มีประสบการณ์ครั้งแรกมานำเสนอเพื่อนสมาชิกครับ
ผมเพิ่งปั่นได้ไม่นานนัก เป็นการปั่นกับครอบครัว และเพื่อนพี่น้อง ไม่ได้คิดจะไปแข่งขันที่ไหน เหตุเพราะต้องการออกกำลังกายเท่านั้น ผมวิ่งไม่ได้ เจ็บเข่า (วิ่งได้เหมือนกัน แต่มันจะปวดเข่าตามมา ไม่มากก็น้อย)
เพื่อนผม ที่ปั่นอยู่ก่อนแล้ว เป็นคนชวนเข้าวงการจักรยาน (อีกครั้ง) เสนอให้ผมไปหาทริปปั่นตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อหาประสบการณ์ในวงการจักรยานให้มากขึ้น ผมจึงเข้าเวบไซต์ที่เป็นสังคมจักรยานชื่อดังแห่งหนึ่ง คือ thaimtb.com ห้องชวนปั่น
เลือกดูจังหวัดที่มีทริปปั่นใกล้ ๆ จังหวัดสิงห์บุรี อยุธยา ละแวกไม่เกิน 300 กม. นี่ ผมไปได้หมด ยกเว้นทริปทางฝั่งกรุงเทพฯ เพราะผมกลัวรถมาก เดี๋ยวคนบ้านนอกจะเข้าไปทำอะไรเปิ่น ๆ เข้า
ทริปแรกที่ผมเลือกคือ ปั่นเสือเที่ยวทุ่งตากฟ้า อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ครับ ห่างสิงห์บุรีบ้านผมไป 70 กิโลเมตรเท่านั้น งานจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2557 ที่ผ่านมานี่เอง
ผมลงทะเบียนในกระทู้ชวนปั่นนั้น มีสมาชิกร่วมอุดมการณ์ห้าคน ชื่อทีมของเราคือทีม ครูบ้านนอก เนื่องจากทุกคนเป็นครูภูธรทั้งหมด
เรามารวมตัวกันที่บ้านผม สิงห์บุรี เพื่อเตรียมตัวเดินทาง เราออกเดินทางประมาณบ่ายสองโมง ด้วยรถเก๋งสองคัน คน 4 คน จักรยาน 4 คัน ส่วนเพื่อนอีกคน ขับรถมาทางลพบุรี ไปสมทบกันที่งาน เราตั้งใจไปค้างก่อน 1 คืน คือกะจะไปเที่ยวด้วยแหละ
ขับรถเพลิน ๆ ชิว ๆ กินโน่นกินนี่ไปเรื่อยตามประสา อิอิ
ผมควบรถปุเลง ๆ ไปถึงตากฟ้า ก็ประมาณสี่โมงเย็นพอดี มีคนกำลังเตรียมงานกันอยู่สองสามคน เขาจัดให้เราเข้าไปพักในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในรั้วของเทศบาลตากฟ้า เราก็กางเต๊นท์กันบนนั้นเลย อากาศกำลังหนาวเลยทีเดียว อุณหภูมิน่าจะอยู่ราว ๆ 17 องศาเซลเซียส โชคดีมากที่ตอนกลางคืน เขามีงานของดีตากฟ้าพอดี มีการแข่งตะกร้อในตลาดใกล้ ๆ ที่เราพัก มีร้านขายอาหาร ขนมเพียบ อิ่มแปล้ไป
ตอนเช้าแต่ละคนตื่นมาประมาณตีสี่ (ตื่นเต้น) เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมรถ ตลอดทั้งคืน ผมนอนฟังเสียงรถเข้าออกเทศบาลอยู่ตลอด เพื่อนนักปั่นจากต่างถิ่นเริ่มทยอยกันมาเข้าพื้นที่แล้ว
ตีห้า บริเวณนั้นคึกครื้นไปในทันที นักปั่นทั่วสารทิศเข้ามากันจำนวนมาก หลายคนเซ็ตรถ หลายคนซุกตัวในเสื้อกันหนาว หลายคนผิงไฟ หลายคนเดินมาทักทายผม แนะนำตัวเองกันสนุกสนาน สังคมจักรยานมันมีแต่เพื่อนแบบนี้นี่เอง ขนาดไม่รู้จักกันมาก่อนเลยนะ
หกโมงเช้า เพลงลูกทุ่งถูกเปิดดังกระหึ่มบริเวณ เสียงพิธีกรประกาศเป็นระยะ ๆ ให้พวกเราไปลงทะเบียน พร้อมกับรับเสื้อฟรี (ชอบ) ผมลงแข่งขันเสือหมอบรุ่น A 45 กม. ส่วนเพื่อน ๆ ในทีมอีก 4 คนที่เหลือ ลงรุ่น C ปั่นกินลมชมทุ่ง 25 กม. ตอนแรกผมก็กะจะลงรุ่น 25 กิโลนี่แหละ แต่เจ้าเพื่อนตัวดีนักปั่นทีมดังจากกรุงเทพฯ โทรมากำชับนักหนาว่า ลงรุ่น 45 กม. นะว้อย ห้ามลงรุ่นอื่น หัดแข่งขันบ้าง แกต้องกระหายในชัยชนะ (แต่มันลืมไปว่า ตรูอายุ 37 แล้วนะว้อย จะไปแข่งกับเด็กวัยรุ่นได้ไง)
เจ็ดโมงเช้า พิธีกรเริ่มประกาศให้เราไปรับประทานอาหาร งานนี้ อบจ.นครสวรรค์กับเทศบาลตากฟ้าจัดหนักจริง ๆ มีอาหารเลี้ยงไม่อั้น ข้าวต้มเครื่องร้อน ๆ กับน้ำเต้าหู้อร่อย ๆ เคล้ากับอากาศที่กำลังเย็น (ค่อนไปทางหนาว) ทำให้บรรยากาศงานนี้ดูสนุกขึ้นมาก โดยเฉพาะกับมือใหม่อย่างผม
ลงทะเบียนเสร็จแล้ว ได้เบอร์ 13 ครับ แหม่ มีอาถรรพ์ไหมเนี๊ยะ
จากนั้นพิธีกรก็ทำพิธีเปิดงานกันครับ ผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอกครับ แบบว่า คนมันแน่นเลย ทั้งรถทั้งคน
จากนั้น พิธีกรก็ปล่อยตัวครับ งานนี้ ผมไม่รู้เรื่องอะไรกับเขา เขาบอกให้เสือหมอบไปอยู่ข้างหน้า แต่มันไปไม่ได้อ่ะ เพราะผมอยู่ข้างหลังสุดที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเสือภูเขาสารพัดยี่ห้อ ผมจะไปข้างหน้าได้ยังไงกันล่ะเนี๊ยะ
แป๊บเดียว เสือหมอบกลุ่มใหญ่วิ่งผ่านถนนหน้าเทศบาลไป ในขณะที่ผมทำอะไรไม่ถูก เอาละวะ ผมปั่นออกประตูข้างเทศบาลอีกแห่งหนึ่งข้ามถนนแล้วรีบปั่นไปสมทบกับพวกเขาในทันที แต่มันก็ช้าเกินไป พวกเขานำหน้าผมไปเป็นกิโลแล้วล่ะครับ
ไม่เป็นไร ผมปั่นไปเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วประมาณ 25 กม./ชม. (ควักโทรศัพท์ออกมาดู Endomondo) ผมไปเท่านี้ก่อนล่ะกัน เดี๋ยวผมเหนื่อยหมดแรงไปต่อไม่ไหว สักพักผมก็เริ่มตามรถบางคันทัน บางคันความเร็วเริ่มลดลง ผมเริ่มแซงชาวบ้านได้บ้างแล้วแหละ
ผ่าน 17 กม.แรกไป ผมยังไม่ได้พัก ได้แต่หยิบขวดน้ำมาดื่มเป็นครั้งคราวเท่านั้น ผมไม่เคยปั่นติดต่อกันขนาดนี้มาก่อน ที่ปั่นอยุ่ทุกวันนี่ก็พักทุก ๆ ห้ากิโลอยู่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมยังไม่ได้ลงจากหลังอาน ลมพัดมาแรงมาก ๆ และไม่มีท่าทีว่าจะหยุด มีนักปั่นหลายคนปั่นตามหลังผมชนิดเกือบจะล้อชนกันอยู่แล้ว แบบนี้กระมังที่เขาเรียกว่าหัวลาก อิอิ
แต่พอผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่ง ขบวนที่ต่อหลังผมอยู่ดี ๆ นั้นก็หักออกขวา แซงผมไปแบบชนิดที่ว่าได้แต่มองตาม ทำไมพวกเขาขาแรงแบบนี้นะ
ไม่ตกใจอะไรเท่า เมื่อมีขบวนเสือภูเขา ซึ่งปล่อยตัวช้ากว่าผมถึง 10 นาที ค่อย ๆ ทยอยปั่นตามมา และแซงเสือหมอบอย่างผมชนิดที่ว่าผมสิ้นลายเลยทีเดียว
เส้นทางที่ใช้ปั่นยาว 45 กม. วิวสวยมาก ๆ น่าเสียดายที่ มาจัดงานกันผิดเวลาไปนิด ทำให้ทุ่งทานตะวัน ไม่เหลือให้เราดูแล้ว คอตกกันหมดเลย
และแล้ว ผมก็ปั่นจนจบครับ ไม่ได้เข้าอันดับสุดท้าย แต่ไม่ทราบว่าเข้าอันดับที่เท่าไหร่ เนื่องจากไม่มีกรรมการคอยดูไว้ ผมใช้เวลาในการปั่นระยะทาง 45 กม. ไป 1 ชั่วโมงกับ 59 นาที และเป็นการปั่นครั้งแรกในชีวิตที่ผมไม่ได้ลงจากหลังอานเลย ปั่นแบบต่อเนื่องจริง ๆ ผมหมดน้ำไป 1 ขวด สปอนเซอร์อีก 1 ขวด
สรุป
เป็นทริปที่สนุกมากครับ ถึงเป็นการจัดครั้งแรก ครั้งต่อไป ยังไงผมก็จะไปร่วมงานนี้อีก
ขอสรุปส่วนดีของงานนี้นะครับ
1. จัดงานได้ดีมาก สถานที่เหมาะสม
2. การดูแลผู้เข้าร่วมงาน ทำได้ดีมาก
3. เจ้าหน้าที่ดูแลเส้นทาง มีเพียงพอ ปลอดภัย
4. มีรถปิดท้ายคอยเก็บคนบาดเจ็บหรือไปไม่ไหว
5. อาหารอร่อยมาก เพียงพอต่อผู้เข้าร่วมกิจกรรม
6. เส้นทางสวยมากครับ เหมาะที่จะปั่นจักรยานจริง ๆ
ส่วนที่ผมคิดว่าต้องปรับปรุง
1. ป้ายประชาสัมพันธ์งานครับ ผมหาเจอแค่ป้ายเดียว และไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ต้องวนรถหลายรอบ ถามชาวบ้านสองครั้งกว่าจะไปถึงงานได้
2. ผู้จัดงาน หรือ อบจ. หรือ เทศบาลฯ ควรประสานงานกับหน่วยงานท่องเที่ยว หรือชาวบ้านในเขตนั้นที่ปลูกทานตะวัน ให้ผู้จัดงานสามารถคำนวณเวลาดอกทานตะวันบาน มันจะสวยงามมาก และเป็นจุดขายในการท่องเที่ยวที่นี่ อย่าว่าแต่จัดงานปั่นจักรยานเลย จัดเป็นเทศกาลปั่นจักรยานท่องเที่ยวยาวติดต่อกันเป็นสิบวันยังได้เลยครับ ศักยภาพของที่นี่มีพอ ผมเชื่อ
3. การเรียกรวมตัว และการปล่อยตัว อยากให้ชัดเจนขึ้นครับ เพราะบางท่านก็หาไม่เจอว่าจะไปเริ่มตรงไหน ทำให้สับสนไปบ้าง
แต่โดยรวม ผมให้คะแนนงานนี้ 90 เต็ม 100 ครับ
เป็นกำลังใจให้ผู้จัดงานทุกท่านครับ ขอบคุณจริง ๆ
ชมบรรยากาศของงานได้จากกระทู้นี้ต่อนะครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=55&t=888303
ตอนนี้ผมได้แนวทางการปั่นของทีมแล้วครับ เราจะไปร่วมงานปั่นที่เป็นการปั่นกินลมแบบนี้แหละ เหมาะสมกับเราที่สุดแล้วครับ อิอิ
งานต่อไป ผมจะไปปั่นกันที่งาน "ขี่เร็วอย่ามา ขี่ช้าขอเชิญ" ที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี 9 ก.พ. 57 นี้ แล้วคงจะได้เจอกันนะครับ
สวัสดีครับ
ประสบการณ์การออกทริปครั้งแรก "ปั่นเสือเที่ยวทุ่งตากฟ้า" นครสวรรค์
ผมเพิ่งปั่นได้ไม่นานนัก เป็นการปั่นกับครอบครัว และเพื่อนพี่น้อง ไม่ได้คิดจะไปแข่งขันที่ไหน เหตุเพราะต้องการออกกำลังกายเท่านั้น ผมวิ่งไม่ได้ เจ็บเข่า (วิ่งได้เหมือนกัน แต่มันจะปวดเข่าตามมา ไม่มากก็น้อย)
เพื่อนผม ที่ปั่นอยู่ก่อนแล้ว เป็นคนชวนเข้าวงการจักรยาน (อีกครั้ง) เสนอให้ผมไปหาทริปปั่นตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อหาประสบการณ์ในวงการจักรยานให้มากขึ้น ผมจึงเข้าเวบไซต์ที่เป็นสังคมจักรยานชื่อดังแห่งหนึ่ง คือ thaimtb.com ห้องชวนปั่น
เลือกดูจังหวัดที่มีทริปปั่นใกล้ ๆ จังหวัดสิงห์บุรี อยุธยา ละแวกไม่เกิน 300 กม. นี่ ผมไปได้หมด ยกเว้นทริปทางฝั่งกรุงเทพฯ เพราะผมกลัวรถมาก เดี๋ยวคนบ้านนอกจะเข้าไปทำอะไรเปิ่น ๆ เข้า
ทริปแรกที่ผมเลือกคือ ปั่นเสือเที่ยวทุ่งตากฟ้า อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ครับ ห่างสิงห์บุรีบ้านผมไป 70 กิโลเมตรเท่านั้น งานจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2557 ที่ผ่านมานี่เอง
ผมลงทะเบียนในกระทู้ชวนปั่นนั้น มีสมาชิกร่วมอุดมการณ์ห้าคน ชื่อทีมของเราคือทีม ครูบ้านนอก เนื่องจากทุกคนเป็นครูภูธรทั้งหมด
เรามารวมตัวกันที่บ้านผม สิงห์บุรี เพื่อเตรียมตัวเดินทาง เราออกเดินทางประมาณบ่ายสองโมง ด้วยรถเก๋งสองคัน คน 4 คน จักรยาน 4 คัน ส่วนเพื่อนอีกคน ขับรถมาทางลพบุรี ไปสมทบกันที่งาน เราตั้งใจไปค้างก่อน 1 คืน คือกะจะไปเที่ยวด้วยแหละ
ขับรถเพลิน ๆ ชิว ๆ กินโน่นกินนี่ไปเรื่อยตามประสา อิอิ
ผมควบรถปุเลง ๆ ไปถึงตากฟ้า ก็ประมาณสี่โมงเย็นพอดี มีคนกำลังเตรียมงานกันอยู่สองสามคน เขาจัดให้เราเข้าไปพักในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในรั้วของเทศบาลตากฟ้า เราก็กางเต๊นท์กันบนนั้นเลย อากาศกำลังหนาวเลยทีเดียว อุณหภูมิน่าจะอยู่ราว ๆ 17 องศาเซลเซียส โชคดีมากที่ตอนกลางคืน เขามีงานของดีตากฟ้าพอดี มีการแข่งตะกร้อในตลาดใกล้ ๆ ที่เราพัก มีร้านขายอาหาร ขนมเพียบ อิ่มแปล้ไป
ตอนเช้าแต่ละคนตื่นมาประมาณตีสี่ (ตื่นเต้น) เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมรถ ตลอดทั้งคืน ผมนอนฟังเสียงรถเข้าออกเทศบาลอยู่ตลอด เพื่อนนักปั่นจากต่างถิ่นเริ่มทยอยกันมาเข้าพื้นที่แล้ว
ตีห้า บริเวณนั้นคึกครื้นไปในทันที นักปั่นทั่วสารทิศเข้ามากันจำนวนมาก หลายคนเซ็ตรถ หลายคนซุกตัวในเสื้อกันหนาว หลายคนผิงไฟ หลายคนเดินมาทักทายผม แนะนำตัวเองกันสนุกสนาน สังคมจักรยานมันมีแต่เพื่อนแบบนี้นี่เอง ขนาดไม่รู้จักกันมาก่อนเลยนะ
หกโมงเช้า เพลงลูกทุ่งถูกเปิดดังกระหึ่มบริเวณ เสียงพิธีกรประกาศเป็นระยะ ๆ ให้พวกเราไปลงทะเบียน พร้อมกับรับเสื้อฟรี (ชอบ) ผมลงแข่งขันเสือหมอบรุ่น A 45 กม. ส่วนเพื่อน ๆ ในทีมอีก 4 คนที่เหลือ ลงรุ่น C ปั่นกินลมชมทุ่ง 25 กม. ตอนแรกผมก็กะจะลงรุ่น 25 กิโลนี่แหละ แต่เจ้าเพื่อนตัวดีนักปั่นทีมดังจากกรุงเทพฯ โทรมากำชับนักหนาว่า ลงรุ่น 45 กม. นะว้อย ห้ามลงรุ่นอื่น หัดแข่งขันบ้าง แกต้องกระหายในชัยชนะ (แต่มันลืมไปว่า ตรูอายุ 37 แล้วนะว้อย จะไปแข่งกับเด็กวัยรุ่นได้ไง)
เจ็ดโมงเช้า พิธีกรเริ่มประกาศให้เราไปรับประทานอาหาร งานนี้ อบจ.นครสวรรค์กับเทศบาลตากฟ้าจัดหนักจริง ๆ มีอาหารเลี้ยงไม่อั้น ข้าวต้มเครื่องร้อน ๆ กับน้ำเต้าหู้อร่อย ๆ เคล้ากับอากาศที่กำลังเย็น (ค่อนไปทางหนาว) ทำให้บรรยากาศงานนี้ดูสนุกขึ้นมาก โดยเฉพาะกับมือใหม่อย่างผม
ลงทะเบียนเสร็จแล้ว ได้เบอร์ 13 ครับ แหม่ มีอาถรรพ์ไหมเนี๊ยะ
จากนั้นพิธีกรก็ทำพิธีเปิดงานกันครับ ผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอกครับ แบบว่า คนมันแน่นเลย ทั้งรถทั้งคน
จากนั้น พิธีกรก็ปล่อยตัวครับ งานนี้ ผมไม่รู้เรื่องอะไรกับเขา เขาบอกให้เสือหมอบไปอยู่ข้างหน้า แต่มันไปไม่ได้อ่ะ เพราะผมอยู่ข้างหลังสุดที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเสือภูเขาสารพัดยี่ห้อ ผมจะไปข้างหน้าได้ยังไงกันล่ะเนี๊ยะ
แป๊บเดียว เสือหมอบกลุ่มใหญ่วิ่งผ่านถนนหน้าเทศบาลไป ในขณะที่ผมทำอะไรไม่ถูก เอาละวะ ผมปั่นออกประตูข้างเทศบาลอีกแห่งหนึ่งข้ามถนนแล้วรีบปั่นไปสมทบกับพวกเขาในทันที แต่มันก็ช้าเกินไป พวกเขานำหน้าผมไปเป็นกิโลแล้วล่ะครับ
ไม่เป็นไร ผมปั่นไปเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วประมาณ 25 กม./ชม. (ควักโทรศัพท์ออกมาดู Endomondo) ผมไปเท่านี้ก่อนล่ะกัน เดี๋ยวผมเหนื่อยหมดแรงไปต่อไม่ไหว สักพักผมก็เริ่มตามรถบางคันทัน บางคันความเร็วเริ่มลดลง ผมเริ่มแซงชาวบ้านได้บ้างแล้วแหละ
ผ่าน 17 กม.แรกไป ผมยังไม่ได้พัก ได้แต่หยิบขวดน้ำมาดื่มเป็นครั้งคราวเท่านั้น ผมไม่เคยปั่นติดต่อกันขนาดนี้มาก่อน ที่ปั่นอยุ่ทุกวันนี่ก็พักทุก ๆ ห้ากิโลอยู่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมยังไม่ได้ลงจากหลังอาน ลมพัดมาแรงมาก ๆ และไม่มีท่าทีว่าจะหยุด มีนักปั่นหลายคนปั่นตามหลังผมชนิดเกือบจะล้อชนกันอยู่แล้ว แบบนี้กระมังที่เขาเรียกว่าหัวลาก อิอิ
แต่พอผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่ง ขบวนที่ต่อหลังผมอยู่ดี ๆ นั้นก็หักออกขวา แซงผมไปแบบชนิดที่ว่าได้แต่มองตาม ทำไมพวกเขาขาแรงแบบนี้นะ
ไม่ตกใจอะไรเท่า เมื่อมีขบวนเสือภูเขา ซึ่งปล่อยตัวช้ากว่าผมถึง 10 นาที ค่อย ๆ ทยอยปั่นตามมา และแซงเสือหมอบอย่างผมชนิดที่ว่าผมสิ้นลายเลยทีเดียว
เส้นทางที่ใช้ปั่นยาว 45 กม. วิวสวยมาก ๆ น่าเสียดายที่ มาจัดงานกันผิดเวลาไปนิด ทำให้ทุ่งทานตะวัน ไม่เหลือให้เราดูแล้ว คอตกกันหมดเลย
และแล้ว ผมก็ปั่นจนจบครับ ไม่ได้เข้าอันดับสุดท้าย แต่ไม่ทราบว่าเข้าอันดับที่เท่าไหร่ เนื่องจากไม่มีกรรมการคอยดูไว้ ผมใช้เวลาในการปั่นระยะทาง 45 กม. ไป 1 ชั่วโมงกับ 59 นาที และเป็นการปั่นครั้งแรกในชีวิตที่ผมไม่ได้ลงจากหลังอานเลย ปั่นแบบต่อเนื่องจริง ๆ ผมหมดน้ำไป 1 ขวด สปอนเซอร์อีก 1 ขวด
สรุป
เป็นทริปที่สนุกมากครับ ถึงเป็นการจัดครั้งแรก ครั้งต่อไป ยังไงผมก็จะไปร่วมงานนี้อีก
ขอสรุปส่วนดีของงานนี้นะครับ
1. จัดงานได้ดีมาก สถานที่เหมาะสม
2. การดูแลผู้เข้าร่วมงาน ทำได้ดีมาก
3. เจ้าหน้าที่ดูแลเส้นทาง มีเพียงพอ ปลอดภัย
4. มีรถปิดท้ายคอยเก็บคนบาดเจ็บหรือไปไม่ไหว
5. อาหารอร่อยมาก เพียงพอต่อผู้เข้าร่วมกิจกรรม
6. เส้นทางสวยมากครับ เหมาะที่จะปั่นจักรยานจริง ๆ
ส่วนที่ผมคิดว่าต้องปรับปรุง
1. ป้ายประชาสัมพันธ์งานครับ ผมหาเจอแค่ป้ายเดียว และไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ต้องวนรถหลายรอบ ถามชาวบ้านสองครั้งกว่าจะไปถึงงานได้
2. ผู้จัดงาน หรือ อบจ. หรือ เทศบาลฯ ควรประสานงานกับหน่วยงานท่องเที่ยว หรือชาวบ้านในเขตนั้นที่ปลูกทานตะวัน ให้ผู้จัดงานสามารถคำนวณเวลาดอกทานตะวันบาน มันจะสวยงามมาก และเป็นจุดขายในการท่องเที่ยวที่นี่ อย่าว่าแต่จัดงานปั่นจักรยานเลย จัดเป็นเทศกาลปั่นจักรยานท่องเที่ยวยาวติดต่อกันเป็นสิบวันยังได้เลยครับ ศักยภาพของที่นี่มีพอ ผมเชื่อ
3. การเรียกรวมตัว และการปล่อยตัว อยากให้ชัดเจนขึ้นครับ เพราะบางท่านก็หาไม่เจอว่าจะไปเริ่มตรงไหน ทำให้สับสนไปบ้าง
แต่โดยรวม ผมให้คะแนนงานนี้ 90 เต็ม 100 ครับ
เป็นกำลังใจให้ผู้จัดงานทุกท่านครับ ขอบคุณจริง ๆ
ชมบรรยากาศของงานได้จากกระทู้นี้ต่อนะครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=55&t=888303
ตอนนี้ผมได้แนวทางการปั่นของทีมแล้วครับ เราจะไปร่วมงานปั่นที่เป็นการปั่นกินลมแบบนี้แหละ เหมาะสมกับเราที่สุดแล้วครับ อิอิ
งานต่อไป ผมจะไปปั่นกันที่งาน "ขี่เร็วอย่ามา ขี่ช้าขอเชิญ" ที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี 9 ก.พ. 57 นี้ แล้วคงจะได้เจอกันนะครับ
สวัสดีครับ