ปีนี้ตั้งใจจะอ่านหนังสือให้มากขึ้น ขยายโลกทัศน์ (นอกจากหนังสือกำลังภายใน อาทิเช่น เหยี่ยวมาร กับ ยอดพยัคฆ์พิทักษ์ราชวงศ์ถัง)
อาทิตย์ที่ผ่านมาเลยจบไปสี่เล่ม (เหยี่ยวมาร 15, ยอดพยัคฆ์ 6, น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ 20, มหาสมุทรที่สุดปลายถนน")
โดยสองเล่มหลังนี่ดูเหมือนไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่ แต่ผมก็ได้อะไรจากมันนะ
เล่มแรกเนี่ย ใครคิดจะทำธุรกิจเป็นผู้ประกอบการเนี่ยต้องอ่านเลย เพราะมันช่วยให้เราออกจากกะลาจริงๆ สะดุดใจตั้งแต่บทแรก (เหมือนอ่านหวงอี้แล้วเจอเคล็ดวิชาปลูกจิตธรรมเพาะสร้างมาร

) "ที่ว่าหากคุณได้รับโจทย์จากอาจารย์ว่า มีเงินในซอง 5 ดอลลาร์ และมีเวลาวางแผนล่วงหน้า 3 วัน แต่จะมีเวลาหลังจากเปิดซองเงินนี้แล้วแค่ 2 ชั่วโมงในการทำเงินให้มากที่สุด คุณจะทำอย่างไร อ้อ มีเวลา present ให้ 3 นาที วันจันทร์หน้า" แว่บแรกคือ มันจะทำอะไรหว่า ซื้อหวย เล่นพนัน ขายน้ำผลไม้.... หึๆ เด็ก Standford หลายคนก็คิดอย่างนี้เหมือนกันนะ แต่อีกหลายทีมก็คิดออกมาจนผมทึ่ง เฮ้ย มันคิดได้ไงวะเนี่ย แถมได้เงินตั้ง 650 dollars (สองหมื่นกว่าบาท!!)
อยากรู้ทำไงไปลองพลิกๆเปิดเอาเองละกัน เดี๋ยวหาว่า spoil แต่ผมยอมรับว่ามันเจ๋งอ่ะ...
เล่มสองคือ มหาสมุทรที่สุดปลายถนน อันนี้ชื่อน่าสนใจ น่าปกแปลกๆ เพราะคิดว่าเป็นหนังสือแนวเด็กๆ เช่นพวก Harry Potter หรือ Persy Jackson อะไรประมาณนี้ แต่พออ่านไม่ใช่นี่หว่า มันเป็นหนังสือผู้ใหญ่เลยล่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความทรงจำ มีปรัชญาชีวิตซ่อนอยู่เล็กๆ ตามหน้ากระดาษไปทั่ว (ผมว่ามันคล้ายๆนาร์เนียนะ คือดำเนินเรื่องแบบเด็กๆเจอเรื่องอัศจรรย์ แต่ใช้ตัวเนื้อเรื่องหรือสถานการณ์บอกใบ้สิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อออกมาให้เรารู้)
อ่านจบผมยังงง ว่า มันหมายถึงอะไร มันมีอะไรที่ซ่อนอยู่อีกมั้ย ทำไมตรงนั้นเป็นอย่างนี้ ทำไมไม่เป็นอย่างนั้น ไปถามเพื่อนที่อ่านว่าคิดยังไงก็ไม่ตรงกับสักคน (สงสัยที่มันได้รางวัลหนังสือดีเด่นของอังกฤษ เพราะความงงล่ะมั้งเนี่ย ไม่รู้ว่างงนี่เทียบได้กับลึกซึ้งหรือเปล่า
แต่ทั้งสองเรื่องที่อ่านก็ได้แง่คิดสองมิติ เล่มแรก คือความใส่ใจกับโอกาส (ปัญหามีชื่อจริงว่าปัญหา ชื่อเล่นว่า โอกาส) ที่อยู่รอบตัวเรา เราต้องช่างสังเกตและรู้จักเชื่อมโยง ส่วนเล่มที่สองคือควรใส่ใจกับ ตัวตนภายใจของเรา บ่อยครั้งเราลืมไปว่า อุปสรรคที่กั้นเราไว้ หรือ แรงผลักดันที่มีพลังมากที่สุด ก็มาจากภายใจตัวเราทั้งสิ้น บางทีปัญหาที่เราเจอ อาจจะมาจาก ปัญหาภายในใจเรา (ปมที่แก้ยังไม่ตก ไม่ให้อภัย...) ทำให้มุมมองที่เรามีต่อโลกรอบตัวมันเพี้ยนไปหมดก็เป็นได้
ใครคิดยังไง หรือได้อะไรก็มา Share ให้กันและกันฟังได้ครับ (โดยเฉพาะเล่มสอง ผมอยากรู้สุดๆ ว่ามันเป็นความฝันไปเอง หรือ เป็นเรื่องจริง ออกแนวๆหนังเรื่อง inception ที่ Leonardo เล่นเลยอ่ะ)
ขอบคุณที่อ่าน
หนอนหนังสือแว่นแล่นลิ่วล่องลอยบนปอยฟองคลื่น
Share Idea: ความผูกพันอันลงตัว ระหว่าง "น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ 20" กับ "มหาสมุทรที่สุดปลายถนน"
ปีนี้ตั้งใจจะอ่านหนังสือให้มากขึ้น ขยายโลกทัศน์ (นอกจากหนังสือกำลังภายใน อาทิเช่น เหยี่ยวมาร กับ ยอดพยัคฆ์พิทักษ์ราชวงศ์ถัง)
อาทิตย์ที่ผ่านมาเลยจบไปสี่เล่ม (เหยี่ยวมาร 15, ยอดพยัคฆ์ 6, น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ 20, มหาสมุทรที่สุดปลายถนน")
โดยสองเล่มหลังนี่ดูเหมือนไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่ แต่ผมก็ได้อะไรจากมันนะ
เล่มแรกเนี่ย ใครคิดจะทำธุรกิจเป็นผู้ประกอบการเนี่ยต้องอ่านเลย เพราะมันช่วยให้เราออกจากกะลาจริงๆ สะดุดใจตั้งแต่บทแรก (เหมือนอ่านหวงอี้แล้วเจอเคล็ดวิชาปลูกจิตธรรมเพาะสร้างมาร
อยากรู้ทำไงไปลองพลิกๆเปิดเอาเองละกัน เดี๋ยวหาว่า spoil แต่ผมยอมรับว่ามันเจ๋งอ่ะ...
เล่มสองคือ มหาสมุทรที่สุดปลายถนน อันนี้ชื่อน่าสนใจ น่าปกแปลกๆ เพราะคิดว่าเป็นหนังสือแนวเด็กๆ เช่นพวก Harry Potter หรือ Persy Jackson อะไรประมาณนี้ แต่พออ่านไม่ใช่นี่หว่า มันเป็นหนังสือผู้ใหญ่เลยล่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความทรงจำ มีปรัชญาชีวิตซ่อนอยู่เล็กๆ ตามหน้ากระดาษไปทั่ว (ผมว่ามันคล้ายๆนาร์เนียนะ คือดำเนินเรื่องแบบเด็กๆเจอเรื่องอัศจรรย์ แต่ใช้ตัวเนื้อเรื่องหรือสถานการณ์บอกใบ้สิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อออกมาให้เรารู้)
อ่านจบผมยังงง ว่า มันหมายถึงอะไร มันมีอะไรที่ซ่อนอยู่อีกมั้ย ทำไมตรงนั้นเป็นอย่างนี้ ทำไมไม่เป็นอย่างนั้น ไปถามเพื่อนที่อ่านว่าคิดยังไงก็ไม่ตรงกับสักคน (สงสัยที่มันได้รางวัลหนังสือดีเด่นของอังกฤษ เพราะความงงล่ะมั้งเนี่ย ไม่รู้ว่างงนี่เทียบได้กับลึกซึ้งหรือเปล่า
แต่ทั้งสองเรื่องที่อ่านก็ได้แง่คิดสองมิติ เล่มแรก คือความใส่ใจกับโอกาส (ปัญหามีชื่อจริงว่าปัญหา ชื่อเล่นว่า โอกาส) ที่อยู่รอบตัวเรา เราต้องช่างสังเกตและรู้จักเชื่อมโยง ส่วนเล่มที่สองคือควรใส่ใจกับ ตัวตนภายใจของเรา บ่อยครั้งเราลืมไปว่า อุปสรรคที่กั้นเราไว้ หรือ แรงผลักดันที่มีพลังมากที่สุด ก็มาจากภายใจตัวเราทั้งสิ้น บางทีปัญหาที่เราเจอ อาจจะมาจาก ปัญหาภายในใจเรา (ปมที่แก้ยังไม่ตก ไม่ให้อภัย...) ทำให้มุมมองที่เรามีต่อโลกรอบตัวมันเพี้ยนไปหมดก็เป็นได้
ใครคิดยังไง หรือได้อะไรก็มา Share ให้กันและกันฟังได้ครับ (โดยเฉพาะเล่มสอง ผมอยากรู้สุดๆ ว่ามันเป็นความฝันไปเอง หรือ เป็นเรื่องจริง ออกแนวๆหนังเรื่อง inception ที่ Leonardo เล่นเลยอ่ะ)
ขอบคุณที่อ่าน
หนอนหนังสือแว่นแล่นลิ่วล่องลอยบนปอยฟองคลื่น