ความผิดของพระสุวิทย์ ธีรธัมโม
๑. ปัณณัตติวัชชะ - โทษทางพระวินัย
พุทธอิสระ ต้องอาบัติปาราชิก ในข้อที่ ๒ ลักขโมย โดยอวหารขู่กรรโชก โดยบุกยึดสถานที่ราชการ อันเป็นทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์เป็นที่อยู่ของตนไม่ว่าจะโดยถาวรหรือไม่ แต่ก็ต้องอาบัติทันทีในขณะทำนั้นอยู่แล้ว เมื่อเจ้าของทอดอาลัย โดยการปล่อยให้ยึด โดยนัยนี้ พุทธอิสระได้ขาดจากความเป็นพระ ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นศากยบุตร (อสมโณ โหติ อสักยปุตติโย)
และต้องอาบัติสังฆาทิเสส ในข้อ "ประพฤติประทุษร้ายตระกูล" โดยการประจบคฤหัสถ์ รับเป็นข้าช่วงใช้บุกยึดที่นั่นที่นี่ ตามคำสั่งของนายสุเทพเทือกสุบรรณ อย่างไรก็ตาม เฉพาะข้อนี้ยังต้องอาศัยสงฆ์สวดสมณุภาส เพื่อให้เลิกกระทำการดังกล่าว ๓ ครั้ง แต่เมื่อพุทธอิสระถึงปาราชิกแล้ว ก็ย่อมไม่เป็นภิกษุ อาบัติข้ออื่นก็ไม่มีผลแต่อย่างใด เพราะได้ต้องโทษสูงสุด ขณะนี้พุทธอิสระมีสภาพไม่ใช่ภิกษุ และเป็นเพียงอนุปสัมบัน
๒. ในแง่กฏหมายบ้านเมือง -โลกวัชชะ (โลกวัชชะ แปลว่า มีโทษทางโลก หมายถึงโทษตามกฏหมาย)
พุทธอิสระ - สนับสนุนการก่อกบฏในราชอาณาจักร บุกรุกสถานที่ราชการ กระทำผิดกฏหมายความมั่นคง และอื่นๆ
ข้อเสนอต่อมหาเถรสมาคมและคณะสงฆ์ไทย
ปัญหาตอนนี้ก็คือ ทำไมมหาเถรสมาคมจึงยังปล่อยให้พุทธอิสระกระทำการนอกรีตนอกรอย นอกธรรมวินัยอยู่ได้ ทำไมไม่จัดการซักที
ความจริงแล้ว ถ้าหากมหาเถรสมาคม ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพุทธอิสระ และเห็นว่าการกระทำของพุทธอิสระ ไม่ถูกต้อง และทำให้เกิดการเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา สิ่งที่มหาเถรสมาคมควรกระทำก็คือ
"ประชุมคณะสงฆ์ และตั้งคณะทำงาน เพื่อกระทำปกาสนียกรรมต่อพุทธอิสระ"
การทำปกาสนียกรรม คือการให้ประกาศโดยคณะสงฆ์ว่า ต่อไปนี้ การกระทำของบุคคลดังกล่าว ที่เป็นภิกษุหรือคณะภิกษุ นั้นๆ ให้ถือว่า ไม่เกี่ยวด้วยพระรัตนตรัย หรือไม่เกี่ยวด้วยพระพุทธศาสนา
การทำปกาสนียกรรมดังกล่าวนั้น เป็นพุทธานุญาตที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแนะนำเอาไว้ และให้สงฆ์กระทำ เมื่อคราวพระเทวทัตทูลขอให้พระผู้มีพระภาคเจ้ายกอำนาจปกครองสงฆ์ให้กับตนเอง เมื่อพระผู้มีพระภาคไม่ทรงอนุญาตตามนั้น ก็ผูกอาฆาตในพระศาสดา พระองค์จึงทรงให้พระสงฆ์กระทำปกาสนียกรรมต่อพระเทวทัต เพื่อป้องกันการกระทำของพระเทวทัตในอนาคต ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หากเป็นเรื่องเสียหายและจะมีผลมาถึงคณะสงฆ์หรือพระพุทธศาสนา และอาจทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นการกระทำของคณะสงฆ์ทั้งหมดนั้น แท้จริงเป็นการกระทำของพระเทวทัตเพียงผู้เดียวเท่านั้น (ดูรายละเอียดในพระวินัยปิฎก จุลวรรค ภาค๒ ข้อ ๓๖๒ เป็นต้นไป)
ในที่นี้ ผมจะขอยกตัวอย่างคำประกาศการทำปกาสนียกรรมแก่พุทธอิสระ ไว้เป็นข้อพิจารณาเพื่อเสนอต่อคณะสงฆ์ ดังต่อไปนี้
๑. กรรมวาจาในการประกาศให้สงฆ์ทราบเพื่อทำปกาสนียกรรม (ในที่นี้ ใช้ฉายาของพุทธอิสระว่า คือ ธีรธมฺโม ในกรรมวาจา
ท่านเจ้าข้า ขอพระสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงทำปกาสนียกรรมในกรุงเทพ แก่พระธีรธัมโมว่า ปกติของพระธีรธัมโม เมื่อก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโม ทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโม เอง นี้เป็นญัตติ.
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สงฆ์ทำปกาสนัยกรรมในกรุงเทพ ฯ แก่พระธีรธัมโมว่า ปกติของพระธีรธัมโม แต่ก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโม ทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโมเอง การทำปกาสนียกรรมในกรุงเทพแก่พระธีรธัมโมว่า ปกติของพระธีรธัมโมก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโมทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโมเอง ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด.
ปกาสนียกรรมในกรุงเทพ อันสงฆ์กระทำแล้ว แก่พระธีรธัมโมว่า ปกติของพระธีรธัมโมก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโมทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโมเอง ชอบแก่สงฆ์(เป็นที่เห็นด้วยของสงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ด้วยอย่างนี้. (ตกลงมติไว้อย่างนี้)
๒. กรรมวาจาตั้งพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งผู้ที่สงฆ์ในที่ประชุมเลือกแล้ว ให้เป็นผู้ประกาศแก่พุทธศาสนิกชน (โดยวิธีการออกหนังสือ ออกอากาศทางโทรทัศน์ ออกประกาศผ่านหนังสือพิมพ์ เป็นต้น) กรณีนี้สมมติว่าพระภิกษุที่ได้รับเลือก ชื่อ ภิกษุ ก.
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงสมมติท่านภิกษุ ก.เพื่อประกาศพระธีรธัมโมในกรุงเทพว่า ปกติของพระธีรธัมโม ก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโมทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่า พระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัว พระธีรธัมโมเอง นี้เป็นญัตติ
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สงฆ์สมมติท่านภิกษุ ก.เพื่อประกาศพระธีรธัมโมในกรุงเทพว่า ปกติของพระธีรธัมโม ก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโมทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโมเอง การสมมติท่านพระภิกษุ ก. เพื่อประกาศพระธีรธัมโมในกรุงเทพว่า ปกติของพระธีรธัมโมก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโมทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโมเอง ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด
ท่านภิกษุ ก.อันสงฆ์สมมติแล้ว เพื่อประกาศพระธีรธัมโมในกรุงเทพว่า ปกติของพระธีรธัมโม ก่อนเป็นอย่างหนึ่งเดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโมทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโมเอง ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ ด้วยอย่างนี้.
---------------
ข้อควรทราบเพิ่มเติม
ผมได้เห็นบางกระทู้ในห้องศาสนา ได้ยกเรื่องพุทธอิสระปรารถนาพุทธภูมิ ต้องการช่วยสัตว์โลกอะไรต่างๆ และก็ยกพระเถระในอดีตมาเปรียบเทียบเรื่องเกี่ยวข้องกับบ้านเมือง (ดังกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/31577702 ) เห็นว่าเป็นข้อคิดเห็นที่มีปัญหาอย่างมาก จึงขอแย้งดังต่อไปนี้
๑. พระเถระในอดีตทีมาเกี่ยวข้องกับเรื่องบ้านเมือง ไม่เคยมีองค์ไหนเป็นแกนนำนำไปยึดสถานที่ราชการ ยึดหน่วยเลือกตั้งเขตเลือกตั้ง บีบบังคับขู่กรรโชกอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้
๒. ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิได้สำเร็จ ต้องมีธรรมสโมธาน ๘ ซึ่งที่สำคัญก็คือ หากเป็นพระนิยตโพธิสัตว์ จะต้องได้รับพุทธพยากรณ์ จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง โดยที่ผู้นั้น จะต้องเป็นนักบวชหรือบรรพชิตที่เชื่อกรรม และต้องสำเร็จอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ หากไม่ใช่ลักษณะดังกล่าวนี้ ก็ไม่ชื่อว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้ ดังนั้นแนวทางการปฏิบัติและการบำเพ็ญบารมีย่อมจะผิดพลาดไปได้ บางทีอาจเป็นมิจฉาทิฏฐิ
๓. อย่างไรก็ตาม ไม่เคยปรากฏแต่อย่างใดว่าพระภิกษุผู้ปรารถนาพุทธภูมิ จะมีรูปใดที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัยถึงปาราชิกเช่นพระสุวิทย์ ธีรธัมโมเช่นนี้
๔. บางกระทู้ เมื่อมีกรณีพุทธอิสระ มักมีคนยกเรื่องพระภิกษุที่เคยร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง แล้วแสดงอากัปกิริยาไม่เหมาะสมแก่สมณเพศโดยประการต่างๆ เพื่อมาดีเฟนท์พุทธอิสระ ข้อนี้น่าสนใจอยู่ว่าการกระทำของพระภิกษุที่เคยร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงนั้น ย่อมเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะควรแก่สมณเพศทั้งสิ้น แต่การที่อ้างความประพฤติไม่ดีอย่างหนึ่ง เพื่อมาดีเฟนท์ความประพฤติชั่วอีกอย่างหนึ่ง ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องแน่ๆ ดังนั้น ผู้ใดประพฤติชั่ว ไม่ว่าฝั่งไหนก็ควรประณามทั้งสิ้น ไม่ว่าฝั่งเดียวกันหรือคนละฝั่งก็ตาม
ขอเรียกร้องให้คณะสงฆ์ไทย มหาเถรสมาคม กระทำ "ปกาสนียกรรม" ต่อพระสุวิทย์ ธีรธัมโม / พุทธอิสระ
๑. ปัณณัตติวัชชะ - โทษทางพระวินัย
พุทธอิสระ ต้องอาบัติปาราชิก ในข้อที่ ๒ ลักขโมย โดยอวหารขู่กรรโชก โดยบุกยึดสถานที่ราชการ อันเป็นทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์เป็นที่อยู่ของตนไม่ว่าจะโดยถาวรหรือไม่ แต่ก็ต้องอาบัติทันทีในขณะทำนั้นอยู่แล้ว เมื่อเจ้าของทอดอาลัย โดยการปล่อยให้ยึด โดยนัยนี้ พุทธอิสระได้ขาดจากความเป็นพระ ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นศากยบุตร (อสมโณ โหติ อสักยปุตติโย)
และต้องอาบัติสังฆาทิเสส ในข้อ "ประพฤติประทุษร้ายตระกูล" โดยการประจบคฤหัสถ์ รับเป็นข้าช่วงใช้บุกยึดที่นั่นที่นี่ ตามคำสั่งของนายสุเทพเทือกสุบรรณ อย่างไรก็ตาม เฉพาะข้อนี้ยังต้องอาศัยสงฆ์สวดสมณุภาส เพื่อให้เลิกกระทำการดังกล่าว ๓ ครั้ง แต่เมื่อพุทธอิสระถึงปาราชิกแล้ว ก็ย่อมไม่เป็นภิกษุ อาบัติข้ออื่นก็ไม่มีผลแต่อย่างใด เพราะได้ต้องโทษสูงสุด ขณะนี้พุทธอิสระมีสภาพไม่ใช่ภิกษุ และเป็นเพียงอนุปสัมบัน
๒. ในแง่กฏหมายบ้านเมือง -โลกวัชชะ (โลกวัชชะ แปลว่า มีโทษทางโลก หมายถึงโทษตามกฏหมาย)
พุทธอิสระ - สนับสนุนการก่อกบฏในราชอาณาจักร บุกรุกสถานที่ราชการ กระทำผิดกฏหมายความมั่นคง และอื่นๆ
ข้อเสนอต่อมหาเถรสมาคมและคณะสงฆ์ไทย
ปัญหาตอนนี้ก็คือ ทำไมมหาเถรสมาคมจึงยังปล่อยให้พุทธอิสระกระทำการนอกรีตนอกรอย นอกธรรมวินัยอยู่ได้ ทำไมไม่จัดการซักที
ความจริงแล้ว ถ้าหากมหาเถรสมาคม ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพุทธอิสระ และเห็นว่าการกระทำของพุทธอิสระ ไม่ถูกต้อง และทำให้เกิดการเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา สิ่งที่มหาเถรสมาคมควรกระทำก็คือ
"ประชุมคณะสงฆ์ และตั้งคณะทำงาน เพื่อกระทำปกาสนียกรรมต่อพุทธอิสระ"
การทำปกาสนียกรรม คือการให้ประกาศโดยคณะสงฆ์ว่า ต่อไปนี้ การกระทำของบุคคลดังกล่าว ที่เป็นภิกษุหรือคณะภิกษุ นั้นๆ ให้ถือว่า ไม่เกี่ยวด้วยพระรัตนตรัย หรือไม่เกี่ยวด้วยพระพุทธศาสนา
การทำปกาสนียกรรมดังกล่าวนั้น เป็นพุทธานุญาตที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแนะนำเอาไว้ และให้สงฆ์กระทำ เมื่อคราวพระเทวทัตทูลขอให้พระผู้มีพระภาคเจ้ายกอำนาจปกครองสงฆ์ให้กับตนเอง เมื่อพระผู้มีพระภาคไม่ทรงอนุญาตตามนั้น ก็ผูกอาฆาตในพระศาสดา พระองค์จึงทรงให้พระสงฆ์กระทำปกาสนียกรรมต่อพระเทวทัต เพื่อป้องกันการกระทำของพระเทวทัตในอนาคต ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หากเป็นเรื่องเสียหายและจะมีผลมาถึงคณะสงฆ์หรือพระพุทธศาสนา และอาจทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นการกระทำของคณะสงฆ์ทั้งหมดนั้น แท้จริงเป็นการกระทำของพระเทวทัตเพียงผู้เดียวเท่านั้น (ดูรายละเอียดในพระวินัยปิฎก จุลวรรค ภาค๒ ข้อ ๓๖๒ เป็นต้นไป)
ในที่นี้ ผมจะขอยกตัวอย่างคำประกาศการทำปกาสนียกรรมแก่พุทธอิสระ ไว้เป็นข้อพิจารณาเพื่อเสนอต่อคณะสงฆ์ ดังต่อไปนี้
๑. กรรมวาจาในการประกาศให้สงฆ์ทราบเพื่อทำปกาสนียกรรม (ในที่นี้ ใช้ฉายาของพุทธอิสระว่า คือ ธีรธมฺโม ในกรรมวาจา
ท่านเจ้าข้า ขอพระสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงทำปกาสนียกรรมในกรุงเทพ แก่พระธีรธัมโมว่า ปกติของพระธีรธัมโม เมื่อก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโม ทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโม เอง นี้เป็นญัตติ.
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สงฆ์ทำปกาสนัยกรรมในกรุงเทพ ฯ แก่พระธีรธัมโมว่า ปกติของพระธีรธัมโม แต่ก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโม ทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโมเอง การทำปกาสนียกรรมในกรุงเทพแก่พระธีรธัมโมว่า ปกติของพระธีรธัมโมก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโมทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโมเอง ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด.
ปกาสนียกรรมในกรุงเทพ อันสงฆ์กระทำแล้ว แก่พระธีรธัมโมว่า ปกติของพระธีรธัมโมก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโมทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโมเอง ชอบแก่สงฆ์(เป็นที่เห็นด้วยของสงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ด้วยอย่างนี้. (ตกลงมติไว้อย่างนี้)
๒. กรรมวาจาตั้งพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งผู้ที่สงฆ์ในที่ประชุมเลือกแล้ว ให้เป็นผู้ประกาศแก่พุทธศาสนิกชน (โดยวิธีการออกหนังสือ ออกอากาศทางโทรทัศน์ ออกประกาศผ่านหนังสือพิมพ์ เป็นต้น) กรณีนี้สมมติว่าพระภิกษุที่ได้รับเลือก ชื่อ ภิกษุ ก.
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงสมมติท่านภิกษุ ก.เพื่อประกาศพระธีรธัมโมในกรุงเทพว่า ปกติของพระธีรธัมโม ก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโมทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่า พระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัว พระธีรธัมโมเอง นี้เป็นญัตติ
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สงฆ์สมมติท่านภิกษุ ก.เพื่อประกาศพระธีรธัมโมในกรุงเทพว่า ปกติของพระธีรธัมโม ก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโมทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโมเอง การสมมติท่านพระภิกษุ ก. เพื่อประกาศพระธีรธัมโมในกรุงเทพว่า ปกติของพระธีรธัมโมก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโมทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโมเอง ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด
ท่านภิกษุ ก.อันสงฆ์สมมติแล้ว เพื่อประกาศพระธีรธัมโมในกรุงเทพว่า ปกติของพระธีรธัมโม ก่อนเป็นอย่างหนึ่งเดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระธีรธัมโมทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระธีรธัมโมเอง ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ ด้วยอย่างนี้.
---------------
ข้อควรทราบเพิ่มเติม
ผมได้เห็นบางกระทู้ในห้องศาสนา ได้ยกเรื่องพุทธอิสระปรารถนาพุทธภูมิ ต้องการช่วยสัตว์โลกอะไรต่างๆ และก็ยกพระเถระในอดีตมาเปรียบเทียบเรื่องเกี่ยวข้องกับบ้านเมือง (ดังกระทู้นี้ http://pantip.com/topic/31577702 ) เห็นว่าเป็นข้อคิดเห็นที่มีปัญหาอย่างมาก จึงขอแย้งดังต่อไปนี้
๑. พระเถระในอดีตทีมาเกี่ยวข้องกับเรื่องบ้านเมือง ไม่เคยมีองค์ไหนเป็นแกนนำนำไปยึดสถานที่ราชการ ยึดหน่วยเลือกตั้งเขตเลือกตั้ง บีบบังคับขู่กรรโชกอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้
๒. ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิได้สำเร็จ ต้องมีธรรมสโมธาน ๘ ซึ่งที่สำคัญก็คือ หากเป็นพระนิยตโพธิสัตว์ จะต้องได้รับพุทธพยากรณ์ จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง โดยที่ผู้นั้น จะต้องเป็นนักบวชหรือบรรพชิตที่เชื่อกรรม และต้องสำเร็จอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ หากไม่ใช่ลักษณะดังกล่าวนี้ ก็ไม่ชื่อว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้ ดังนั้นแนวทางการปฏิบัติและการบำเพ็ญบารมีย่อมจะผิดพลาดไปได้ บางทีอาจเป็นมิจฉาทิฏฐิ
๓. อย่างไรก็ตาม ไม่เคยปรากฏแต่อย่างใดว่าพระภิกษุผู้ปรารถนาพุทธภูมิ จะมีรูปใดที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัยถึงปาราชิกเช่นพระสุวิทย์ ธีรธัมโมเช่นนี้
๔. บางกระทู้ เมื่อมีกรณีพุทธอิสระ มักมีคนยกเรื่องพระภิกษุที่เคยร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง แล้วแสดงอากัปกิริยาไม่เหมาะสมแก่สมณเพศโดยประการต่างๆ เพื่อมาดีเฟนท์พุทธอิสระ ข้อนี้น่าสนใจอยู่ว่าการกระทำของพระภิกษุที่เคยร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงนั้น ย่อมเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะควรแก่สมณเพศทั้งสิ้น แต่การที่อ้างความประพฤติไม่ดีอย่างหนึ่ง เพื่อมาดีเฟนท์ความประพฤติชั่วอีกอย่างหนึ่ง ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องแน่ๆ ดังนั้น ผู้ใดประพฤติชั่ว ไม่ว่าฝั่งไหนก็ควรประณามทั้งสิ้น ไม่ว่าฝั่งเดียวกันหรือคนละฝั่งก็ตาม