไม่มีความรักของตัวเองให้นึกถึงสักเท่าไหร่
ทำให้นึกไปถึงความรักที่แสนงดงามของ พ่อกับแม่ ที่ไม่รู้ว่าทั้งชีวิตนี้เราจะได้รับเกียรติให้มีความรักเช่นนั้นบ้างหรือเปล่า
4 ปี ในรั้วมหาวิทยาลัย กับอีก 2 ปี ในชีวิตการทำงานก่อนจะได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน เวลาทั้งหมดนั่นเป็นความทรงจำที่สวยงามจริงๆ
แม่มักเล่าถึงช่วงเวลาเหล่านั้นให้เราและพี่ฟังบ่อยๆ แม้ในวันที่พ่อจากไปแล้วเรื่องราวทั้งหมดก็ยังคงแจ่มชัดในความทรงจำ
ของแม่อยู่เสมอ แม้ในวันที่แม่สับสนหลงลืมเรื่องต่างๆ แต่มีเรื่องเดียวที่แม่ไม่เคยจำสลับกับเรื่องอื่นๆเลยก็คือเรื่องของพ่อ
แม่กับพ่อมีที่มาต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอุปสรรคใดๆเลย สำหรับคนสองคนที่มีความรักอันมั่นคง พ่อกับแม่เจอกันครั้งแรก
ในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ก่อนที่แม่จะเอนทรานซ์ใหม่ในปีถัดไป ทำให้ต้องย้ายไปเรียนที่เชียงใหม่ แต่พ่อยังคงเรียนอยู่ที่เดิม
ระยะทางที่แสนไกลระหว่าง กรุงเทพฯ กับ เชียงใหม่ อีกทั้งเส้นทางคมนาคมเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้นก็ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนในปัจจุบัน
เทคโนโลยีใดๆก็มีอย่างจำกัด
ช่องทางสื่อสารระหว่างพ่อกับแม่ ก็มีจดหมายนี่แหละเป็นหลัก เป็นเวลา 4 ปี ที่พ่อเขียนจดหมายถึงแม่วันเว้นวัน
จนนับไม่ไหวว่าจดหมายทั้งหมดนั่นรวมกันแล้วมีเท่าไหร่
เพราะเงินค่ารถมีไม่มากพอ เวลาปิดเทอม พ่อก็ต้องเลือกเอาว่าจะกลับบ้านไปหาย่าที่ชลบุรี หรือจะไปหาแม่ที่เชียงใหม่
และต่อให้รักแม่มากแค่ไหนแต่พ่อก็เลือกกับไปหาย่าก่อนทุกครั้ง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้แม่ประทับใจในตัวพ่อมากๆ
"ถ้าเธอเลือกมาหาฉันแทนที่จะกลับไปหาแม่ตัวเองฉันก็คงไม่เลือกเธอมาเป็นพ่อของลูกฉันหรอก"
ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะแปลความหมายของประโยคนี้ว่าอย่างไร แต่สำหรับฉัน มันช่างเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ
ที่ผู้หญิงคนนึงจะมีให้กับ คนรัก
พอเรียนจบ ทำงาน จนกระทั่งแต่งงานกันในที่สุด พ่อไม่เคยทำให้แม่ผิดหวัง เสียใจเลยสักครั้ง แม่ซะอีกที่ชอบเผลอบ่นๆๆ
จนต้องมานั่งสำนึกผิดเอาทีหลัง แต่พ่อก็ไม่เคยโกรธแม่เลย ฉันยังจำภาพที่พ่อยืนยิ้มๆฟังแม่บ่น แล้วก็ไปจูงมือแม่มานั่ง
หาน้ำมาให้ พ่อบอกว่า บ่นมากคอแห้งแล้วกินน้ำก่อนน่ะ เดี๋ยวค่อยบ่นต่อก็ได้ ไม่หนีไปไหนหรอก จะรอฟังจนบ่นจบนั่นแหละ
แล้วพ่อก็ไม่เคยหนีแม่ไปไหนจริงๆอย่างที่ได้พูดไว้ ไม่ว่ายามทุกข์หรือสุข พ่อก็อยู่เคียงข้าง เป็นกำลังใจ เป็นที่ปรึกษา
เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นคนรักที่แสนดีให้แม่เสมอมา....
เพลงบอกรัก ของน้าปั่นที่พ่อกับแม่ชอบ ฟังกี่ครั้งก็ยังเพราะมากมาย