ขอให้เสื้อแดงตาสว่างขึ้น ขอให้สละเวลาอ่านซักนิด อย่าอคติ กับอีกฝ่าย

กระทู้คำถาม
ขอย้ำเตือน เป็นครั้งสุดท้ายครับ  ต่อไปจะไม่โพสเรื่องนี้แล้วครับ
วันนี้วันเลือกตั้ง  จึงมาย้ำเตือนเสื้อแดง,นปช.ทั้งหลาย ให้ตาสว่างขึ้นครับ
อย่าหลงกลระบอบทักษิณอีกเลย   ประเทศไทยเราลูกหลานเราจะลำบาก  ระบอบอันตราย อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์
ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจ ให้เสื้อแดง,นปช. อย่าได้เลือกระบอบทักษิณเข้ามากัดกินประเทศไทยของเราอีกเลยครับ  กาพรรคไหนก็ได้ ไม่เป็นไร

โปรดสละเวลาอ่านซักนิ๊ด อย่าอคติแบบสุดๆ  กับฝ่ายอื่นๆเลยจ้า..


นายเสนาะ เทียนทอง ได้เขียนในหัวข้อ "จะเอาทักษิณหรือประเทศไทย"

มีเนื้อหาสาระที่สำคัญว่า รู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่ปี 2529 แบบผิวเผิน ตั้งแต่เป็นนายตำรวจติดตามรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณฯ พยายามสร้างความสัมพันธ์กับหัวหน้าพรรค คือทำธุรกิจกับการเมือง วิ่งเต้นเข้าทางผู้ใหญ่สูงสุดของพรรค ต่อมาตนย้ายไปเป็นเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ได้สนับสนุนปัจจัยการเมืองผ่านไปทาง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ในขณะนั้น

พ.ต.ท.ทักษิณฯ จึงได้เข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อก่อนเกิดวิกฤตค่าเงินบาท นายอำนวย วีรวรรณ รมว.คลังในขณะนั้นลาออก มีการคิดกันว่าจะให้ตำแหน่งนี้กับ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ด้วยซ้ำ ตนได้ไปทาบทามคนที่น่าเชื่อถือในสังคม โดย นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รับปากว่า จะเข้ามาช่วยเป็นรมว.คลัง ปรากฏว่า

พ.ต.ท.ทักษิณฯ ไปนำนายทะนง พิทยะ ผู้บริหารธนาคารทหารไทยมารับตำแหน่งนี้แทน โดยที่ตนไม่รู้เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณฯ ไปซุบซิบกับ พล.อ.ชวลิตฯ และนายโภคิณ พลกุล อดีต รมต.สำนักนายกฯ แล้วจึงมีคำสั่งแต่งตั้งนายทนง “ ก่อนเงินบาทลอยตัว ผมไม่รู้เรื่องด้วย เพราะอยู่นอกวงของพวกเขา

คนที่เกี่ยวข้องกับการลดค่าเงินบาทในขณะนั้น มี 4 คือ พล.อ.ชวลิตฯ พ.ต.ท.ทักษิณฯ นายทะนงฯ และนายโภคินฯ ส่วนจะรู้เห็นกันขนาดไหน ผมไม่รู้ เขาบอกว่า เขาไม่รู้อันนี้ ไม่มีใบเสร็จ แต่ถ้าถามผมว่าผลที่เกิดหลังค่าเงินบาทลอยตัวออกมาอย่างไร มันส่อชัดว่า ทักษิณและบริษัทรอดวิกฤตคนเดียวคือ ผลลัพธ์มันสะท้อนชัดอยู่แล้ว การที่มีคนไปซื้อประกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงินบาทไว้มากๆ หรือไปซื้อดอลล่าเอาไว้มากๆ ก่อนประกาศลอยค่าเงินบาทก็เหมือนจุดไฟเผาบ้านตัวเองเพื่อเอาเงินประกัน

เศรษฐกิจของชาติพังเสียหายแต่ตัวเอง รอดพ้นวิกฤตเพราะได้ประกัน” นายเสนาะกล่าวว่า หากต้องการจะรู้ทันทักษิณ ต้องเข้าใจเสียก่อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณฯ เป็นคนอย่างไร เพราะลักษณะเฉพาะของตัวตนของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมการใช้อำนาจและบริหารราชการแผ่นดินของทักษิณทั้งหมดนั้น ประกอบขึ้นมาเป็นระบอบทักษิณ ซึ่งมีทั้งระบบการใช้อำนาจ การแสวงหาผลประโยชน์อยู่ร่วมกัน

พ.ต.ท.ทักษิณฯ เป็นคนมีวุฒิการศึกษา แต่ขาดวุฒิภาวการณ์เป็นผู้นำ ไม่มีสภาวะผู้นำในระดับประเทศ เป็นคนไม่มีประสบการณ์ในการบริหารราชการแม้เคยได้รับราชการตำรวจก็อยู่ไม่นาน และใช้เวลาว่างไปกับการประกอบธุรกิจ พ.ต.ท.ทักษิณฯ เป็นนักเสี่ยงโชค ขาดความรอบคอบ เคยประสบปัญหาทางธุรกิจ แลกเช็คและถูกฟ้องเช็คเด้ง นิยมบริหารธุรกิจแบบคิดไวทำไว โดยใช้การตลาดเป็นเครื่องมือ “การจดทะเบียนคนจนน้น ผมเคยแนะนำว่ามันทำไม่ได้ ไปประกาศเฉยๆ ไม่ได้ เอามาขึ้นทะเบียนเฉยๆ คนที่เป็นหนี้สินอยู่ที่ไม่ใช่คนจนก็ไปจดทะเบียนด้วย มันจะบานปลายไปใหญ่ พี่ไม่เห็นด้วย มองด้วยจิตสำนึกมันปฏิบัติไม่ได้มันได้แค่โชว์ตัวเลขตอนเลือกตั้ง จากนั้นไม่มีผลจริง แต่ทักษิณตอบว่า โธ่... พี่เหนาะ คนตาบอดมันกลัวเสือหรอ ถ้าเราไม่พูดแบบนี้เราจะได้เสียงหรอ เขาพูดอย่างนี้แสดงว่าไม่ได้จริงใจกับนโยบาย ประกาศไปก่อนค่อยหาวิธีการทำการตลาด ทีหลัง ไปเสียงเอาข้างหน้าขอให้ได้คะแนนเสียงไว้ก่อน ไม่สนวิธีปฏิบัติราชการ แม้แต่โครงการ เอสเอ็มแอล ผมก็เตือนว่าเข้าข่ายซื้อเสียง เพราะอยู่ในภาวะเลือกตั้ง ทักษิณตอบว่า "โธ่.อำนาจอยู่ที่เรา กกต.ก็ของเรา" ล่าสุดก่อนการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 มีการกระทำผิดกฎหมาย คือขนคนมาฟังการปราศรัยโดยจ้างมา มันผิดกฎหมายแน่นอน แต่กกต.กลับเฉย

นายเสนาะกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณเคยบอกรัฐมนตรีในรัฐบาลว่า ไม่ต้องคิดอะไรมาก ขอให้ทำตามก็พอ หากรัฐมนตรีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่คิดมารอบคอบ คอยตักเตือนอยู่ไม่ได้เลย คนที่อยู่ได้จะต้องตอบ “เยส” อย่างเดียว เช่น นายพินิจ เคยพูดว่า “ท่านนายกฯ ผมไม่เคยเห็นใครคิดได้ดีเท่านี้เลย” หรือ นายเนวิน ก็มักพูดว่า “ดีนายๆ” ด้วยเหตุนี้รัฐมนตรีบางคนในช่วงเทศกาลเลือกตั้งมักมี บัตรเลือกตั้งที่พิมพ์เกินอยู่เต็มรถ จึงได้รับการฟูมฟักอย่างดี เหนียวแน่น ถูกเรียกใช้งานบ่อยๆ ในช่วงหลัง นายเสนาะกล่าวว่า ยิ่งกว่านั้นยังมีการใช้ระบบธุรกิจครอบครัวมาจัดการผลประโยชน์ในรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ขนคนที่เคยทำงานกับตัวเองในบริษัทแบบยกชุด วางคนของตัวเองไปในทุกกระทรวงโดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างเป็นทางการ แต่ทุกคนในกระทรวงจะรู้ดีว่า คนๆ นี้คือคนของเขา จะทำอะไรก็ต้องผ่านคนคนนี้ เรียกว่ามีสองสามคนไปดูแลผลประโยชน์ทุกกระทรวง เป็นเสมือน หลงจู๊ แล้วยังส่งคนไปยึดตำแหน่งใน กมธ.ชุดต่างๆ ของสภาผู้แทนฯใน ครม.ก็ไม่ต่างกัน ทุกโครงการที่จะมีการอนุมัติ ถ้ารัฐมนตรีคนไหนเสนอเรื่องขอใช้งบกลางที่จัดสรรใว้มหาศาล ก็ต้องไปเคลียกับคนของเขาให้เรียบร้อยก่อน รัฐมนตรีหลายคนจะมีคนของเขาเข้ามาบอกว่าเดี๋ยวทำงบฯ จะเอากี่พันล้านแต่ต้องเข้าพรรค 10% หมายความว่าจะไปทำอะไรขึ้นมาก็ได้ ไปเขียนโครงการมา

นายเสนาะกล่าวว่า รัฐมนตรีคนไหนทำไม่ได้ก็อยู่ไม่ได้ เวลาทำโครงการก็ต้องจ้างที่ปรึกษาที่เป็นคนของตัวเองแล้วใช้วิธีที่เก่งที่สุดคือ ยกเว้นระเบียบพิเศษ ยิ่งใช้วิธีขีดเส้นตายว่าต้องเสร็จวันนั้นวันนี้เหมือนกรณี สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อจะได้ใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ นโยบาย 10% รัฐมนตรีต้องทำโครงการโดยตบแต่งงบประมาณขึ้นมาก่อนว่า มูลค่าโครงการจะครอบคลุม 10% ที่ต้องหักเข้าพรรค จากนั้นไปตกลงกับคนของเขาผ่านคุณหญิงอ้อ เมื่อเรียบร้อยเมือใด ก็ส่งมาให้ตัวตายตัวแทนทางการเมืองที่เขาไว้ใจ พอเข้า ครมฯ นายกฯ จะเสนอโครงการและอนุมัติให้เองเสร็จสรรพ รัฐมนตรีไม่ต้องคิดไม่ต้องสงสัย ทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้ใครเข้าใจว่า 10% มีอยู่เท่าไรแล้ว คงต้องไปถามคุณหญิงอ้อ นายเสนาะกล่าวว่า สิ่งที่สุดทนจริงๆ ก็คือ กรณีผู้ว่าฯ สตง. ที่ถูกแทรงแซงการทำงาน แทรกแซงองค์กรอิสระ และละเมิดพระราชอำนาจ มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่สำคัญ ที่ทำให้ตนลุกขึ้นมาอภิปราย เมื่อ 8 มิ.ย. 2548 การประกาศตัดขาดแตกหักกลางสภาฯ พูดได้ว่า ถ้ามันเอาชีวิตได้มันเอาไปแล้ว มันแค้น แต่ก็ไม่กล้า ตอนหลังคนของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ติดต่อมาหลายครั้ง ตนพูดตรงๆ ไปว่า เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว เมื่อไม่ยอมลดละเองจนเราต้องแตกหักไปสู่สาธารณชนแล้ว สิ่งสำคัญนายกฯ ก็ต้องแก้ข้อกล่าวหาทั้งหมด ให้ได้ และตนยังพูดอีกว่า ถ้าบอกจะกินข้าวกันตอนนี้ มันยังไงละ ให้พี่เป็นผู้เป็นคนดีกว่าอย่าให้พี่เป็นหมาเลย นายเสนาะกล่าวว่า ก่อนที่จะเกิดปัญหาทั้งหมดตนก็พยายามไปเตือน แต่เรื่องที่เตือนก็เป็นการขัดผลประโยชน์เขาทุกเรื่อง เช่นคิดว่ารัฐมนตรีคอรัปชั่น ตนก็ไปเตือนเพราะคิดว่าไม่รู้ที่ไหน ได้มันสั่งเอง ขนาดกลายเป็นว่ารัฐมนตรีคนไหนไม่ทำตามสั่ง ภายหลังก็อยู่ไม่ได้ความขัดแย้งในปัจจุบันมีสาเหตุมาจากตัวปัญหาคนเดียวคือ @พ.ต.ท.ทักษิณฯ คนคนนี้โกงเพื่อเข้ามาสู่อำนาจ เมือมีอำนาจก็โกงอีก อันตรายต่อบ้านเมืองสุดๆ @พ.ต.ท.ทักษิณฯ น่ากลัวเพราะเป็นคนมีวุฒิการศึกษา จ้องวางแผนเอาเปรียบคนอื่น ถือว่าต่ำต้อยเหลือเกินในการเป็นผู้นำประเทศ “ผมจำคำพูดของทักษิณที่เคยบอกว่า พี่เหนาะผมพอแล้วสมบัติส่วนหนึ่งผมให้ลูก อีกส่วนเก็บไว้สำหรับตายาย กินจนตายก็ไม่หมด สมบัติอีกส่วนจะทำเพื่อบ้านเมือง จะใช้หนี้แผ่นดิน” คำพูดนั้นๆ ผมเคยหลงคิดว่าคนคนหนึ่ง รวยแล้วกลับใจ คิดใช้หนี้แผ่นดิน ตอนนี้ผมรู้ความจริงแล้วว่า รวยจากการโกงชาติ กล้าทำแม้เผาบ้านเผาเมือง เพื่อเอาประกัน คนรวยคนนี้รวยแล้วไม่รู้จักพอ ไม่ใช้หนี้แผ่นดินยังไม่พอ มันยังโกงกิน ทรยศต่อแผ่นดิน”

นายเสนาะกล่าว และว่า ตนเคยพูดและเตือนกับคุณหญิงอ้อว่า “น้อง ถ้ามันได้มาอีกแสนล้าน เอาไปทำไม” เขาพากันตอบว่า “ก็รู้ แต่ในเมือเล่นการเมืองมันต้องควักเงิน ก็ต้องถือว่าเป็นธุรกิจ” เคยเตือนหนักๆ ถึงขั้นว่า “ในอนาคต ถ้ามันจะเดือนร้อนหนักๆ คือคนเป็นหัวนะ” เขาก็ตอบอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ ก็รู้ ถ้าพี่ทักษิณจะลง ต้องให้พรรคไทยรักไทยมีอำนาจอย่างน้อยสองสมัยถึงจะปลอดภัย”

สุดท้ายนี้ ชาวนปช.คนใดที่ยังหลงเล่ห์กลระบอบทักษิณ  ก็ขอให้ตาสว่าง ในวันนี้ด้วยเถิด  สาธุ.................
ที่กล่าวถึงคุณทักษิณ ก็เพราะรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ก็คือระบอบทักษิณ นั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่