แค่เรื่องเล่า

ผมก็คิดอยู่นานว่าจะเล่าเรื่องนี้ดีไหม จนถึงตอนนี้ที่กำลังจะเริ่มพิมพ์นี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเล่าไปดีไหม เกิดมาก็ไม่เคยเขียนเล่าอะไรยาวๆมาก่อน แต่เรื่องนี้พอมาถึงทุกวันนี้กลับนึกคิดแล้วก็สงสัย สบสน ไปทุกทีเลยครับ มันเป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อนอะไรมากครับ เป็นแค่ช่วงชิวิตช่วงนึงที่นับตั้งแต่ได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย เป็นความรู้สึกที่ไม่แปลกแต่ก็แปลกๆเหมือนกัน เรื่องนี้เกี่ยวกับผู้หญิงคนนึงครับ อาจจะยาวสักหน่อยนะครับ
           จำได้ว่าตอนนั้นตอนที่เพิ่งจบจากมัธยมใหม่ๆ มันเป็นช่วงเวลาที่เพื่อนๆรอบๆตัวต่างเตรียมตัวเพื่อสอบตรงหรือแอดมิดชั่นเพื่อที่จะเข้ามหาลัยกันอย่างมุ่งมั่น แต่ตอนนั้นผมเองกลับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด ไม่มีความมุ่งมั่นหรือพยายามอะไรเลย ไม่มีความอยากที่จะเข้ามหา่ลัยหรืออยากจะขนขวายมหาลัยดีๆหรือดังๆเลยครับ สรุปคือไม่รู้ว่าจะไปเรียนที่ไหนดี จำได้ว่าช่วงนั้นเพิ่งเลิกกับแฟนมาได้หมาดเลยๆ ไม่นานนัก(แฟนคนแรกด้วยสิ) คงเป็นเพราะอย่างนั้นมั้งครับ ผมเลยไม่ค่อยคิดอยากจะทำอะไรเท่าไหร่ ตอนที่เลิกกับแฟนนั้น คำว่า "ความรัก" มันไม่มีความหมายกับผมอีกต่อไปเลยครับ ผมแอนตี้ผู้หญิงมาก แบบเป็นเพื่อนก็ไม่ได้คิดอะไรครับ แต่ความรู้สึกที่ว่าจะไปชอบ หรือไปรักผู้หญิงคนไหนอีกนั้น แทบไม่มีอีกเลย รู้สึกว่ามัน...ไม่ใช่อีกต่อไปเลยครับ แล้วช่วงนั้นเพื่อนๆต่างก็เริ่มได้ที่เรียนกันไปเรื่อยๆทีละคนละครับ จนเหลือผมกับเพื่อนที่ยังไม่มีที่เรียน(เรื่องสอบตรงนั้นไม่ได้สอบเลยครับ เกรดการเรียนต่ำมาก ช่วงตอนเรียนเกเรไปหน่อย) จนสุดท้ายก็ต้องรอแอดมิดชั่นครับ ในวันไปสอบ GAT PAT ONET นั้น ก็ไม่ได้อ่านหนังสือไปสอบเลยครับ ไปแต่ตัวเปล่าๆกับอะไรที่ต้ิดอยู่ในสมองบ้างหละครับ ไปกับเพื่อน แล้วช่วงนั้นก็ปิดเทอม นั่งรอผลแอดออกกันไป ตอนปิดเทอมมันก็ว่างๆครับ ไม่มีอะไรทำเท่าไหร่ บวกกับผมไม่ค่อยขอตังพ่อแม่ไปเที่ยวหรือซื้อของเลยเพราะท่านก็ค่อนข้างลำบากเลยหละครับแค่ค่าขนมทุกวันก็เหนื่อยแล้ว ผมก็เลยไปหางานพิเศษทำไปเรื่อยๆ พร้อมกับในสมองที่ไร้จุดหมายไร้ความรู้สึก ไม่มีอะไรเลย ใช้ชีวิตไปวันๆ วนเวียนไปเรื่อยๆ ตื่นก็เที่ยงกินข้าว ออกไปทำงาน กลับมาก็ดึก เล่นเกม ตีหนึ่งตีสองถึงนอน ช่วงนั้นเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดเลยครับจนกระทั่งผลแอดมิดชั่นออก ตอนแรกก็ไม่กล้าจะเปิดดูหรอกครับ แต่ก็เตรียมใจไว้แล้วว่าไม่น่าจะติดอะไร แต่แล้วผลมันออกมาว่า "ผมแอดมิดชั่นติดครับ" เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อที่หนึ่งละกันครับ ผมก็งงเหมือนกันครับมันติดได้ไง ทั้งๆที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยด้วยซ้ำ คงดวงดีล้วนๆ พอรู้ตัวว่าติดก็เตรียมตัวสำหรับไปรายงานตัว และที่ทางสำหรับไปเรียนครับ
            ในวันแรกที่ไปสอบสัมภาษณ์ ก็ยังไม่รู้สึกถึงความอยากไปเรียนในมหาลัยอยู่เลยครับ ไปสัมภาษณ์สาย ไปถึงก็มีสัมภาษณ์นิดหน่อย ถ้าเป็นสอบตรงผมคงตกสัมภาษณ์ไปแล้วครับแต่นี่คงเป็นเพราะว่าแอดเข้ามา สัมภาษณ์เลยไม่มีผลอะไรมากนัก ในวันแรกผมไม่ได้คุยกับใครเลยครับจึงเรียกได้ว่าไม่รู้จักใครเลย แล้วหลังจากวันสัมภาษณ์ก็มีวันที่จะต้องมาทำกิจกรรมกับคณะครับ ในคณะนั้นจะแบบออกเป็นหลายสาขาเอกวิชามากครับ คนจึงเยอะกว่าวันสัมภาษณ์มากเลย และในวันนี้หละครับเป็นวันแรกที่ผมได้พบกับ "เธอคนนั้น" เพื่อนคนแรกใน มหาลัยของผม เหตุที่ทำให้ผมได้เจอกับเธอถ้านึกผ่านๆก็ไม่แปลกอะไรมากครับ แต่ตอนนี้กลับมานั่งคิดดูมันอยากกับในหนังเลยครับ คือในวันกิจกรรมของคณะ เขาก็จะแบ่งกลุ่มนิสิตใหม่ออกเป็นกลุ่มๆเพื่อทำกิจกรรมตามฐานครับ แน่นอนผมก็ไม่มีเพื่อนอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เลยต้องเดินคนเดียวครับ ในใจก็พยายามจะมองหาเพื่อนสักคนแต่ก็ไม่ค่อยจะคุยกับใครนัก แต่แล้วเธอก็เข้ามาทักผมครับ เป็นคำทักทายสั้นๆง่ายๆ "สวัสดี" แค่นั้นครับ ผมได้แต่งงๆและก็ทักทายกลับไป จนกระทั่งมาถึงฐานๆนึง รุ่นพี่ให้เล่นเกมโดยแบ่งคนในกลุ่มออกเป็นสี่กลุ่มครับ เป็นเกมส่งจดหมายใบ้คำครับ คือตัวเกมก็ง่ายๆคือคนหน้าสุดได้คำใบ้แล้วต้องใบ้ต่อๆกันมาให้คนสุดท้ายตอบให้ถูกโดยระหว่างส่งห้ามพูดเด็ดขาด แล้วผมก็ได้รับบทเป็นคนสุดท้ายครับ และพอหมดเวลามีแค่สองกลุ่มที่ส่งคำใบ้ทันครับ นั่นคือกลุ่มผมกับอีกกลุ่มนึง กลุ่มผมได้ตอบเป็นกลุ่มแรก (ก่อนตอบนั้นคนต่อหน้าผมไม่รู้ด้วยอะไร คงอยากชนะครับ ก็ได้บอกกับผมมาเป็นคำพูดเลยว่าคำตอบคืออะไร) ผมก็ตอบไปครับและก็ตอบถูก ส่วนอีกกลุ่มนึงนั้น เล่นตามเกมครับ แต่เค้าตอบผิด ตามกฎแล้วคนตอบผิดจะโดนลงโทษครับแต่อีกกลุ่มที่โดนลงโทษนั้นเป็น ผู้หญิงครับ และผู้ลงโทษจะเป็นกลุ่มที่ชนะ คือ ผมนั่นเอง และผู้หญิงคนนั้นที่จะต้องโดนผมลงโทษนั้น ก็คือ เธอคนนั้นนั่นเองครับ บทลงโทษก็แค่แป้งเต็มมือแล้วก็ไปทาหน้าเขาแค่นั้นครับ แต่ไม่รู้ด้วยอะไร รุ่นพี่ดันบอกว่าให้เธอลงโทษผมด้วย เพราะถือว่าเป็นผู้ชาย ก็แน่นอนครับ ตอนนั้นในใจมันเต้นตึกๆเลยครับ แล้วก็บรรจงค่อยๆทาแป้งลงบนแก้มเธอ แต่แป้งยังไม่ทันได้ทาเลยครับเธอเล่นโปะมาเต็มหน้าเต็มมือ เต็มตา เต็มปากผมเลยครับ เรียกได้ว่า ไม่รู้จักกันเลย แค่คุยกัน "สวัสดี" คำเดียว เธอไม่มียั้งหรือเกรงใจเลยครับ แถมโปะแล้วยังทำหน้าเหมือนตกใจแล้วก็หัวเราะอีก ตอนนั้นบอกตรงๆผมอายแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆครับได้แต่เดินกลับมานั่งที่แล้วก็ทำกิจกรรมต่อไปยังมีอีกหลายกิจกรรมครับที่เธอทำแสบกับผมไว้แต่เล่าไปจะยาวอีกเยอะ จนหมดวันไปครับ พอกลับมาบ้านก็มานั่นนึกถึงวันแรกที่ได้ทำกิจกรรมไป แล้วก็ได้นึกถึงเธอขึ้นมา นึกแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ แต่พอนึกได้อีกที แม้แต่ชื่อเธอผมก็ยังไม่รู้เลยครับ ตอนนั้นก็เลยไม่รู้จะติดต่อเธอยังไงดี แต่บังเอิญโชคดีครับ ตอนนั้นมีเพื่อนตั้งกลุ่มสำหรับเด็กใหม่ขึ้นมา ซึ่งรวบร่วมคนไว้ค่อนข้างเยอะพอสมควรและยังเป็นกลุ่มเด็กใหม่ที่ใหญ่ที่สุดของรุ่นผมด้วยครับ ด้วยความที่ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำไงถึงจะติดต่อเธอได้ เลยเดาความเป็นไปได้ว่าเธอน่าจะมีโอกาสที่จะอยู่ในกลุ่มรวมเด็กใหม่นี้ด้วย ก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมก็ได้สละเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เปิดเฟส นั่งหาสมาชิคในกลุ่มครับ โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเจอหรือเปล่า โดยเบาะแสเดียวที่มีก็คือ รูปโปรไฟล์ครับ โดยแค่หวังในใจลึกๆว่าเธอจะอยู่กลุ่มนี้และใช้รูปโปรไฟล์เป็นรูปตัวเองครับ ผมก็นั่งหาไปเรื่อยๆ คนแล้วคนเล่า แต่ก็ไม่เจอสักทีครับ จนกระทั่ง ไปสะดุดกับเฟสนึงเข้า รูปโปรคล้ายมากครับ ผมเลยตัดสันใจแอดไป และเธอก็รับแอดครับ และในที่สุดก็ สำเร็จ! เป็นเธอจริงๆด้วยครับ ตอนนั้นรู้สึกดีใจมาก เหมือนเจอสมบัติล้ำค่าท่ามกลางมหาสุมทรเลยครับ ช่วงนั้นก็ได้คุยกับเธอเรื่อยเปื่อยครับ แต่เป็นการคุยเหมือนเพื่อนมากกว่าครับ ทักกันไป วันนี้ที่มหาลัยมีทำอะไรบ้าง หรือว่าจะย้ายเข้าหอวันไหนครับ (คือที่มหาลัยผมปีหนึ่งต้องไปอยู่หอครับ) จนสุดท้ายวันปฐมนิเทศก่อนเปิดการศึกษาครับ ซึ่งมหาลัยมีกิจกรรมติดต่อกัน 3 วันได้ครับ และเป็นช่วงที่ย้ายเข้าหอด้วยครับ ช่วงกิจกรรม 3 วันนั้นก็ไม่มีอะไรครับ เป็นกิจกรรมทั่วไป แต่ครั้งนี้มันต่างไปตรงที่ผมมีเพื่อนแล้วครับ ก็คือเธอนั่นเอง เวลาทำกิจกรรมอาจมีแยกกันบ้างรวมกันบ้างผมก็ทำไปเรื่อยๆครับ ก็ได้เจอเพื่อนใหม่มากเพิ่มขึ้นด้วย พอหลังจากกิจกรรมปฐมนิเทศก่อนเปิดเรียนแล้วนั้นเราก็ต่างแยกย้ายกันไปเรียนตามสาขาวิชาของตนครับ แต่ที่เรียนกับหอนั้นอยู่ใกล้กันสุดๆครับ เดินไปเรียนปั่นจักรยานไปเรียนได้เลย ใช้ชีวิตชิวมากครับ เช้าเรียน ไม่ต้องเร่งตื่นมาก ตกเย็นออกกำลังกายกินข้าว หรือไปเที่ยวบ้าง อากาศดีครับ (บรรกาศที่น่าคิดถึง) เวลานอนก็นอนที่หอครับก็ สบายอยู่ได้ไม่ลำบากมาก โดยมีเมทร่วมห้องตอนแรกอยู่รวมกัน 4 คนครับ ก็อยู่สบายดีไม่อึดอัน แต่แล้ววันนึงมีเมทใหม่ย้ายเข้าห้องมา คนนี้เป็นตัวเด็ดของเรื่องนี้เลยครับ ตอนแรกพอรู้ว่าจะมีคนย้ายเข้ามาเพิ่มรู้สึกกังวลครับ เพราะว่าตอนอยู่ 4 คนมันก็ชินแล้วให้มีคนมาเพิ่มมันเลยรู้สึกแปลกๆครับ แต่แล้ววันนึงเพื่อนใหม่ก็ย้ายเข้ามาครับ ผมก็พยายามปรับตัวเข้าหา ช่วงแรกๆเขาแทบไม่อยู่ห้องเลยครับ คงเพราะปรับตัวยังไม่ได้เหมือนกันเลยไปอยู่กับเพื่อน สักพักถึงได้เพิ่งเริ่มคุยกันครับ ปรากฎว่า เขาคนนั้นอยู่เอกเดียวกับเธอครับ พอได้ยินครั้งแรกก็รู้สึกอึ่งนิดๆครับ เพราะโดยปกติแล้วเมทแต่ละคนจะอยู่กันคนละคณะ แต่คนนี้กลับอยู่คณะเดียวกับผมครับ แต่ก็ใช้ชีวิตไปได้เรื่อยๆครับ ทุกอย่างดีมาก เราทั้ง 5 คนสนิทกันดีครับ และผมกับเธอก็ได้รู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆได้ไปเล่นกีฬาด้วยกัน บางวันโชคดีได้นั่งกินข้าวด้วยกันบ้างแต่ก็เป็นกลุ่มใหญ่ๆครับมีเพื่อนๆเอกเธอเยอะมาก รวมทั้งเมทผมด้วย ผมจึงสนิทกับเอกอื่นมากกว่าเอกตัวเองซะอีก พอเสาร์อาทิตย์กลับบ้าน ก็ได้คุยกันทางเฟสบุ๊คบ้าง จนมีครั้งนึงเธอไม่ได้กลับบ้านเสาร์อาทิตย์ครับแต่ผมกลับ ก็ได้คุยเฟสกัน เธอบ่นมาว่าอยากกินขนมอยู่ที่มหาลัยไม่ค่อยมีขนมกินมากนัก แน่นอนครับผมก็มุ่งมั่นเต็มแรงซื้อขนมไปให้เธอครับ เป็นโดนัท แต่ระหว่างทางไปมหาลัยต้องนั่งรถตู้ไป ตอนแรกก็กังวลว่าจะเอาไปยังไงดีไม่ให้ขนมมันเละ ปกติเวลานั่นรถตู้ก็จะหลับครับ แต่ครั้งนึ้เพื่อปกป้องขนม นั่งถ่างตามันตลอดทางมาเลยครับ ห่วงแต่ขนม มาถึงจุดคลายแมคครับ ตอนที่จะเอาไปให้เธอนั่นเอง บอกตามตรงครับไม่กล้าเอาไปให้เธอจริงๆ ผมจึงได้ทำการจัดแจงเอาขนมไปวางไว้บนห้องของตัวเองครับแล้วก็เปลียนเสื้อผ้าไปออกกำลังกายโดยวางขนมไว้บนโต๊ะครับ และระหว่างทางเดินไปออกกำลังกายนั้นผมก็โทรไปหาไอ้เมทคนนั้นที่เรียนอยู่เอกเดียวกับเธอให้มันเอาขนมไปให้แทนครับ แล้วผมก็ตีเนียนไม่รู้ไม่ชี้ไป จนวันรุ่งขึ้นหลังจากเรียนเสร็จมากินข้าวเที่ยงเธอก็มาทักแล้วก็ขอบใจเรื่องขนมครับ แล้วเธอก็บอกว่าเมทเธอถามว่าทำไมผมต้องเอาขนมมาให้ด้วย ทำไม ทำไม ทำไม แล้วเธอก็เล่ามาอย่างงี้ครับ แล้วก็ทำหน้านิ่งๆเฉยๆเหมือนเป็นเรื่องปกติ TT (ส่วนผมก็ทำหน้านิ่งๆครับ นิ่งซะยิ่งกว่าเธอซะอีก แต่ในใจนั้นมันเต้นตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยหละครับ) และผมก็ทำอย่างนี้มาเรื่อยครับ ซื้อขนมมาเรื่อย แล้วก็ให้ไอ้เมทเอาขนมไปให้เธอเรื่อยครับ ทำอยู่ประมาณ สองเดือนได้ จนมาวันนึงเมทผมมันมาถามผมว่า "ซื้อขนมมาให้ทุกอาทิตย์แบบนี้ ทำไมไม่จีบไปเลยว่ะ" คำถามนั้นเล่นเอาผมเงียบไปสักพักใหญ่เลยครับ แต่ก็ตอบปัดๆไปว่า ก็เพื่อนกัน เห็นบอกว่าอยากกินก็เลยซื้อมาให้ครับ ก็แค่นั้น แต่ในใจคิดนู่นนี่นั่นไปเรื่อยเลย เล่นเอาไม่เป็นอันทำอะไรไปหลายวันอยู่ครับ

อ่ามาถึงตอนนี้เขียนมาเยอะพอสำควรเลย ถ้ามีคนอ่านมาถึงตรงนี้ก็ ขอบคุณมากครับที่เข้ามาอ่าน ไว้เดี๋ยวผมจะมาต่อนะครับ ขอพักสักแปปนึง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่