การหารือระหว่าง นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ 5 กกต. นำโดย ศุภชัย สมเจริญ
เป็นที่ยุติว่า จะไม่มีการเลื่อนวันเลือกตั้ง คือวันที่ 2 ก.พ. ดังนั้น กกต.มีหน้าที่ต้องจัดการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งไปตามเดิม ส่วนจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ จะมีปัญหากี่หน่วยกี่เขต พ.ร.บ.เลือกตั้ง บัญญัติให้มีการ จัดการเลือกตั้งใหม่ จนกว่าจะได้ ส.ส. เข้าสภา
ส่วนที่อ้างว่า เหตุการณ์วันที่ 2 ก.พ.จะวุ่นวาย จะเป็นการเลือกตั้งเลือด ปัญหานี้ต้องวิเคราะห์ให้ดี ถ้า กปปส.ไม่ไปขัดขวางการเลือกตั้ง หรือ กกต.ประกาศหน่วยเลือกตั้งใหม่ให้สามารถจัดการเลือกตั้งได้ ปัญหาก็จะน้อยลง
ใน 28 เขตเลือกตั้ง ที่ถูก กปปส.ยึดบัตรเลือกตั้งไปเก็บเอาไว้ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ก็ไม่เห็น กกต. จะแสดงอาการร้อนเนื้อร้อนใจ จะแก้ปัญหาอย่างไร จะไปขอบัตรเลือกตั้งคืน หรือจะจัดส่งบัตรเลือกตั้งไปใหม่ ถึงจะไม่มีผู้สมัคร ส.ส.แบบเขต ก็ต้องจัดให้มีการลงคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยกำหนดไว้เป็นกติกาชัดเจน
เหตุผลที่ กกต.อ้างว่า ถ้ามีการจัดการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.
จะเกิดความเสียหาย เนื่องจากมีการขัดขวางการเลือกตั้ง และเชื่อว่าสถานการณ์จะรุนแรงกว่าการเลือกตั้งล่วงหน้า นอกจากนี้ หลังการเลือกตั้งไปแล้วก็
ไม่สามารถที่จะประกาศรับรองการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อได้ เพราะใน 28 เขตเลือกตั้งไม่มีผู้สมัคร
โดยที่
กกต.ไม่ได้มองถึงผลเสียว่า หากไม่มีการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. จะเกิดผลเสียอย่างไร โดยเฉพาะ
กรณีที่อ้างว่าใน 28 เขตเลือกตั้งไม่มีผู้สมัคร ควรจะพูดให้ชัดเจนว่า มีผู้ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถลงสมัครได้เพราะถูกขัดขวาง ซึ่ง กกต.ก็ไม่ได้หาทางแก้ไขปัญหานี้ รวมทั้งผู้ที่ใช้สิทธิลงคะแนน ทั้งนอกราชอาณาจักรและการเลือกตั้งล่วงหน้าส่วนใหญ่ไปแล้ว จะมีผลกระทบถึงสิทธิและการนับคะแนนอย่างไร จะเสียสิทธิหรือไม่
หรือทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
กกต.มองแต่สิทธิของผู้ชุมนุมขัดขวาง แต่ไม่ได้มอง สิทธิของประชาชนที่ถูกขัดขวาง ไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งและไม่ให้ใช้สิทธิลงคะแนน โดยเฉพาะประเด็นสำคัญก็คือถ้าเลื่อนการเลือกตั้งไปแล้ว การชุมนุมจะยุติหรือไม่ จะมีการ บอยคอตการเลือกตั้ง อีกหรือไม่
และจะตอบคำถามว่า ประเทศไทยมี พ.ร.ฎ.
กำหนดวันเลือกตั้งไปแล้ว แต่กลับต้องเลื่อนการเลือกตั้ง เพราะถูกขัดขวางจากม็อบ ไม่ใช่เพราะเกิดเหตุสุดวิสัยจากภัยธรรมชาติ แต่เพราะไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง
หมายถึงความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยหรือไม่
กรณีที่รัฐบาลยกตัวอย่างของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ปี 2549 มาเป็นตัวอย่าง การที่จะกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้ หมายความว่า การเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.49 ต้องสิ้นสุดไปแล้ว แต่นี่ยังไม่ถึงวันเลือกตั้ง 2 ก.พ.ด้วยซ้ำ จึงไม่สามารถที่จะเสนอ พ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้ สุ่มสี่สุ่มห้า รัฐบาลอาจตกเป็นจำเลย ในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตาม ม.157 เนื่องจากที่
ศาลรัฐธรรมนูญให้เลื่อนวันเลือกตั้งได้ แต่ไม่มีกฎหมายรองรับ
เสี่ยงติดคุกทั้งขึ้นทั้งล่อง.
หมัดเหล็ก
ไทยรัฐออนไลน์
อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/column/pol/kaablook/399911
ไปไม่กลับ...ไทยรัฐออนไลน์!!
ใน 28 เขตเลือกตั้ง ที่ถูก กปปส.ยึดบัตรเลือกตั้งไปเก็บเอาไว้ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ก็ไม่เห็น กกต. จะแสดงอาการร้อนเนื้อร้อนใจ จะแก้ปัญหาอย่างไร จะไปขอบัตรเลือกตั้งคืน หรือจะจัดส่งบัตรเลือกตั้งไปใหม่ ถึงจะไม่มีผู้สมัคร ส.ส.แบบเขต ก็ต้องจัดให้มีการลงคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยกำหนดไว้เป็นกติกาชัดเจน
เหตุผลที่ กกต.อ้างว่า ถ้ามีการจัดการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. จะเกิดความเสียหาย เนื่องจากมีการขัดขวางการเลือกตั้ง และเชื่อว่าสถานการณ์จะรุนแรงกว่าการเลือกตั้งล่วงหน้า นอกจากนี้ หลังการเลือกตั้งไปแล้วก็ไม่สามารถที่จะประกาศรับรองการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อได้ เพราะใน 28 เขตเลือกตั้งไม่มีผู้สมัคร
โดยที่ กกต.ไม่ได้มองถึงผลเสียว่า หากไม่มีการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. จะเกิดผลเสียอย่างไร โดยเฉพาะกรณีที่อ้างว่าใน 28 เขตเลือกตั้งไม่มีผู้สมัคร ควรจะพูดให้ชัดเจนว่า มีผู้ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถลงสมัครได้เพราะถูกขัดขวาง ซึ่ง กกต.ก็ไม่ได้หาทางแก้ไขปัญหานี้ รวมทั้งผู้ที่ใช้สิทธิลงคะแนน ทั้งนอกราชอาณาจักรและการเลือกตั้งล่วงหน้าส่วนใหญ่ไปแล้ว จะมีผลกระทบถึงสิทธิและการนับคะแนนอย่างไร จะเสียสิทธิหรือไม่
หรือทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
กกต.มองแต่สิทธิของผู้ชุมนุมขัดขวาง แต่ไม่ได้มอง สิทธิของประชาชนที่ถูกขัดขวาง ไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งและไม่ให้ใช้สิทธิลงคะแนน โดยเฉพาะประเด็นสำคัญก็คือถ้าเลื่อนการเลือกตั้งไปแล้ว การชุมนุมจะยุติหรือไม่ จะมีการ บอยคอตการเลือกตั้ง อีกหรือไม่
และจะตอบคำถามว่า ประเทศไทยมี พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งไปแล้ว แต่กลับต้องเลื่อนการเลือกตั้ง เพราะถูกขัดขวางจากม็อบ ไม่ใช่เพราะเกิดเหตุสุดวิสัยจากภัยธรรมชาติ แต่เพราะไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง
หมายถึงความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยหรือไม่
กรณีที่รัฐบาลยกตัวอย่างของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ปี 2549 มาเป็นตัวอย่าง การที่จะกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้ หมายความว่า การเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.49 ต้องสิ้นสุดไปแล้ว แต่นี่ยังไม่ถึงวันเลือกตั้ง 2 ก.พ.ด้วยซ้ำ จึงไม่สามารถที่จะเสนอ พ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้ สุ่มสี่สุ่มห้า รัฐบาลอาจตกเป็นจำเลย ในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตาม ม.157 เนื่องจากที่ศาลรัฐธรรมนูญให้เลื่อนวันเลือกตั้งได้ แต่ไม่มีกฎหมายรองรับ
เสี่ยงติดคุกทั้งขึ้นทั้งล่อง.
หมัดเหล็ก
ไทยรัฐออนไลน์
อ้างอิง http://www.thairath.co.th/column/pol/kaablook/399911