1/2
พระสารีบุตรเถระจัดเป็นหนึ่งด้านมีปฏิภาณการแก้ปัญหา ให้ผู้ทึ่สนทนาด้วยเข้าใจได้อย่างถูกต้อง
ดังเช่นการโต้ตอบกับพระยมกะ มีเรื่องกล่าวอยู่ในบาลีคัมภีร์สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรคว่า
ครั้งหนึ่ง พระสารีบุตรเถระพักอยู่ที่วัดพระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี ได้มีพระยมกะ
ผู้มีความเห็นเป็นมิจฉาทิฐิ คือเห็นผิด ได้กล่าวว่า พระขีณาสพตายแล้วดับสูญ พระภิกษุทั้งหลาย
พากันไปถามพระยมกะว่า "ท่านเห็นอย่างนี้จริงหรือ" พระยมกะตอบว่า "จริงขอรับ" พระภิกษุเหล่านั้น
จึงพากันพูดห้ามว่า "ท่านอย่ากล่าวอย่างนี้" พระยมกะไม่เชื่อฟัง พระภิกษุเหล่านั้นไม่อาจจะแก้
ความเห็นผิดของพระยมกะได้ จึงพากันไปนิมนต์พระสารีบุตรเถระให้มาช่วยสั่งสอน เพื่อแก้ความเห็นผิด
ของพระยมกะนั้น
พระสารีบุตรเถระจึงมาถามพระยมกะว่า "ท่านเห็นว่าพระขีณาสพตายแล้วดับสูญจริงหรือ"
เมื่อพระยมกะตอบว่า "จริง" ท่านจึงถามต่อไปว่า "รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รวมเรียกว่าขันธ์ ๕ นี้
เที่ยงหรือไม่เที่ยง" พระยมกะตอบว่า "ไม่เที่ยง" ท่านจึงกล่าวว่า "อริยสาวกผู้ได้ฟังคำสอนของพระอริยเจ้า
เมื่อผู้เห็นอย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายในขันธ์ ๕ เมื่อเบื่อหน่ายก็คลาย เมื่อคลายก็หลุดพ้น ครั้นหลุดพ้นก็รู้ว่าหลุดพ้น
รู้ว่าเราไม่ต้องเกิดอีก สำเร็จกิจแห่งพรหมจรรย์ ได้กระทำสิ่งที่ควรกระทำเสร็จแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นที่จะต้องกระทำ
เพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป"
ท่านพระสารีบุตรเถระจึงถามอีกว่า "ท่านยมกะ ท่านเห็นว่า ขันธ์ ๕ นั้นเป็นพระขีณาสพหรือ"
พระยมกะตอบว่า "ไม่ใช่อย่างนั้น ขอรับ"
พระสารึบุตรเถระถามว่า "ท่านเห็นว่า พระขีณาสพมีอยู่ในขันธ์ ๕ หรือ"
พระยมกะตอบว่า "ไม่ใช่อย่างนั้น ขอรับ"
พระสารีบุตรเถระถามว่า "ท่านเห็นว่า พระขีณาสพนอกออกไปจากขันธ์ ๕ หรือ"
พระยมกะตอบว่า "ไม่ใช่ ขอรับ"
พระสารึบุตรเถระถามว่า "ท่านเห็นว่า พระขีณาสพเป็นขันธ์ ๕ หรือ"
พระยมกะตอบว่า "ไม่ใช่ ขอรับ"
พระสารึบุตรเถระถามว่า "ท่านเห็นว่า พระขีณาสพไม่มีขันธ์ ๕ หรือ"
พระยมกะตอบว่า "ไม่ใช่ ขอรับ"
พระสารีบุตรเถระถามขึ้นอีกว่า
"เมื่อท่านหาพระขีณาสพในขันธ์ ๕ ไม่ได้ตามความเป็นจริงอย่างนี้แล้ว
ควรหรือที่ท่านจะกล่าวยืนยันว่า พระขีณาสพตายแล้วดับสูญ"
ท่านพระยมกะกล่าวอธิบายว่า
"แต่ก่อนกระผมไม่รู้เรื่อง จึงได้มีความเห็นผิดเช่นนี้ บัดนี้กระผมได้ฟังท่าน
กล่าวชี้แจงแล้ว จึงละความเห็นผิดนั้นได้ และได้บรรลุธรรมพิเศษด้วย"
พระสารีบุตรเถระแก้มิจฉาทิฐิ "พระขีณาสพตายแล้วสูญ"
พระสารีบุตรเถระจัดเป็นหนึ่งด้านมีปฏิภาณการแก้ปัญหา ให้ผู้ทึ่สนทนาด้วยเข้าใจได้อย่างถูกต้อง
ดังเช่นการโต้ตอบกับพระยมกะ มีเรื่องกล่าวอยู่ในบาลีคัมภีร์สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรคว่า
ครั้งหนึ่ง พระสารีบุตรเถระพักอยู่ที่วัดพระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี ได้มีพระยมกะ
ผู้มีความเห็นเป็นมิจฉาทิฐิ คือเห็นผิด ได้กล่าวว่า พระขีณาสพตายแล้วดับสูญ พระภิกษุทั้งหลาย
พากันไปถามพระยมกะว่า "ท่านเห็นอย่างนี้จริงหรือ" พระยมกะตอบว่า "จริงขอรับ" พระภิกษุเหล่านั้น
จึงพากันพูดห้ามว่า "ท่านอย่ากล่าวอย่างนี้" พระยมกะไม่เชื่อฟัง พระภิกษุเหล่านั้นไม่อาจจะแก้
ความเห็นผิดของพระยมกะได้ จึงพากันไปนิมนต์พระสารีบุตรเถระให้มาช่วยสั่งสอน เพื่อแก้ความเห็นผิด
ของพระยมกะนั้น
พระสารีบุตรเถระจึงมาถามพระยมกะว่า "ท่านเห็นว่าพระขีณาสพตายแล้วดับสูญจริงหรือ"
เมื่อพระยมกะตอบว่า "จริง" ท่านจึงถามต่อไปว่า "รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รวมเรียกว่าขันธ์ ๕ นี้
เที่ยงหรือไม่เที่ยง" พระยมกะตอบว่า "ไม่เที่ยง" ท่านจึงกล่าวว่า "อริยสาวกผู้ได้ฟังคำสอนของพระอริยเจ้า
เมื่อผู้เห็นอย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายในขันธ์ ๕ เมื่อเบื่อหน่ายก็คลาย เมื่อคลายก็หลุดพ้น ครั้นหลุดพ้นก็รู้ว่าหลุดพ้น
รู้ว่าเราไม่ต้องเกิดอีก สำเร็จกิจแห่งพรหมจรรย์ ได้กระทำสิ่งที่ควรกระทำเสร็จแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นที่จะต้องกระทำ
เพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป"
ท่านพระสารีบุตรเถระจึงถามอีกว่า "ท่านยมกะ ท่านเห็นว่า ขันธ์ ๕ นั้นเป็นพระขีณาสพหรือ"
พระยมกะตอบว่า "ไม่ใช่อย่างนั้น ขอรับ"
พระสารึบุตรเถระถามว่า "ท่านเห็นว่า พระขีณาสพมีอยู่ในขันธ์ ๕ หรือ"
พระยมกะตอบว่า "ไม่ใช่อย่างนั้น ขอรับ"
พระสารีบุตรเถระถามว่า "ท่านเห็นว่า พระขีณาสพนอกออกไปจากขันธ์ ๕ หรือ"
พระยมกะตอบว่า "ไม่ใช่ ขอรับ"
พระสารึบุตรเถระถามว่า "ท่านเห็นว่า พระขีณาสพเป็นขันธ์ ๕ หรือ"
พระยมกะตอบว่า "ไม่ใช่ ขอรับ"
พระสารึบุตรเถระถามว่า "ท่านเห็นว่า พระขีณาสพไม่มีขันธ์ ๕ หรือ"
พระยมกะตอบว่า "ไม่ใช่ ขอรับ"
พระสารีบุตรเถระถามขึ้นอีกว่า
"เมื่อท่านหาพระขีณาสพในขันธ์ ๕ ไม่ได้ตามความเป็นจริงอย่างนี้แล้ว
ควรหรือที่ท่านจะกล่าวยืนยันว่า พระขีณาสพตายแล้วดับสูญ"
ท่านพระยมกะกล่าวอธิบายว่า
"แต่ก่อนกระผมไม่รู้เรื่อง จึงได้มีความเห็นผิดเช่นนี้ บัดนี้กระผมได้ฟังท่าน
กล่าวชี้แจงแล้ว จึงละความเห็นผิดนั้นได้ และได้บรรลุธรรมพิเศษด้วย"